บทที่ 9 วอนหาเรื่องตาย

2285 Words
"ที่นี่นับเป็นที่ฝึกยอดฝีมือด้านการรักษา หมอหลวงที่รับใช้ในวังหลวงล้วนเป็นศิษย์สำนักแห่งนี้ขอรับ" กูหลี่เอ๋อร์ร้องอ้อออกมาคำหนึ่งแล้วเอ่ยถาม "เราจะอยู่ที่นี่นานเท่าใด" "ยังมีเรื่องให้คุณชายสะสาง อาจต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่อื่นหน่อยขอรับ" องครักษ์เฉิงจั่วมิได้บอกความลับทางราชการแก่นาง กูหลี่เอ๋อร์เองก็ไม่ซักถามอันใด เพราะยามนี้รู้สึกเหนื่อยจนอยากจะอาบน้ำชำระร่างกายจากนั้นก็ทิ้งร่างลงบนที่นอนนุ่ม ๆ แล้วพักให้เต็มตา กูหลี่เอ๋อร์มองไปโดยรอบ ได้กลิ่นหอมของสมุนไพรคละคลุ้งรวมทั้งกลิ่นอาหารปะปนมาพร้อมกับกลิ่นหอมนั้น หลายวันมานี้นางล้วนถูกบังคับให้กินปลา ช่วงวันแรกที่โจวหลิวหยางแกะก้างให้ก็ยังพอทนไหวกินด้วยความรัก แต่ความรักของนางช่างจืดจางเร็ววันนักเมื่อวันต่อ ๆ มานางแทบจะกลืนปลาพวกนั้นไม่ลงแล้ว บัดนี้เมื่อได้กลิ่นของเนื้อย่างทั้งยังมีกลิ่นน้ำแกงหอมฉุย ท้องของนางก็ร้องขึ้นมาโดยไม่เกรงใจ นางรีบเดินตามเฉิงจั่วไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยปากอย่างไม่เกรงใจ "เฉิงจั่วเจ้าก็เคยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ เช่นนั้นคงคุ้นเคยดี ข้าหิวยิ่งนักเจ้าช่วยข้าได้หรือไม่" เฉิงจั่วยิ้ม "ขอรับ เฉิงจั่วเคยอยู่ที่นี่เพื่อคุ้มครองคุณชายจริง ที่นี่ยามนี้มีคุณชายเป็นผู้สืบทอดและดูแล สถานที่แห่งนี้จึงนับว่าเป็นบ้านของคุณหนูเช่นกัน" "เฉิงจั่วเจ้าอยู่เป็นยิ่งนัก รู้จักกล่าวเอาใจข้าด้วย" เฉิงจั่วยิ้ม "ท่านคือคู่หมั้น อย่างไรก็ต้องเป็นของท่านมิใช่หรือ ข้าน้อยเพียงเอ่ยตามจริงเท่านั้นมิได้อยู่เป็นอันใด" หัวใจของกูหลี่เอ๋อร์พองโตเมื่อได้ยินเฉิงจั่วกล่าวเช่นนั้น ยังมีศิษย์น้อยใหญ่มากมายออกมาต้อนรับ เฉิงจั่วไม่รู้ว่าจะบอกฐานะของกูหลี่เอ๋อร์อย่างไร เพราะบัดนี้โจวหลิวหยางต้องการให้กูหลี่เอ๋อร์อยู่ข้างกายในฐานะสาวใช้ แต่ความกลัดกลุ้มเล็ก ๆ นี้พลันถูกทำลายลงเมื่อกูหลี่เอ๋อร์เอ่ยปากด้วยตนเอง "นามของข้าคือกูหลี่เอ๋อร์ เป็นคนสำคัญของคุณชายโจว พวกเจ้าตามสบายเถิดไม่ต้องเกรงใจ" บุรุษหน้าขาวทั้งยังอยู่ในอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งจึงประสานมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "คารวะแม่นางกู" กูหลี่เอ๋อร์เป็นสตรีผู้งดงามทั้งยังมีท่าทางที่ดูอย่างไรก็มิใช่บ่าวไพร่ หากบอกว่าเป็นคนสำคัญของคุณชายโจวเต็มปากเช่นนี้ ฐานะของนางนั้นคงมิใช่ธรรมดา นางน่าจะเป็นสตรีอุ่นเตียงของโจวหลิวหยาง กูหลี่เอ๋อร์มองหาโจวหลิวหยางทว่าตอนนี้กลับไม่พบแม้แต่เงาของเขาแล้ว นางจึงหันไปถามเฉิงจั่ว "คุณชายไปที่ใดหรือ ไยหายไปเร็วเช่นนี้" เฉิงจั่วยิ้มพร้อมกับตอบว่า "คุณชายคงไปเคารพสุสานท่านอาจารย์ขอรับ ประเดี๋ยวคงกลับมา เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยคุณหนูไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะให้คนยกอาหารและน้ำอุ่นไปให้ท่านที่เรือนรับรอง ที่นี่อาจไม่สะดวกสบายเท่าโรงเตี๊ยมแต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่อง หากคุณหนูต้องการสิ่งใดก็แจ้งแก่สาวใช้ได้เลยขอรับ" กูหลี่เอ๋อร์พยักหน้ามองสาวใช้นางหนึ่งที่อยู่ในอาภรณ์ขาวทั้งตัว การตัดเย็บเรียบง่ายไม่มีลวดลายใด ผมของบ่าวรับใช้ถูกเกล้ามวยสูงแล้วปิดทับด้วยผ้าคาดสีขาว ใบหน้าเล็กของสตรีนางนั้นจึงดูสดใสบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง "เชิญแม่นางกูตามข้ามาเจ้าค่ะ ที่พักของท่านข้าได้เตรียมเอาไว้ให้แล้ว" "ขอบคุณ" กูหลี่เอ๋อร์กล่าวอย่างมีมารยาท บ่าวผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินนำหน้าพานางและเสี่ยวเหมยไปที่เรือนรับรอง กูหลี่เอ๋อร์เดินตามสาวใช้ไปจนสุดทางเลี้ยงซ้ายสองครั้งเลี้ยวขวาอีกหลายครั้งจึงพบเรือนรับรองของตนเอง ที่จริงสถานที่แห่งนี้กว้างขวางคล้ายจวนขุนนางในราชสำนัก มิได้เป็นสถานที่เล็ก ๆ อย่างที่กูหลี่เอ๋อร์เข้าใจ เพียงเปิดประตูเข้าไปก็พบเครื่องเรือนเรียบง่าย กลิ่นกำยานสมุนไพรคลายใจหอมฟุ้งกำจาย ภายในอบอุ่นยิ่งนักทำให้รู้สึกผ่อนคลายโดยพลัน กูหลี่เอ๋อร์อดทนกับความหนาวมาหลายวันเมื่อได้พบความอบอุ่นร่างทั้งร่างแทบจะทิ้งลงตรงนี้ รู้สึกสบายยิ่งนัก กูหลี่เอ๋อร์รู้สึกชื่นชอบสถานที่อันเรียบง่ายนี้จริง ๆ สาวใช้ผู้นั้นหันมากล่าวกับเสี่ยวเหมย "แม่นางท่านนี้ ข้าจะให้คนพาท่านไปพำนักยังเรือนข้าง ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านแล้ว" กูหลี่เอ๋อร์พยักหน้าให้เสี่ยวเหมย