“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะยอมทำตามคำรับสั่งของพระบิดา หรือว่าจะทำตามพระหฤทัยเรียกร้อง”
อามิลพลอยไม่สบายใจไปด้วย ซึ่งเขายังมองไม่ออกว่าเจ้าชายอีสดรีสส์จะขัดคำสั่งของพระบิดาได้อย่างไร ก็ในเมื่อเจ้าชายอะดะบีได้หมั้นหมายอัลรีน่าไว้ให้พระโอรสตั้งแต่อัลรีน่ายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะอามิล”
ขณะย้อนถามองครักษ์เอก เจ้าชายอีสดรีสส์ก็ยกพระหัตถ์เสยพระเกศาให้ยุ่งไปหมด ทรงหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยว่าพระบิดาจะไม่ยอมให้พระองค์ทำตามที่พระหฤทัยต้องการ
“กระหม่อมได้แต่ภาวนาและเอาใจช่วย พร้อมทั้งให้ความร่วมมือเต็มที่ เพื่อให้ฝ่าบาทได้พบพระชายาที่ทรงเลือกจากพระหฤทัย”
หากเจ้าชายอีสดรีสส์จะขัดคำสั่งของพระบิดา ผู้ที่เป็นองครักษ์เอกก็พร้อมเป็นกองหนุน ทำได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เจ้าชายอีสดรีสส์ได้มีความสุข
“ขอบใจเจ้ามากอามิล”
เจ้าชายอีสดรีสส์แย้มพระสรวลบางๆ พลางตบหนักๆ ลงไปบนบ่าของผู้ที่นั่งอยู่แทบพระบาท ก่อนจะตรัสปรึกษาหารือกันต่อ
“ท่านพ่อบอกว่าอัลรีน่าอายุครบยี่สิบสี่ปีเมื่อไรก็จะจัดพิธีอภิเษกสมรส เจ้าพอจะรู้ไหมว่าเหลือเวลาให้เราได้หายใจมากน้อยสักเพียงใด”
“ราวๆ หนึ่งเดือนกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
การตอบอย่างรวดเร็วของอามิล ทำเอาเจ้าชายอีสดรีสส์ต้องเลิกพระขนง จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งด้วยความแปลกพระทัย จากนั้นจึงได้ตรัสถามเพื่อให้คลายอาการสงสัย
“ทำไมถึงได้รู้เรื่องของอัลรีน่าดีจังเลย เจ้าอามิล”
อามิลยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยตอบให้เจ้าเหนือหัวได้หายสงสัย “กระหม่อมติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของคุณอัลรีน่าตลอดเวลาพ่ะย่ะค่ะ สื่อทุกช่องทุกแขนงในดาลิยาให้ความสนใจคุณอัลรีน่ามาก ยิ่งเข้าใกล้เดือนแห่งความสุขที่จะได้ร่วมฉลองแสดงความยินดีในพิธีอภิเษกของฝ่าบาทกับคุณอัลรีน่า เธอก็ยิ่งถูกจับตาและกล่าวขานมากเป็นพิเศษ”
เจ้าชายอีสดรีสส์พยักพระพักตร์รับรู้ แม้ในรัฐมิชิแกนจะไม่มีสื่อช่องไหนเสนอข่าวของอัลรีน่า ผู้ที่งดงามในแผ่นผืนทะเลทราย แต่โลกกลมๆ ที่ก้าวล้ำรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้องครักษ์อามิลสามารถติดตามข่าวสารของอัลรีน่าได้จากโลกไซเบอร์ ซึ่งพระองค์เชื่อว่าเว็บไซต์ของประเทศดาลิยาคงลงข่าวของอัลรีน่าทุกวันอย่างแน่นอน
“เฮ้อ! ทำไมท่านพ่อเหลือเวลาให้เราหายใจน้อยชะมัด แค่เดือนกว่าๆ จะไปเพียงพออะไร เฉพาะงานในดาลิยาเราก็แทบไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนแล้ว”
