บทนำ สูญเสีย
ควันสีเทาลอยออกจากปล่องยอดเมรุ สังขารไม่เที่ยงหนอ...โลกนี้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นวันนี้ ใครจะคิดว่าคุณพ่อเจริญจะจากไปไม่มีวันหวนกลับ จากไปด้วยวัย 64 ปี ด้วยโรคหัวใจของท่าน ซึ่งทุกคนก็เชื่อว่าท่านสู้มาตลอดและคุ้มค่าแล้วกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมา
“โยมแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปนี้อาตมาจะดูแลโยมแม่และโยมน้องเอง”
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นแม่ที่ยืนหน้าเศร้าอยู่หน้าเมรุ งานในวันนี้มีแขกมากมายที่มาร่วมงาน ด้วยคุณพ่อเจริญนั้นเป็นถึงเจ้าของบริษัทส่งออกไวน์องุ่นอันดับหนึ่งของประเทศ และมีไร่องุ่นอีกพันไร่ที่เขาใหญ่ แน่นอนว่าเมื่อท่านหมดบุญไปแล้ว คนที่จะรับช่วงต่อก็มีแต่นายอธิน ต่อบุญ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามของพระมหาอธินที่หันหน้าเข้าทางธรรมตั้งแต่อายุได้เจ็ดขวบ ตั้งแต่นั้นจนถึงวันนี้ เขาก็อายุ 38 ปีแล้ว บวชตั้งแต่เด็กและไม่เคยคิดว่าจะลาสิกขา แต่มาวันนี้เมื่อเห็นน้องสาวที่พิการกับแม่ที่แก่มากแล้วหมดที่พึ่ง เขาก็จะลาสิกขาเพื่อมาตอบแทนบุญคุณของท่าน
มหาอธินเป็นพระอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยของสงฆ์ และเป็นถึงพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง แต่เมื่อตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อมีแม่ที่แก่และน้องสาวที่น่าสงสาร เขาในฐานะผู้ชายคนเดียวของบ้านตอนนี้ก็ควรจะออกมาทำหน้าที่ของลูกชาย
“โยมพ่อท่านไปสบายแล้ว อาตมาอยากให้โยมแม่และโยมน้องทำใจให้สงบ เพราะในโลกนี้ทุกคนที่เกิดมาล้วนต้องตาย จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับบุญของท่านที่ทำมาแต่ชาติปางก่อน อย่างตอนนี้โยมพ่อได้หมดบุญจากเราไปแล้ว ตอนนี้โยมแม่และโยมน้องต้องคิดถึงตัวเองให้มากๆ และอาตมาเองก็เสียใจไม่แพ้โยมแม่และโยมน้องเช่นกัน” เขาบอกปลอบท่านและน้องสาวที่นั่งบนรถเข็นอยู่ตรงหน้า เขาทำได้แค่พูดปลอบ ไม่สามารถโอบกอดปลอบประโลมท่านได้ เพราะเขายังอยู่ในร่มโพธิ์พระโพธิสัตว์
โอบจันทร์ได้แต่ยิ้ม เช็ดน้ำตาเมื่อได้ฟังคำพูดของพระลูกเอ่ย นางเองก็ทำใจมาตลอด แต่พอถึงเวลาต้องจากกันจริงๆ นางก็อดใจหายไม่ได้ ที่คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันนานสามสิบกว่าปีมาจากไปเช่นนี้
“คุณป้าคะ ไปนั่งข้างในศาลาก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวจะเป็นลมไปอีกรอบหรอกค่ะ” เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมเดินมาช่วยเข็นรถเข็นของอารยาเข้าไปในศาลา แต่ไม่ลืมมองไปทางพระมหาอธินที่ยืนสงบอยู่ไม่ไกลนัก เธอได้แต่มองและอดคิดบาปในใจไม่ได้ ‘ผู้ชายอะไร หัวโล้นก็หล่อ นี่ขนาดอยู่ในผ้าเหลืองยังหล่อขนาดนี้ ไม่อยากคิดถ้าไม่อยู่ในผ้าเหลืองจะหล่องานดีแค่ไหน หยุดๆ ยัยจุ๊บ ตอนนี้บาปกินหัวแล้วแก’ บ่นพึมพำพร้อมกับว่าตัวเองที่คิดบาป
พระมหาอธินได้แต่มองตามร่างเล็กที่ช่วยเข็นรถเข็นโยมน้องของตัวเองไปยังศาลา และโยมแม่ที่เดินตามไปอีกคน เขาได้แต่มองทั้งสามสาวไปจนลับสายตา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปอีกทางเพื่อไปจัดการทุกอย่างต่อให้แล้วเสร็จ