สาวใช้ของนางจึงเดินตามบ่าวรับใช้อีกนางหนึ่งไปยังเรือนข้าง กูหลี่เอ๋อร์ถูกบ่าวนางนั้นปรนนิบัติ ทั้งยกน้ำอุ่นมาให้อาบและช่วยถูตัว กูหลี่เอ๋อร์แทบจะหลับในถังน้ำแต่เพราะท้องของนางยังหิวจึงยังฝืนลืมตาเอาไว้ หลังอาบน้ำเสร็จกูหลี่เอ๋อร์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีขาวทะมัดทะแมงที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ สีขาวสะอาดอบกลิ่นหอมของกำยาน ชื่นใจยิ่งนัก นางผูกผมด้วยผ้าสีขาวดูงดงามบอบบางไร้เดียงสาประดุจกลีบดอกเหมย กูหลี่เอ๋อร์หิวจนไส้กิ่ว คิดจะให้คนไปตามอาหารเสี่ยวเหมยเองก็แต่งกายเปลี่ยนเป็นชุดขาวเช่นเดียวกับนาง ดูราวกับเทพธิดาน้อยผู้หนึ่ง กูหลี่เอ๋อร์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า "ปกติเจ้าสวมเพียงชุดสีดำ พอแต่งกายเช่นนี้ดูงดงามไม่น้อย" เสี่ยวเหมยยิ้มเอ่ยว่า "คุณหนูก็งามแปลกตาเช่นกันเจ้าค่ะ บ่าวเห็นแล้วยังตกตะลึงหากว่าคุณชายได้เห็นคงอดใจไม่ไหว" กูหลี่เอ๋อร์หัวเราะเอียงอาย เอ่ยคำหนึ่งออกไป "เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ" เสี่ยวเหมยพยักหน้ารับ "เจ้าค่ะ ย่อมเป็นเช่นนั้น" "เสี่ยวเหมยนอกจากเจ้ายังจะมีผู้ใดยกยอข้าอีก เรื่องงามก็งามเถิดว่าแต่ว่าข้าหิวแล้ว ไยจึงยังไม่มีผู้ใดส่งอาหารมาอีกเล่า" "บ่าวจะไปดูให้เจ้าค่ะ" เสี่ยวเหมยทำท่าว่าจะไปตาม ฉับพลันเสียงคนเคาะประตูก็ดังขึ้น เสี่ยวเหมยเดินไปเปิดประตู ที่แท้เป็นอาหารของพวกนางที่ถูกยกเข้ามา กูหลี่เอ๋อร์ดีใจยิ่งนักรีบนั่งลงบนเก้าอี้สั่งให้คนรีบวางอาหารพร้อมกับถือตะเกียบเอาไว้ในมือ ฉับพลันจมูกกลับได้กลิ่นหอมสายหนึ่งโชยมาจากด้านนอก กลิ่นหอมนี้ดึงดูดจนนางต้องหันไปมอง พบว่ามีสตรีผู้หนึ่งใบหน้างดงามผุดผาด ทั้งยังดูอ่อนหวานยืนอยู่ตรงนั้น กูหลี่เอ๋อร์ขมวดคิ้วมองนางผู้นั้นด้วยความสงสัย สตรีนางนั้นก้าวเข้ามาในเรือนช้า ๆ มิได้ทำความเคารพนางเหมือนสาวใช้ผู้อื่น กล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใส "เจ้าคงคือสาวใช้คนพิเศษของท่านพี่หยางใช่หรือไม่ ข้ามีนามว่าเอ้อร์หลินหลินเป็นผู้ดูแลสำนักหมอเทวดาแห่งนี้" แรกเริ่มกูหลี่เอ๋อร์อดชื่นชมความงามของสตรีผู้นี้อย่างตื่นตาตื่นใจไม่ได้ กระทั่งนางเอ่ยเรียกคนผู้นั้นว่าท่านพี่หยางทำให้แววตาของกูหลี่เอ๋อร์อึมครึมลงทันใด