“ขอโทษทีพี่กี้”
“กี้อย่าไปดุดรีมเลย ว่าแต่เห็นกี้บอกมีข่าวดีจะบอกไม่ใช่เหรอ” เพราะไม่อยากให้อาภัสดาโดนดุไปมากกว่านี้แพรวพรรณจึงทักท้วงถึงข่าวดีที่ภีรมาสเปรยไว้
“ข่าวดีอะไรเหรอพี่กี้” อาภัสดาหันมาถามอย่างคนอยากรู้
“คุณพารันขอฉันแต่งงานแล้วน่ะสิ” ภีรมาสตอบออกไปแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง เพราะในที่สุดผู้ชายที่ทั้งหล่อและรวยคนนี้ก็ขอเธอแต่งงาน แม้เธอกับเขาจะคบกันไม่ถึงปี แต่เธอและเขาก็รักกันมาก มากจนเขาบอกอยากแต่งงานกับเธอ แล้วก็เซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงานที่ร้านอาหารในฝรั่งเศสเมื่อปลายเดือน ทำเอาเธอทั้งเขินทั้งดีใจ และก็ตอบตกลงไปแล้ว
“จริงเหรอ!” ทั้งสองสาวเอ่ยถามพร้อมกัน
“ก็จริงน่ะสิ นี่ไงรูปคุณพารัน เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าพ่อวงการเพชรชื่อดังของไทย แล้วคุณพารันยังทำธุรกิจส่งออกเครื่องหนังอีกด้วย เขาเป็นผู้ชายที่รวยมาก แต่สาวๆ ของ คุณพารันก็เยอะเหมือนกัน แต่เขาก็เลือกฉันเป็นเจ้าสาวของเขา” พูดจบภีรมาสก็รีบโทรศัพท์คืนจากเพื่อน ที่เธอเปิดภาพว่าที่เจ้าบ่าวให้สองสาวดู
“ก็กี้สวยขนาดนี้คุณพารันก็ต้องรักกี้มากอยู่แล้ว แต่แพรวดีใจด้วยนะที่กี้จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว” แพรวพรรณอวยพรเพื่อนรักและดีใจกับเพื่อน
“แพรวเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะชวนเพื่อนในวงการอีกสักสามสี่คน เอาแต่คนสนิทๆ มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ส่วนยัยดรีม...”
“ไม่เอานะพี่กี้ ดรีมขอช่วยงานอย่างอื่นแทน” อาภัสดารีบออกตัวก่อน เพราะตนไม่ถนัดใส่ชุดสวยๆ อีกอย่างก็กลัวตัวเองจะไปทำเปิ่นกลางงาน อับอายคนเปล่าๆ
“ก็ตามใจแกแล้วกัน แต่แพรวห้ามปฏิเสธนะ”
“แพรวจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้” แพรวพรรณตอบรับด้วยความยินดี
“แล้วเผลอๆ เธออาจได้เจอเนื้อคู่ในงานแต่งของฉันก็ได้นะ เพราะงานนี้จะมีหนุ่มๆ มากันเพียบ เธอเลือกได้ตามสบายเลยนะแพรว” ภีรมาสบอกเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ที่เธอพูดไปแบบนั้นก็เพราะเธออยากให้เพื่อนรักมีแฟนกับเขาสักที
“ดูพูดเข้า”
“หรือเธอไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว”
“แพรวยังไม่คิดหรอก ขอดูแลแม่ก่อน”
“แม่เธอก็ดีขึ้นตั้งเยอะแล้ว ฉันว่าเธอหาแฟนได้แล้ว แต่ถ้าหาไม่ได้ เดี๋ยวฉันหาให้ เอาเป็นเพื่อนคุณพารันดีไหม คุณพารันมีเพื่อนไฮโซเยอะ ฐานะแต่ละคนก็ดีๆ ทั้งนั้น ถ้าจับได้อยู่หมัดนะ รับรองสบายไปทั้งชาติ” ภีรมาสที่เห็นเงินสำคัญที่สุดในชีวิตเอ่ยบอก ด้านสองสาวก็หันมองหน้ากันและกันอย่างตกใจกับความคิดของนางแบบสาว
“แพรวยังไม่อยากมีแฟน กี้ไม่ต้องแนะนำ” แพรวพรรณบอกกล่าวเพื่อนรัก
“จ้าแม่คุณ แต่ระวังจะขึ้นคานเอานะ”
“สวยๆ อย่างพี่แพรว คงไม่ขึ้นคานหรอกพี่กี้ แต่คงต้องรอนานหน่อยกว่าเนื้อคู่พี่แพรวจะมา” จบคำของอาภัสดา สองสาวก็พากันหัวเราะเบาๆ จะมีก็แต่แพรวพรรณที่หัวเราะไม่ออก เพราะจู่ๆ เธอก็ดันกลัวการขึ้นคาน!
“กี่โมงแล้วเนี่ย” จู่ๆ ภีรมาสก็พูดขึ้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าแบรนด์ดังขึ้นมาดู “ตาย! จะห้าโมงแล้ว แพรว! ฉันกลับก่อนนะ มีงานตอนบ่ายสอง เดี๋ยวกลับไปเตรียมตัวไม่ทัน”
“งั้นก็รีบไปเถอะ แต่อย่าขับรถเร็วล่ะ”
“งั้นฉันกลับล่ะ แล้วแกจะกลับเลยไหมยัยดรีม”
“กลับเลยก็ได้ พอดีดรีมนัดเจอเพื่อนๆ ไว้ พี่แพรว ดรีม กลับก่อนนะ แล้วถ้าว่างๆ จะมาเยี่ยมอีก”
“จ้ะ ขับรถกลับกันดีๆ นะ” จบคำของแพรวพรรณ สองสาวก็เดินออกจากบ้านโดยมีแพรวพรรณเดินออกมาส่งสองเพื่อนรักที่รถ รอจนเพื่อนทั้งสองขับรถลับตาไปแล้วเธอจึงเดินเข้าบ้านและตรงไปยังห้องวาดภาพ เพื่อวาดภาพที่ลูกค้าสั่งให้เสร็จตามกำหนด
ใกล้เที่ยงของวัน ศิวา หนุ่มหล่อเจ้าของร้านขายภาพและนักวาดภาพอิสระ ที่เผอิญผ่านมาแถวบริษัทของเพื่อนรักจึงแวะเข้ามาหา หวังชวนกันออกไปทานมื้อกลางวันและสอบถามถึงข่าวที่กำลังอยู่ในความสนใจ
“สวัสดีครับคุณเลขา” มาถึงโต๊ะทำงานของเลขาคนสวยแล้วศิวาก็ทักทายอีกฝ่ายไปทันทีพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์
“สวัสดีค่ะคุณศิวา มาพบคุณพารันเหรอคะ” เลขาสาวเงยหน้าถามกลับพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ครับ ว่าแต่เจ้านายคุณอยู่หรือเปล่าครับ พอดีผมไม่ได้โทรนัดไว้”
“คุณพารันอยู่ในห้องทำงานค่ะ เชิญคุณศิวาเข้าไปได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ศิวาพูดจบก็เดินตรงมาที่ห้องทำงานของเพื่อนรัก เคาะประตูส่งสัญญาณบอกก่อนแล้วเปิดเข้าไป เข้ามาแล้วชายหนุ่มก็มาหยุดมองภาพวาดที่ลูกศิษย์คนสวยได้วาดเอาไว้ ที่พารันเห็นก็ชอบเลยซื้อมาไว้ในห้องทำงาน
“ศิวา! แกเป็นอะไร มาถึงก็เอาแต่มองภาพวาด หรือคิดถึงคนวาด” พารัน ศิริไพศาล หนุ่มหล่อขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่พักงานที่กำลังทำแล้วเอ่ยทักเพื่อนรัก
“เปล่า! แต่ภาพนี้ยิ่งมองยิ่งสวย” ศิวาหมายถึงภาพวาดของบ้านไม้หลังเล็กๆ ท่ามกลางท้องทุ่ง ที่มองเพลินและสบายตา
“ไอ้ที่สวยของแกคือภาพวาดหรือคนวาด เอาให้แน่”
“ฉันหมายถึงภาพวาด” ศิวาย้ำชัดๆ ทุกคำ
“เอ่อ! ภาพก็ภาพ แต่ฉันขอเดาว่าลูกศิษย์ของแกคนนี้คงสวยไม่เบาเลย แล้วทำไมแกไม่จีบล่ะ แกเองก็โสดมาเป็นสิบปีแล้วนะเพื่อน”