ดวงเนตรคมกริบของเจ้าชายอีสดรีสส์ทอดมองไปยังนอกหน้าต่างเครื่องบิน จับจ้องอยู่ที่ปุยเมฆขาวสะอาด ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวอย่างสง่างามไปตามคลื่นลม พระองค์ถอนพระปัสสาสะเฮือกใหญ่ รู้ว่าทันทีที่เหยียบแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ภารกิจมากมายก็พร้อมให้พระองค์สานต่อจากพระบิดา ถึงแม้จะมีเวลาให้จัดการกับปัญหาชีวิตแค่เพียงน้อยนิด พระองค์ก็ไม่ย่อท้อและเต็มพระทัยที่จะรับภาระทั้งหมดมาไว้ในสองพระหัตถ์คู่นี้ เพื่อให้พระบิดาได้พักผ่อนบ้าง เพราะสงสารพระบิดาที่ต้องรับภาระดูแลประเทศมาอย่างช้านาน
อามิลรู้สึกเห็นใจเจ้าชายอีสดรีสส์ที่ต้องรับภาระหนักทันทีที่เดินทางถึงประเทศดาลิยา เขาเหลือบสายตามองไปยังทิศทางที่ตั้งของห้องนอนหรู ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“แล้วฝ่าบาทจะทำอย่างต่อไปพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงเรื่องของคุณลอร่าด้วย จะให้เธออยู่ที่ดาลิยาหรือว่าส่งกลับอเมริกา”
“อย่างหลังอามิล เครื่องบินลงจอดเมื่อไร เจ้าให้ใครจัดการส่งลอร่ากลับอเมริกาด้วย เราเอือมลอร่าจะแย่แล้ว รู้ยังงี้ไม่รับเธอมาด้วยก็ดี”
เจ้าชายอีสดรีสส์เปล่งวาจาโดยไม่แคร์ ก่อนจะเอนพระวรกายพิงเบาะที่นั่ง แล้วหลับดวงเนตรนิ่งๆ เป็นการพักสายพระเนตรชั่วครู่ชั่วยาม
“ฝ่าบาทจะไปพักอีกห้องไหมพ่ะย่ะค่ะ”
อามิลเอ่ยถามเบาๆ กำลังจะขยับตัวไปเตรียมห้องให้เจ้าชายหนุ่มได้พักผ่อน แต่พระหัตถ์ใหญ่ก็ยกขึ้นโบกปฏิเสธ พร้อมกับพระสุรเสียงห้าวทุ้มที่ย้ำสั่ง ทั้งๆ ที่ยังหลับดวงเนตรอยู่
“ไม่ต้องอามิล อย่าลืมทำตามที่เราสั่งล่ะ ลอร่าจะต้องไม่ได้อยู่ที่ประเทศดาลิยา”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อามิลรับคำสั่ง แล้วถอยออกมานั่งห่างจากเจ้าเหนือหัวเล็กน้อย เขาทอดสายตามองพระพักตร์คมเข้ม พระโอษฐ์สีสดไม่แพ้อิสตรีของเจ้าชายอีสดรีสส์ ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ สงสารลอร่าเหมือนกันที่
กำลังจะถูกทิ้งโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยหญิงสาวผู้หิวเงินได้ เพราะหากเจ้าชายอีสดรีสส์รับสั่งคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ใครก็ขัดคำสั่งของพระองค์ไม่ได้ มีหลายร้อยเสียงพูดว่าเจ้าชายอีสดรีสส์เป็นนักรักที่ใช้ผู้หญิงเปลืองที่สุด และเมื่อได้เชยชมสมพระทัยอยากแล้วก็จะสลัดพวกเธอทิ้งอย่างไม่แยแส แต่พวกเขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า เจ้าชายอีสดรีสส์ไม่ได้ให้พวกเธอไปมือเปล่า ทุกคนจะจากไปพร้อมกับเงินทองก้อนโตสามารถนำไปตั้งตัวได้เลยทีเดียว
‘ขอให้เจ้าชายได้พบกับดอกไม้งาม ที่สามารถพิชิตพระทัยของฝ่าบาทได้เร็วๆ ทีเถอะ’
ขณะพึมพำอยู่ในใจ องครักษ์หนุ่มได้คิดถึงสาวน้อยแสนน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงงามจากแผ่นดินที่เขามีเลือดผสมอยู่ครึ่งตัวนั่นคือประเทศไทย หญิงสาวผู้นี้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในรัฐมิชิแกน ที่มองเจ้าชายอีสดรีสส์ด้วยสายตารังเกียจ และแอบเบ้ปากใส่ทุกครั้งที่เจ้าชายอีสดรีสส์ได้เสด็จผ่านเธอ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าหญิงสาวคนนั้นจะเป็นนารีผู้พิชิตพระหฤทัยของคาสโนว่าแห่งแผ่นดินทะเลทรายหรือเปล่า
ท่าอากาศยานนานาชาติประเทศดาลิยา...
เจ้าชายอีสดรีสส์ก้าวลงจากเครื่องบินด้วยท่วงท่าองอาจผึ่งผาย สูทสีน้ำเงินเข้มที่สวมใส่ รอยเคราที่ขึ้นเขียวครึ้มเต็มสันพระหนุ ส่งให้พระองค์ดูคมเข้มหล่อเหลายิ่งนัก
“ท่านพ่อ”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงดำเนินเร็วๆ เข้าไปสวมกอดพระวรกายสูงใหญ่ของพระบิดาไว้แน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะผละออกช้าๆ แล้วแย้มพระสรวลกว้างให้กับพระบิดา
“กลับบ้านเราสักทีน่ะ อีสดรีสส์”
เจ้าชายอะดะบีตรัสพร้อมด้วยรอยแย้มพระสรวล ทรงดีพระทัยที่โอรสเพียงองค์เดียวสำเร็จการศึกษา นำวิชาความรู้กลับมาพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองแทบเท่ากับประเทศอื่นๆ ในโลกตะวันตก
“พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ กลับมาคราวนี้ลูกจะไม่เดินทางไปไหนแล้ว จะอยู่ดูแลบริหารประเทศแทนท่านพ่อเอง เผื่อว่าท่านพ่อจะได้มีเวลาไปหาพระชายาองค์ใหม่บ้าง”
เจ้าชายอีสดรีสส์แซวพระบิดาพร้อมด้วยรอยพระสรวลกว้าง อยากให้พระบิดาหาพระชายาองค์ใหม่เพื่อจะได้พูดคุยปรับทุกข์ ปรนนิบัติพระองค์
“พ่อไม่คิดมีชายาคนใหม่หรอกอีสดรีสส์ พ่อรักเดียวใจเดียว เมื่อหมดท่านแม่ของเจ้าไปแล้ว พ่อก็ไม่อยากรักใครอีก เพราะไม่มีใครสามารถมาแทนที่ท่านแม่ของเจ้าได้”
พระชายาของเจ้าชายอะดะบีได้จากไปเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังรักมั่นไม่เคยคิดหาใครมาแทนที่พระชายาผู้งดงาม ถึงแม้ไม่มีพระชายาคอยอยู่เคียงข้าง แต่พระองค์ก็มีความสุข เมื่อได้เห็นราษฎรที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์อยู่ดีกินดีเกือบถ้วนหน้า
เจ้าชายอีสดรีสส์และอามิลต่างก็อมยิ้มเป็นปลื้ม ขณะได้ยินพระดำรัสที่ประมุขแห่งดาลิยาได้ตรัสถึงพระชายาผู้ล่วงลับด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน เปี่ยมล้นไปด้วยความรักที่มิมีเสื่อมคลาย
“เมื่อไรลูกจะเจอหญิงสาวที่งดงามเหมือนท่านแม่น่ะ”
เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสออกมายิ้มๆ ลองกวาดสายพระเนตรมองรอบๆ บริเวณลานสนามบิน เผื่อว่าจะเจอหญิงสาวที่ว่าบ้าง แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อปะทะกับสายตาของสาวๆ ที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ ได้จ้องมองพระองค์ราวกับหิวกระหายและเชิญชวนอย่างชัดแจ้งจนพระองค์นึกขยาด