กูหลี่เอ๋อร์กอดอกพร้อมกับเอียงคอมองนางด้วยสายตาว่างเปล่าทั้งเบ้ปาก "ข้าไม่เห็นอยากจะรู้จัก เจ้ามาขัดจังหวะการกินอาหารของข้ารู้หรือไม่ว่าจะต้องรับโทษสถานใด" เอ้อร์หลินหลินอึ้งไปเล็กน้อย นางไม่เคยเจอสตรีที่มีลักษณะเหมือนกับกูหลี่เอ๋อร์ผู้นี้ทั้ง ๆ ตัวเองเป็นเพียงบ่าวแต่กลับท่าทางอวดดียิ่งนัก เอ้อร์หลินหลินรู้สึกคล้ายตนเองถูกหยามหมิ่นโทสะจึงคุกรุ่นขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะอวดดีกว่าที่ข้าคิดไว้ คิดจะลงโทษข้าหรือน่าขัน คนที่ต้องถูกลงโทษสมควรเป็นเจ้าเสียมากกว่า คิดว่าตนเองเป็นผู้ใด จึงมาวางอำนาจใหญ่โตที่นี่" กูหลี่เอ๋อร์ไม่สนใจคำของนางผู้นั้น ชีวิตนี้ของตนเองย่อมรู้ว่านางยิ่งใหญ่เพียงใด ผู้หนุนหลังเป็นถึงฮองเฮาและฝ่าบาท เช่นนี้กูหลี่เอ๋อร์ก็ไม่คิดจะเอาความกับคางคกตนหนึ่งที่เสนอหน้ามาดูถูกนาง เมื่อไม่สนใจจึงมองคนเป็นเพียงฝุ่นผงไม่โต้ตอบอันใดอยากจะว่าสิ่งใดก็ว่าไป ส่วนนางขอให้ท้องอิ่มก็ยินดีแล้ว ยามนี้กลิ่นอาหารโชยมาจนน้ำลายแทบหยด กูหลี่เอ๋อร์คีบหมูผัดเปรี้ยวหวานเข้าปากโดยไม่เกรงใจผู้ใด ทั้งเอ่ยออกมาอย่างไร้มารยาท "เสี่ยวเหมยเจ้ายืนทำสิ่งใดอยู่ นั่งลงสิกินข้าวกัน" กล่าวจบก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ลิ้มรสอาหารอันโอชะ นางหิ้วท้องมาหลายวันฝืนทนกินปลาที่เหม็นคาวนั่นจนแทบจะอาเจียน บัดนี้ได้พบอาหารเลิศรสเหมือนได้ดื่มกินอาหารบนสวรรค์ เรื่องอันใดล้วนไม่สนใจแล้ว เสี่ยวเหมยยิ้มแล้วรีบรับคำนั่งลงเสี่ยวเหมยก็มีนิสัยเหมือนกูหลี่เอ๋อร์ หากเจ้านายไม่สนใจตนเองก็ขี้คร้านจะต่อกร ดูแล้วสตรีนางนี้ไม่เป็นวรยุทธ์แค่เป่าลมเบา ๆ ก็คงปลิวแล้วไม่คู่ควรให้ต่อกรด้วยแม้แต่นิดเดียว กูหลี่เอ๋อร์ไม่คิดจะไล่คนไปหลายวันมานี้นางอยู่กับโจวหลิวหยางเกือบทั้งวัน บุรุษผู้นั้นก็คล้ายเป็นคนใบ้สงวนวาจาจนนางรู้สึกเหงาหู ดังนั้นเมื่อมีสตรีนางหนึ่งโผล่มาและยังพูดจามากความ แม้จะจับใจความไม่ได้แต่กูหลี่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าความเงียบ ดังนั้นนางจึงปล่อยให้เอ้อร์หลินหลินพูดเท่าที่นางผู้นั้นต้องการ ในขณะที่เอ้อร์หลินหลินไม่รู้ตัวว่าตนเองบัดนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความบันเทิงให้กูหลินเอ๋อร์ไปแล้วจึงขยับเข้ามาใกล้โต๊ะอาหารของพวกนางจนชิด "พวกเจ้ากล้าไม่สนใจข้าหรือ บ่าวไพร่สกปรกคนชั้นต่ำ" กูหลี่เอ๋อร์หัวเราะกับเสี่ยวเหมยทั้งยังชมพ่อครัวไม่ขาดปาก เอ้อร์หลินหลินมองกูหลี่เอ๋อร์ด้วยสายตาดูแคลน สตรีในห้องหอที่ได้รับการศึกษาจะมีผู้ใดบ้างทั้งกินทั้งเคี้ยวแล้วยังกล้าเปิดปากพูดเช่นนางผู้นี้ ถึงมีใบหน้างดงามแล้วอย่างไร ก็คงเป็นสตรียากจนจากชนชั้นต่ำกระมัง ที่เอ้อร์หลินหลินต้องลดตัวถ่อสังขารมาหากูหลี่เอ๋อร์ถึงที่ นั่นเป็นเพราะไม่อาจอดทนไหวหลังจากได้รู้ว่ามีสตรีผู้งดงามนางหนึ่งติดตามโจวหลิวหยางมาในครานี้ ทั้งยังดูท่าจะมีสถานะไม่ธรรมดาเสียด้วย เอ้อร์หลินหลินไม่ยอมรับ สตรีที่โจวหลิวหยางให้ความสำคัญได้ต้องมีเพียงนางเอ้อร์หลินหลินเท่านั้น ผู้อื่นย่อมไม่มีสิทธิ์ เอ้อร์หลินหลินยกมุมปากเชิดหน้าอย่างถือดี "ตัวเจ้าคงคิดว่าตนเองสำคัญจึงได้วางท่าอวดดีเช่นนี้ ข้าจะเตือนให้เจ้ารู้ฐานะของตนเองสักหน่อย บ่าวอย่างไรก็คือบ่าวแม้จะได้รับความโปรดปรานเพียงใดก็ไม่อาจเลื่อนสถานะขึ้นมาได้ และที่นี่คนที่เป็นเจ้านายก็คือข้ามิใช่สตรีชั้นต่ำเช่นเจ้า" กูหลี่เอ๋อร์กำลังคีบกุ้งตัวโตเข้าปาก ดวงตาเป็นประกายด้วยรสชาติอร่อยล้ำแน่นอนว่าย่อมไม่ได้ยินสตรีนางนั้นเอ่ยนางจึงไม่ถือสาหาความ คงเพราะเป็นท่าทางของกูหลินเอ๋อร์ที่ทำหน้าทำตาชวนให้คนโมโห หรือว่าเอ้อร์หลินหลินต้องการวางอำนาจต่อหน้าคน จู่ ๆ เอ้อร์หลินหลินก็ปัดอาหารที่อยู่บนโต๊ะจนหล่นแตกกระจาย กูหลินเอ๋อร์มองอาหารที่อยู่บนพื้นด้วยอาการตกตะลึง นางถูกเอ้อร์หลินหลินดูถูกสารพัดกูหลี่เอ๋อร์ไม่คิดใส่ใจ นั่นเป็นเพราะว่านางไม่คิดถือสาคนที่ด้อยกว่าตนเอง ทว่าบัดนี้อาหารที่นางกำลังกินอยู่กลับไปกองอยู่บนพื้นแล้ว มีหรือกูหลี่เอ๋อร์จะยินยอม ดวงตาของกูหลี่เอ๋อร์คล้ายมีไฟอยู่ในนั้น มือกำแน่นแล้วทุบลงบนโต๊ะอย่างแรงกระทั่งโต๊ะตัวนั้นพังคาตา เอ้อร์หลินหลินเห็นเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าสตรีที่ท่าทางอ่อนแอเช่นกูหลี่เอ๋อร์จะมีแรงมากเพียงนั้น กูหลี่เอ๋อร์จ้องมองนางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารคล้ายจะฟาดฟันให้ขาดเป็นสองท่อน "บังอาจ!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD