บทที่ึ7 ตอแหลมา... ตอแหลกลับไม่โกง...

2745 Words
บทที่ 7 ตอแหลมา...ตอแหลกลับไม่โกง ร่างอวบที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดเดินนำหน้าสาวใช้ทั้งสามมายังหน้าจวนพบพ่อบ้านตู้ที่ง่วนสั่งบ่าวรับใช้หลายคนอยู่ "พ่อบ้านตู้ ช่วยเตรียมรถม้าให้ข้าด้วยข้าจะออกไปข้างนอก" "บ่าวได้เตรียมไว้ให้แล้วขอรับ และนี่เป็นเงินที่นายท่านสั่งเบิกให้คุณหนูห้าร้อยตำลึงขอรับ" "เยอะไปหรือไม่..."เลี่ยงเฟิ่งมองดูตั๋วเงินห้าใบใบละร้อยตำลึงอย่างชั่งใจ "เรื่องนี้คงต้องถามนายท่านขอรับ บ่าวเพียงทำตามคำสั่ง"ชายชราท่าทางใจดีเอ่ยตอบผู้เป็นบุตรสาวของเจ้านายอย่างนอบน้อม "เช่นนั้นหรือ แล้วถ้าเราจะไปเดินตลาดพ่อบ้านตู้ไปด้วยได้หรือไม่" "อ่อ เป็นเช่นนั้นเองหรือขอรับบ่าวเองวันนี้ก็ต้องไปเดินสำรวจราคาตามที่นายท่านมอบหมายเช่นกันขอรับ" "เช่นนั้นดีเลย ไปกันเถอะ"เลี่ยงเฟิ่งรับตั๋วเงินเอาไว้ยื่นให้อิงอิงสาวใช้คนสนิทเก็บให้ดี "ขอรับ" เพียงสองก้านธูปรถม้าก็มาถึงตลาดใหญ่ของเมืองหลวง ตลอดทางล้วนเรียงรายไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่นำขายมาวางขายให้ผู้คนได้จับจ่ายใช้สอย ผู้คนต่างเดินขวักไขว้ร้านลวงน้อยใหญ่ตลอดทั้งสองฝั่งถนน "ลงตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนู"ล "จอดรถม้าเถอะ ข้าจะลงตรงนี้" "ขอรับ"คนขับรถม้ารับคำสั่ง กระตุกเชือกม้าเบาๆ สองครั้งเพื่อให้ม้าหยุดวิ่งเพียงครู่เดียวรถม้าก็จอดสนิท อิงอิง ซินหมี่และซินซูลงจากรถม้าตามลำดับเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เป็นนาย "คุณหนูเชิญเจ้าค่ะ" เลี่ยงเฟิ่งลงรถม้าอย่างทุลักทุเลไม่น้อย ด้วยชุดที่ยาวเกือบถึงพื้นแม้จะมีสาวใช้คอยช่วยประคองก็ตาม ก็นางยังไม่ชินการลงม้านี่หน่า "คุณหนูไหวไหมขอรับ.." พ่อบ้านตู้ที่ยืนรออยู่เห็นอาการเจ้านายทุลักทุเลไม่น้อย "เดินไปคุยไปเถอะ ข้ามีบางเรื่องอยากสอบถามด้วยขอรับ" "ขอรับ" ร่างอวบที่เริ่มบอบบางลงมองโดยรอบเพื่อซึมซับบรรยากาศ ยุคสมัยนี้ที่ไร้มลพิษฝุ่นควันและอากาศเย็นสบายหเหมาะกับการเดินชมไม่น้อย ไม่นานก็หลุดจากภวังค์เอ่ยถามพ่อบ้านที่เดินตามไม่ห่าง "ท่านพ่อต้องการเสบียงเพิ่มเพื่อช่วยกองทัพใช่หรือไม่" "ขอรับ แต่ด้วยข่าวคราวชายแดนมิสู้ดีนักราคาข้าวของแพงละลิ่วขอรับเกรงว่าจะซื้อได้ไม่มากนักขอรับ" "เช่นนนั้นหรือ" "ไข่เป็ด ไข่ไก่ขายถูกๆ จ้า "เสียงแม่ค้าตะโกนเสียงเพื่อชวนเชิญซื้อไข่ของตนเองด้วยลูกค้าน้อยยิ่งนัก เลี่ยงเฟิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ไปถามราคาอย่างสนใจ "ไข่ขายอย่างไร" "ไข่เป็ดไข่ไก่ใบละอีแปะ เจ้าค่ะ คุณหนูท่านนี้รับกี่ฟองดีเจ้าค่ะ" "ไหนว่าราคาข้าวของแพงอย่างไรเล่า"ใบหน้างามหันไปถามพ่อบ้านตู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงสัย "มีไข่กับปลาขอรับ ที่เป็นวัตถุดิบที่มิสามารถเก็บไว้ได้นานราคายังคงเป็นเช่นเดิมอยู่"สิ้นเสียงชยชรา ดวงตางามเป็นประกายทันทีไข่ถูกทำไข่เค็มปลาถูกทำปลาแห้งเก็บได้นานหลายเดือน เพียงเท่านี้ก็หาทางออกให้บิดาได้แล้ว "เช่นนั้นหรือ... ท่านป้าข้าเหมาทั้งไข่เป็ดไข่ไก่เจ้าค่ะ ส่งจวนตระกูลหวังหากว่ามีคนอยากขายก็ให้ไปขายที่ตระกูลหวังได้เลย" "ได้...ได้...เจ้าค่ะ..."แม่ค้าขายไข่ตาโตรีบรับคำทันทีอย่างตื่นเต้น "คุณหนูขอรับ..." "ข้ามีวิธีพ่อบ้านอย่าได้เป็นห่วงเรื่องเสบียง เปิดจวนรับซื้อไข่ทั้งหมดได้เลยทุกอีแปะให้ใช้เงินในส่วนเบี้ยเลี้ยงของข้า หากไม่พอใช้เงินส่วนนี้ได้เลยข้าอนุญาติ"มือบางยื่นตั๋วเงินห้าใบกลับคืนให้พ่อบ้านตู้พร้อมท่าทีเด็ดขาดว่าเป็นคำสั่ง "บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ"เมื่อพ่อบ้านตู้รับรู้ถึงความแน่วแน่ของผู้เป็นนาย "อีกอย่างตั้งโต๊ะรับซื้อปลาหน้าจวน แล้วก็ไปสั่งร้านเครื่องปั้นดินเผาทำไหส่งไปที่จวนหลายๆ ไห ที่เหลือช่วงบ่ายข้าจะไปเป็นลงมือเอง" "ขอรับ เช่นนั้นบ่าวกลับจวนไปเตรียมการก่อนนะขอรับ" "อืมไปเถอะ ข้าจะเดินเล่นอีกสักหน่อย" เลี่ยงเฟิ่งเดินเบี่ยงออกมาจากร้านขายไข่โดยมุ่งหน้าไปดูร้านเครื่องประดับที่อยู่ห่างออกไปสี่ร้านด้วยต้องการหาของตอบแทนสาวใช้ที่สามที่ทำดีมาตลอด นางถือคติดีมาดีกลับ...ร้ายมาร้ายกลับสิบเท่าพันทวี... เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านกลับพบว่ามีบุรุษร่างบอบบางนั่งด้านข้างร้านพร้อมกระดาษที่เขียนขึ้นว่า "ยินยอมเป็นทาสแลกเงินสิบตำลึงเพื่อทำศพมารดา"บุรุษก้มหน้าลงสภาพมอมแมมอ่อนแรง "คุณหนูไปเถอะเจ้าค่ะ"อิงอิงเมื่อเห็นผู้เป็นนายหยุดลงหันมองด้านข้างแววตาล้ำลึก "คนผู้นั้น..." "ไม่ได้นะเจ้าค่ะ คุณหนูทาสในโรงค้าทาสหากเป็นทาสชั้นดีราคาเพียงสี่ตำลึงเท่านั้น นี่ถึงกับตั้งราคาถึงสิบตำลึง" "คนผู้นั้นก็เป็นคนเช่นกัน เพียงต้องการเงินตำลึงเพื่อทำศพมารดา"ไม่ว่าเปล่าเลี่ยงเฟิ่งเดินเข้าไปใกล้หยิบเงินตำลึงห้าตำลึงสองก้อนวางบนแผ่นกระดาษ "คุณหนู..."