ห้างสรรพสินค้า
“ม่าน ทางนี้” ม่านไหมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นหญิงสาวท่าทางน่ารักรูปร่างผอมบางรอเธออยู่ตรงประตูทางเข้าห้าง หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้าไปหา
“มานานหรือยังกิ่ง ขอโทษนะที่ให้รอ”
กิ่ง หรือ กิ่งกมล เธอคือเพื่อนสาวคนสนิทของม่านไหม
“ไม่นานหรอก เราก็เพิ่งมา ปะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวเลยเวลาฉาย”
พูดพร้อมกับเดินควงแขนม่านไหมเข้าไปในห้างทันที สิ่งที่กิ่งกมลพูดถึงคือเวลาฉายหนังในโรงภาพยนตร์
วันนี้ทั้งสองนัดกันมาเพื่อดูหนังที่เข้ามาใหม่โดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นการพักผ่อนเนื่องในวันหยุดอีกด้วย
ใช่แล้ว ทั้งม่านไหมและกิ่งกมลต่างก็ทำงานที่เดียวกัน ทั้งยังมีวันหยุดวันเดียวกัน เมื่อมีหนังเข้ามาใหม่ทั้งสองจึงไม่พลาดที่จะนัดและไปดูพร้อมกันทันที
“เป็นไงบ้าง”
“อะไรเป็นไง” กิ่งกมลหันหน้ามาถามม่านไหมอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ชีวิตรักอะช่วงนี้เป็นไงบ้าง แฟนแกดูแลดีไหม”
หลังจากได้ฟังประโยคคำถามชัด ๆ กิ่งกมลก็ยิ้มแก้มปริ ก่อนจะตอบออกมาด้วยท่าทางภูมิใจ
“แน่นอนสิ พี่คีย์ต้องดูแลฉันดีอยู่แล้ว” เห็นท่าทางดีอกดีใจของเพื่อนสนิทจนออกนอกหน้า ม่านไหมก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงได้เบ้ปากมองบนใส่เพื่อนของตัวเอง แต่ถึงเธอจะแสดงท่าทางแบบนั้น ภายในใจกลับยินดีกับเพื่อนที่มีคนรักที่ดี
“แล้วเมื่อไหร่จะแต่ง คบกันมาสามปีแล้วไม่ใช่เหรอ”
ม่านไหมถาม เพราะเพื่อนรักเธอกับคีรินทร์แฟนหนุ่มศึกษาดูใจกันมาสามปีกว่าแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีข่าวดีเลยสักนิด
“รอไปก่อนย่ะ ฉันยังไม่รีบ ไปเร็วรีบเดินเดี๋ยวไปซื้อตั๋วไม่ทัน”
“เป็นไงแกสนุกมาก ๆ เลยเนอะ ไม่เสียแรงเลยที่เอาเวลานอนมาดู” กิ่งกมลพูดออกมาในขณะที่เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์แล้ว
“อื้อ ก็ดี”
“โหย ก็ดีอะไร ออกจะดีมาก ๆ แกนี่”
กิ่งกมลว่าด้วยความไม่พอใจ เมื่อเพื่อนสนิทอย่างม่านไหมบอกว่าหนังที่เธอชื่นชอบว่าก็ดี เธอจึงคว่ำปากและค้อนวงโตใส่หญิงสาว
“หึ แกนี่ยังไงยายกิ่งโตจนป่านนี้แล้ว ยังมางอนฉันอีก ไป ไปเดินซื้อของกันเถอะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว” ม่านไหมส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินนำออกไป
“นี่ยายม่านอย่ามาเดินหนีฉันนะ รอด้วยสิ” กิ่งกมลร้องเรียกก่อนจะรีบเดินให้ทันเพื่อนของเธอ
ทั้งสองต่างพากันเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ได้ของติดไม้ติดมือออกมาเป็นว่าเล่น แต่นั่นยังคงไม่เป็นที่พอใจสำหรับกิ่งกมล เพราะเธอยังต้องการซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางอีกหลายอย่างแต่ก็ดันถูกเพื่อนอย่างม่านไหมลากออกมาซะก่อน
“แกไม่น่าดึงลากฉันออกมาเลย ยังอยากซื้ออยู่เลยนะ” กิ่งกมลว่า
“พอก่อนเถอะ ที่ซื้อไปเนี่ยก็ใช้ให้หมดก่อน นี่แกจะเล่นซื้อมันหมดทุกแบรนด์เลยรึไง” ม่านไหมว่า
พอได้ฟังเหตุผลเชิงบ่นของม่านไหม เธอก็ต้องเก็บความอยากได้ของตัวเองลง ก่อนจะทำทีควงแขนหญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“แล้วนี่พี่คีย์จะมาตอนไหน” ม่านไหมเอ่ยถาม เพราะระหว่างที่เธอกับกิ่งกมลกำลังซื้อของอยู่นั้น คีรินทร์ก็โทรเข้ามาก่อนจะบอกว่าเขาจะมาทานข้าวกลางวันด้วยให้พวกเธอรออยู่ที่ห้าง
“อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วมั้ง” กิ่งกมลตอบ ก่อนจะหันสายตาไปสนใจสินค้าที่เอามาจัดโพรโมชันภายในห้าง
แค่เห็นดวงตาระยิบระยับของเพื่อนสนิทตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่ากิ่งกมลอยากได้ขนาดไหน ม่านไหมจึงทั้งลากทั้งจูงเพื่อนของตัวเองเดินออกห่างจากโซนจัดกิจกรรมอย่างรวดเร็ว
“เลิกมองได้แล้ว มองข้างหน้าแกนี่ เดี๋ยวก็เดินชนคนอื่นหรอก” ม่านไหมว่า
“ก็ฉันยังอยากดูนี่นาว่าโพรโมชันที่เขาจัดมันมีโพรอะไรบ้าง” กิ่งกมลแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ เชียวนะ อ๊ะ ๆ ๆ ไม่ต้องมาทำท่าเหมือนหมาหงอยเลย ฉันไม่หลงกลแกหรอก ไป! ฉันอยากเข้าห้องน้ำแล้ว”
“ฮือ...ยายม่านนะยายม่านจำไว้เลย”
ม่านไหมไม่สนใจคำพูดตัดพ้อของกิ่งกมล เธอเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันที
“อ๊ะ...อ้าว” จังหวะที่ม่านไหมจะเข้าห้องน้ำหญิงก็ชนเข้ากับคนที่สวนออกมาจากด้านในห้องน้ำซะก่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่าเป็นเลขาของสามีเธอ
ผู้หญิงที่ชนกับเธอชื่อ ปรายฟ้า หรือ ปราย ทำหน้าที่เลขาของก้องเกียรติมานานหลายปีแล้ว
ม่านไหมค่อนข้างจะเคารพและให้เกียรติปรายฟ้าเหมือนเป็นพี่สาวคนหนึ่ง เพราะช่วงที่เธอคบกับก้องเกียรติแรก ๆ ก็ได้ปรายฟ้านี่แหละแนะนำว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรอยู่เป็นประจำ
แรก ๆ ม่านไหมก็ระแวง แต่พอนานไปความระแวงก็หายไปกลายเป็นความเชื่อใจแทน เพราะทั้งปรายฟ้าและก้องเกียรติไม่เคยทำอะไรให้เธอไม่สบายใจเลยสักครั้ง เธอจึงรักและเคารพปรายฟ้าพอสมควร
“อ้าว น้องม่านมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ม่านพาเพื่อนมาดูหนังค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหวาน ก่อนจะมองเลขาสาวของสามีอย่างครุ่นคิด
“แล้วจะไปหาบอสไหมคะ พี่กับบอสพาลูกค้าออกมาเลี้ยงข้าวน่ะค่ะ” ปรายฟ้าพูด
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่ปราย วันนี้ม่านมากับเพื่อนคงไม่สะดวกค่ะ” ม่านไหมตอบยิ้ม ๆ
“โอเคค่ะ งั้นพี่จะบอกบอสให้นะคะว่าพี่เจอน้องม่านที่นี่” ปรายฟ้าพูด ซึ่งม่านไหมก็พยักหน้ารับ
“พี่ขอตัวก่อนนะคะน้องม่าน ออกมานานแล้วเดี๋ยวจะเสียมารยาทค่ะ”
“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างไม่คิดอะไร
ในขณะที่ม่านไหมมองอย่างไม่คิดอะไรอยู่นั้น เพื่อนอย่าง กิ่งกมลกลับได้กลิ่นแปลก ๆ จากเลขาของก้องเกียรติ เพราะแม้ใบหน้าของปรายฟ้าจะยิ้มแย้ม แต่แววตาของเธอกลับซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นปรายฟ้าใกล้ ๆ และได้จ้องตาอีกฝ่ายแบบนี้ บางสิ่งบางอย่างบอกเธอว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่แบบที่เธอและเพื่อนเห็นแน่ ๆ ยิ่งเห็นแววตาของปรายฟ้าที่มองม่านไหมราวกับตัวเองเหนือกว่า ก็ยิ่งรู้สึกไม่วางใจ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงมองนิ่ง ๆ เท่านั้น
ก่อนจะหันสายตากลับมามองเพื่อนตัวเองแล้วก็รู้สึกหนักใจ เพราะดูเหมือนม่านไหมจะไม่คิดอะไรและดูท่าจะไว้ใจปรายฟ้ามากเกินไป เธอก็ได้แต่แอบหวังกับตัวเองว่าสิ่งที่เธอคิดและกังวลอยู่คงไม่เป็นจริง
เพราะถ้ามันเป็นจริงอย่างที่เธอรู้สึกกังวลขึ้นมา เพื่อนที่แสนดีของเธอคนนี้คงจะเจ็บปวดมากไม่น้อยเลย...
“นี่ม่าน คุณปรายฟ้าเธอสวยเนอะ” กิ่งกมลพูดกับม่านไหมพร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ใช่ พี่ปรายสวย แล้วก็เซ็กซี่ด้วยนะ” ม่านไหมหันมาตอบเพื่อนตัวเองอย่างไม่คิดอะไร
“ฉันถามอะไรหน่อยสิ” หลังจากชั่งใจสักพัก กิ่งกมลก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“อะไรล่ะ” ม่านไหมถามเพื่อนของเธอด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยในคราวเดียวกัน
“แกไว้ใจพี่ก้องสามีของแกมากแค่ไหน”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่ฉันพูดนั่นแหละ ก็เนี่ยเลขาทั้งขาว ทั้งสวยและเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้แกไม่ระแวงบ้างเหรอ” ได้ยินคำถามจากกิ่งกมล ม่านไหมก็ยิ้มร่า
“นี่! ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่มั่นใจได้เลยว่าสองคนนี้เขาไม่มีอะไรหรอกสบายใจได้”
“...”
“ยอมรับนะว่าช่วงที่ฉันคบกับพี่ก้องแรก ๆ ฉันระแวงมาก เพราะพี่ปรายรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ก้องทุกอย่าง แต่พอรู้จักพี่เขาจริง ๆ แล้วถึงได้รู้ว่าพี่เขาไม่ได้คิดอะไร หนำซ้ำพี่ก้องก็ไม่เคยทำตัวให้ฉันต้องหนักใจเลยสักครั้ง”
“เพราะแบบนี้สินะตลอดเวลาที่ผ่านมาที่แกคบกับพี่เขา แกเลยไม่มาปรึกษาหรือระบายความทุกข์ใจให้ฉันฟังเลย”
“อื้อ” ม่านไหมพยักหน้าตอบแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำห้องที่ว่างไป
ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ตรงไปที่ร้านอาหารที่นัดกับคีรินทร์ไว้ทันที