สาวใช้ทั้งสามเอ่ยเสียงหลงรีบวิ่งตามไปห้าม "ข้าให้เพราะอยากช่วย ทำเงินไปทำศพมารดาแล้วจากไปเสีย" "ข้าขอเวลาเพียงสองวันกลับไปทำศพมารดาแล้วจะกลับมารับใช้ท่าน" บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองผู้มีพระคุณอย่างซาบซึ้ง "ข้ามิต้องการบ่าวเพิ่ม ถือว่าข้าให้" "คุณหนู..."อิงอิง "ข้ามิได้ขาดแคลนเงินและบ่าวไพร่ ทำตามความปรารถนาของเจ้าเถอะ"มือบางหยิบซาลาเปาจากสาวใช้ที่นางแวะซื้อระหว่างทางมาสองลูกวางไว้ข้างๆ ชายหนุ่มแล้วเดินเข้าร้านเครื่องประดับไม่หันกลับมามองอีก โดยไม่รู้เลยว่าสายตาของบุรุษผู้หนึ่งนั่งจิบชาอยู่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามมองอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ "ขออภัยที่ให้รอนาน คุณชายลู่"ร่างบางนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางยกยิ้มน้อยๆ "คุณหนูหวังเอ่ยเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี่เอง" "ต้องขออภัยอีกครั้งที่เมื่อสามวันก่อนผิดนัด ด้วยเกิดเรื่องที่จวนเสียก่อน" "อ่อ ได้ข่าวว่าคุณหนูหวังถูกกักบริเวณข้าเองจะถือโทษโกรธได้อย่างไร" "ขอบคุณคุณชายลู่ที่เข้าใจ ข้านั้น..."ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ คลอเมื่อพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทำให้บุรุษที่พบเห็นใจอ่อนยวบลงไม่น้อย หรือว่าภายใจจวนนางจะได้รับความไม่เป็นธรรม... "คุณหนูหวังในฐานะสหาย หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือได้เพียงบอกมาข้ายินดีช่วยอย่างเต็มที่" "จริงๆๆ นะเจ้าค่ะ..."มือบางรีบจับบุรุษตรงหน้าอย่างลืมตัวเมื่อได้สติ รีบปล่อยทันทีพร้อมใบหน้าแดงก่ำ "คือ...ท่านพอจะช่วยสาวใช้คนสนิทของข้าได้หรือไม่ นางถูกขายให้หอคณิกามิรู้ว่าที่ใด นางยังเด็กเพียงทำผิดเล็กน้อยเท่านั้น" "เรื่องเป็นมาอย่างไร" "นางเพียงทำผิดเล็กน้อยเท่านั้น น้องรองถึงกับสั่งโบยและขายสัญญาทาสให้หอคณิกา ข้ามิอาจช่วยสาวใช้คนสนิทได้หวังว่าคุณชายลู่จะช่วยเหลือ" "น้องรอง คุณหนูรองตระกูลหวังที่จะแต่งเข้าตำหนักรุ่ยอ๋องใช่หรือไม่เห็นข่าวลือว่ากันว่าใบหน้าอัปลักษณ์นิสัยร้ายกาจชอบทุบตีหาเรื่องบ่าวไพร่มิคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง" "คือ..."อ้ายเซียงอ้ำอึ้งมิกล้าเอ่ยอันใดต่อด้วยกลัวว่าหากปฎิเสธอดีตสาวใช้คนสนิทจะมิได้รับการช่วยเหลือ "เช่นนั้น..หากช่วยออมาแล้วจะรีบส่งข่าว"สาวใช้ตระกูลหวังที่ถูกขายให้หอคณิกาเมื่อสามวันก่อนสืบไม่ยากนัก "ขอบคุณ คุณชายลู่ที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ วันนี้ข้าต้องรีบกลับหากไว้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ข้าย่อมช่วยอย่างเต็มที่แน่นอนเจ้าค่ะ"คนงามยิ้มสว่างไสวอีกครั้งเมื่อสามารถช่วยเหลืออดีตสาวใช้คนสนิทได้ "เช่นนั้นหรือ เดี๋ยวข้าไปส่งครึ่งทางก็แล้วกัน" "เจ้าค่ะ" อีกด้านหนึ่ง "คุณหนูบ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ" "บ่าวเองก็รับไว้ไม่ได้เช่นกัน" "บ่าวก็ด้วยเจ้าค่ะ" "รับไว้ ข้าตั้งใจมอบให้อย่าให้ข้าเสียน้ำใจที่มอบให้รู้หรือไม่"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้มเด็ดขาด เมื่อทั้งสามสาวใ้คนสนิทต่างมิยอมรับเครื่องประดับที่นางซื้อให้ "แต่ว่ามันแพงมากเลยนะเจ้าค่ะ" "เจ้าเป็นสาวใช้ของข้า ย่อมต้องมีเครื่องประดับบ้างอย่าให้คนอื่นว่าเอาได้" "เจ้าค่ะ "สาวใช้คนสนิททั้งสามตอบรับแผ่วเบาน้ำตาคลอมองปิ่นในมื้อเป็นรูปดอกไม้แต่ละกลีบล้วนมีอัญมณีสีสดใสฝังอยู่ราคาสูงลิ่วถึงด้ามละยี่สิบห้าตำลึง "ข้าเหนื่อยแล้วกลับกันเถอะ" เมื่อเลี่ยงเฟิ่งกับสาวใช้ทั้งสามออกมาจากร้านเครื่องประดับ ดวงตาเรียวกลับเห็นคุณหนูผู้หนึ่งใบหน้าคุ้นตายืนอยู่ข้างๆ บุรุษผู้หนึ่งพูดคุยอย่างสนิทสนมดุแล้วมีความสุขไม่น้อย 'โอ้ว..จับได้คาหนังคาเขา' เมื่อเลี่ยงเฟิ่งกับสาวใช้ทั้งสามออกมาจากร้านเครื่องประดับ ดวงตาเรียวงามกลับเห็นคุณหนูผู้หนึ่งใบหน้าคุ้นตายืนอยู่ข้างๆบุรุษผู้หนึ่งพูดคุยสนิทสนิทมีความสุขไม่น้อย 'โอ้ว..จับได้คาหนังขาเขาแล้วสินะ' ใบหน้างามยกยิ้มมุมปาก ช่างโลกกลมหรือพรมมลิขิต... เลี่ยงเฟิ่งเดินเข้าไปหาทั้งสองโดยมีสาวใช้ตามติดตามไม่ห่าง... "มิคิดว่าจะเจอพี่หญิงใหญ่ที่นี่นะเจ้าค่ะ"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยขึ้นขณะที่เดินตัดหน้าไปอยู่ด้านหน้าของบุคคลทั้งสอง "น้อง...รอง..." อ้ายเซียงใบหน้าซีดเผือดรีบหลบหลังคุณชายลู่อย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ "น้องรองเช่นนั้นหรือ..."บุรุษหนึ่งเดียวท่ามกลางบทสนทนาเอ่ยพึมพำเบาๆด้วยไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้ง นี่คือคุณหนูผู้นั้นที่คิดช่วยค่าทำศพบุรุษข้างทางที่คิดขายตนเป็นทาสแลกเงินสิบตำลึงอย่างใจดี จะเป็นไปได้อย่างไรกันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะเป็นคุณหนูรองตระกูลหวังหรือว่าต้องมีอันใดผิดพลาดเป็นแน่... "พี่หญิงใหญ่มาเดินเที่ยวตลาดกับว่าที่พี่เขยหรือเจ้าค่ะ เหตุใดมิกล้าสู้หน้าข้าเล่า"ใบหน้าของเลี่ยงเฟิ่งเอ่ยถามอีกครั้งใบหน้าใสซื่อ "น้องรองข้าขอเถอะนะ อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ"อ้ายเซียงพยายามทำใจกล้าจับมือเลี่ยงเฟิ่งเพื่อขอร้องอย่างมีแผนการบางอย่าง "อร้ายยย...น้องรอง"ไม่ทันที่เลี่ยงเฟิ่งจะตอบอันใดร่างบอบบางดั่งกิ่งหลิวของผู้เป็นพี่สาวก็เซล้มกับพื้นก้นจ้ำเบ้าราวถูกผลัก ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างเริ่มให้ความสนใจ ใบหน้างามเต็มไปด้วยน้ำตาคลอเหมือนได้รับความเจ็บปวดยิ่ง ทางด้านเลี่ยงเฟิ่งเองก็คิดอยู่แล้วพี่หญิงใหญ่คนนี้มากเล่ห์ คิดจะตอแหลกับนางร้ายเช่นนางที่กวาดรางวัลมามากมาย... ยังเร็วไปพันปี... "พี่หญิงใหญ่ เหตุใดจึงทำข้าเช่นนี้ข้าเพียงมาทักทายท่านเท่านั้น"เลี่ยงเฟิ่งที่มองดูอัปกัปกริยาพี่หญิงใหญ่ของตนอยู่ก่อนแล้ว ร่างของนางเองก็เซถลาถอยหลังไปเล็กน้อยโดยมีคุณชายลู่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆรับไว้ได้ทันท่วงที มือบางจิกเล็บเข้าเนื้อแขนตนเองเล็กน้อยอยู่ก่อนแล้วค่อยอ้อยอิ่งเอาผมล้องหูทำให้ชายแขนอาภรณ์หลุดรุ่ยให้ผู้คนโดยรอบได้เห็น "คุณหนูใหญ่หวัง ข้ามิคิดเลยว่าเจ้าถึงกับทำน้องสาวของเจ้าลงคอ"ร่างหนาเห็นบาดแผลของร่างบางที่อยู่อย่างปวดใจ ข้อแขนมีบาดแผลรอยเล็บจนเลือดซึมออกมา "คุณชายท่านนี้ อย่าพึ่งต่อว่าพี่ใหญ่เลยเจ้าค่ะ บางทีพี่หญิงใหญ่อาจไม่ตั้งใจ..." ร่างของเลี่ยงเฟิ่งค่อยๆผละออกจากถอยห่างเพื่อมิให้ผู้อื่นเข้าใจผิด กลิ่นหอมเย้ายวนค่อยๆจางหายจนร่างหนานึกขัดใจไม่น้อย "เจ้า!!!..."อ้ายเซียงมองคุณชายลู่ที่นางปักใจชื่นชอบ กลับช่วยเหลือน้องรองผู้ร้ายกาจแทนที่จะเป็นตน ก้นของนางกระแทกพื้นด้วยความเจ็บปวดมากนางจึงมิสามารถลุกได้ในขณะนี้ "พี่หญิงใหญ่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ" เลี่ยงเฟิ่งยังคงแสดงต่อตรงเข้าไปพยุงร่างพี่สาวที่ล้มลงพื้นอย่างอารีให้ค่อยๆลุกขึ้น พลางกระซิบที่ข้างหูพี่สาวเบาๆ "ข้าว่าบุรุษผู้นี้ช่วยข้าก่อนเพราะชอบข้าไม่น้อย ท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าค่ะ"สิ้นคำกระซิบของเลี่ยงเฟิ่ง อ้ายเซียงสติขาดผึ่ง เพี๊ยะ!!! เสียงตบหน้าดังสนั่นท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้คนโดยรอบ "สารเลว ไม่ต้องมาช่วยข้า"เสียงเอ่ยตวาดดังลั่น ใบหน้างามแดงก่ำเริ่มได้สติหันมองซ้ายขวาแล้ววิ่งจากไปท่ามกลางฝูงชน "พี่หญิงใหญ่ ตอบข้าทำไมเจ้าค่ะฮือๆๆ...."เลี่ยงเฟิ่งยังคงแสดงบทบาทถูกกระทำต่อ "มิคิดเลยว่าคุณหนูใหญ่จะนิสัยเช่นนี้ " "ใช่ๆๆๆ" "จิตใจทำด้วยอะไรกล้าตบน้องสาวต่อหน้าผู้คน" และเสียงซุบซิบนินทาว่าร้ายต่างๆนาๆของชาวบ้านโดยรอบที่เห็นเหตุการณ์ พรุ่งนี้มิแน่ว่าทุกวงน้ำชาอาจพูดเล่าลือพูดคุยใส่สีตีไข่มากมายเป็นแน่ "คุณหนูหวังเป็นอย่างไรบ้าง "ร่างหนาเข้ามาช่วยพยุงให้หญิงสาวให้ลุกขึ้นอีกครั้ง ด้วยตนเองก็คาดมิถึงว่าคุณหนูใหญ่ที่รู้จักนั้นจะมีนิสัยเลวร้ายเช่นนี้ทั้งที่ตนเองก็แน่ใจมาตลอดว่านางเรียบร้อยอ่อนหวาน มีความคิดแปลกใหม่เหมาะสมที่จะอยู่เคียงข้างตนเองยิ่งแท้ๆ "ขอบคุณชายลู่เจ้าค่ะ" "คุณหนู..."สาวใช้คนสนิททั้งสามที่ติดตามมาถูกสั่งห้ามมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องราวก่อนหน้า รีบเข้ามช่วยพยุงเจ้านาย "สาวใช้ของข้ามาพอดี เช่นนั้นข้าขอตัวกลับจวนก่อนเจ้าค่ะ"ร่างบางก้มหน้าลงนอบน้อมน่าสงสารเช่นผู้ถูกกระทำซ่อนร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมิชิด บอกแล้วว่าตอแหลมา...ตอแหลกลับไม่โกง... พี่หญิงใหญ่หนอพี่หญิงใหญ่แล้วเจ้าจะรู้ว่าพอกลับไปจวนเจ้าจะรู้ว่านรกรอพี่หญิงใหญ่อยู่นะเจ้าค่ะ ทางด้านคุณชายลู่มองตามคุณหนูรองตระกูลหวังผู้น่าสงสารขึ้นรถม้ากลับจวนจนสุดสายตา แม้รูปลักษณ์จะมิได้บอบบางดั่งกิ่งหลิวแต่กลิ่นกายกลับหอมเย้ายวนชวนให้ลุ่มหลงไม่น้อย เมื่อกับถึงตำหนักของตนเองก็ยังคงนึกถึงใบหน้าหมดจดงดงามเย้ายวนดั่งจิ้งจอกจำแลงกายที่ยังคงตราตรึงใจ "องค์ชายจะรับน้ำชาเพิ่มหรือไม่พะยะค่ะ"องครักษ์คนสนิทเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยน้ำชาในกานั้นเย็นชือจนหมดแล้ว แต่ผู้เป็นนายกลับนั่งเหมอลอยราวคิดคำนึงเรื่องบางเรื่องอยู่ "อืม..."คุณชายลู่หรือหลงลู่หานองค์ชายลำดับที่สองของราชวงศ์เอ่ยขึ้นอย่างเหม่อลอย มือหนาลูบอกด้านซ้ายของตนเองอย่างชั่งใจหรือว่าคุณหนูรองหวังคือคนที่ใช่และเหมาะสมกับเขามากกว่าหวังอ้ายเซียง ขณะคิดอย่างเหม่อลอยกลับพบว่ามีบางสิ่งเกี่ยวอาภรณ์ด้านในอกเอาไว้ มือหนาค่อยๆปลดบางสิ่งออกมาพบว่าเป็นต่างหูประดับอัญมณีสีแดงหนึ่งข้าง เมื่อพินิจอยู่นานนี่เป็นของคุณหนูรองหวังเป็นแน่เขาจำได้ดี มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองมาห่อไว้อย่างทะนุถนอมหวงแหน 'หวังเลี่ยงเฟิ่งว่าที่พระชายาเอกรุ่ยอ๋อง เห็นว่ารุ่ยอ๋องมิเต็มใจแต่ง หากว่าตนเองขออาสาแต่งเองเล่าเสด็จพ่อย่อมต้องยินดีที่มิต้องบังคับจิตใจรุ่ยอ๋องอีก ' ____________________________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD