บทที่ 2
ข้อเสนอ (3)
“ที่มานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่แบบนี้ไม่ใช่เพราะเสียใจเรื่องการเป็นตัวสำรองอยู่เหรอ” โฬมเปิดถึงประเด็นที่เขาตั้งใจเข้าหาในวันนี้ ไม่อยากให้เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว เพราะเขามั่นใจว่าเรื่องที่ทำให้คนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวอย่างนรีนันท์ได้นั้นจะต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน
“คุณรู้ได้ไง!” นรีนันท์หันขวับพร้อมทั้งเบิกตากว้าง ไม่มีทางที่คนนอกอยากโฬมจะล่วงรู้เรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเธอเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเท่านั้น
“คุณเองก็รู้ว่าพ่อของผมก็มีหุ้นของบริษัทคุณไม่น้อย แถมผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ก็เป็นเพื่อนพ่อผมเกือบทั้งหมด”
“ป๊าบอกกับผู้ถือหุ้นแล้วเหรอว่าจะสละตำแหน่ง” เมื่อพูดถึงประเด็นที่กำลังเสียใจก็ทำให้คนปากหนักรีบขยับตัวเข้าใกล้ จากเดิมที่ตัวติดชิดกับพนักโซฟา มันกลายเป็นว่านรีนันท์ขยับตัวจนหัวเข่าเกือบแนบกับขาของเขา
“อืม...ก็ประมาณนั้น แค่คุย ๆ กันน่ะ เหมือนขอคำปรึกษาเรื่องการยกตำแหน่งให้น้องชายคุณ”
“แล้วคนอื่นว่ายังไงบ้าง คุณพ่อคุณล่ะ เห็นด้วยหรือเปล่า”
การขึ้นรับตำแหน่งจะต้องเห็นพ้องต้องกันกับผู้ถือหุ้นทั้งหมด เธอรู้ดีว่าพ่อของโฬมมีความสำคัญกับบริษัทไม่น้อย หากพ่อของเขาเห็นด้วย มันก็เท่ากับว่าโอกาสที่เธอจะแย่งชิงนั้นลดน้อยลงไปมากกว่าครึ่ง
“ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่กับคนอื่นผมเองก็ไม่รู้”
“นันท์ต้องทำยังไงให้คนอื่นปฏิเสธ ถึงนันท์จะเป็นผู้หญิงแต่นันท์มั่นใจว่าฉันมีความสามารถมากกว่าไอ้เนย์แน่นอน!”
“หืม” โฬมตวัดสายตามองใบหน้าหวานที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความโกรธ อีกหนึ่งข้อมูลที่เขาเพิ่งล่วงรู้จากการหลุดปากของเธอก็คือสาเหตุในการสละตำแหน่งของประธานใหญ่
เขาไม่รู้หรอกว่าภายในครอบครัวเกิดอะไร แต่ในเมื่อได้ยินแบบนี้เขาเองก็ยิ่งมั่นใจว่าควรมีบทบาทในวงจรชีวิตของเธอ
“เอ่อ...” นรีนันท์เพิ่งจะรู้ตัวว่าหลุดพูดคำที่ไม่ควรพูดออกไป เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องภายในที่ไม่ควรให้ลูกชายผู้ถือหุ้นรับรู้
“ผมคิดว่าผมช่วยคุณได้” ความเรียบนิ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายที่หยัดขึ้นบริเวณมุมปากหยัก
สายตาคมกดมองที่รูปหน้าสวยของหญิงสาวข้างกาย ถึงเวลาที่เขาจะเปิดเผยความต้องการ เพื่อแลกกับความสำเร็จของเธอเสียที
“คะ?”
“ผมมีข้อเสนอนะ สิ่งที่คุณอยากได้ สิ่งที่คุณต้องการ ผมสามารถดลบันดาลให้คุณได้ทั้งหมด” โฬมแค่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกดื่ม
เขาปล่อยให้ของเหลวดำดิ่งสู่ร่างกาย วางตัวสงวนท่าทีว่าเรียบเฉย หากแต่แท้จริงแล้วภายในใจของเขาร้องเต้นปะทุร้อนไปทั้งหมด
นรีนันท์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ขยับตัวออกห่างราวกับเป็นการป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ เธอไม่ใช่คนโง่เง่าที่จะมองไม่ออกว่าสายตาคมคู่นั้นมองเธอแบบใด มันไม่ได้หยามเหยียดหรือเป็นการถากถาง หากแต่เธอกลับมองว่ามันน่ากลัวและลึกลับเกินกว่าจะค้นหาคำตอบ
ติ๊ง!
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของโฬมดังขึ้นช่วยชีวิต มือใหญ่หยิบมันออกมาและกดดูสิ่งที่ส่งเข้ามาก่อนจะส่งยื่นไปให้คนข้างกายที่มีท่าทีหวาดหวั่น
มันคือข้อความที่เขาได้รับจากผู้เป็นพ่อ เป็นภาพถ่ายการกินเลี้ยงสังสรรค์ตามประสานักธุรกิจที่นัดแนะพบเจอ หากแต่สมาชิกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาพนั้นคือน้องชายต่างมารดาของนรีนันท์
‘คุณวัชพาลูกชายมาเปิดตัว’
พ่อของโฬมส่งภาพนั้นมายืนยันพร้อมกับข้อความสั้น ๆ ที่เขามั่นใจว่าหากเจ้าหล่อนได้เห็นจะต้องสนใจกับการยื่นมือเข้าช่วยเหลือของเขาแน่นอน
โฬมไม่ได้พูดสิ่งใดเพียงแค่ส่งยื่นโทรศัพท์ให้นรีนันท์เท่านั้น และเพียงเสี้ยววินาทีดวงตาหวานก็วาวโรจน์ ราวกับมีเปลวเพลิงขนาดใหญ่สาดสุม
นรีนันท์กำโทรศัพท์ของโฬมไว้แน่น เธอกำลังพยายามเก็บกลั้นความกรุ่นโกรธ หากแต่ร่างกายของเธอมันกลับสั่นเทิ้มจนคนมองอย่างเขาแทบอยากตระกองกอดปลอบให้รู้แล้วรู้รอด
“ต้องแลกกับอะไร” นานหลายนาทีเหมือนกันกว่าจะได้ยินเสียงจากปากหญิงสาว
คราวนี้โฬมผลิยิ้มร้ายอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาวาววับอย่างคนมีชัย ก่อนที่เขาจะวางแก้ววิสกี้และเปลี่ยนท่านั่งวาดขาทับขึ้นมา
“เป็นของผม” โฬมบอกความต้องการของตัวเองไปตรง ๆ และแน่นอนว่าคำตอบของเขาทำให้นรีนันท์ตกใจอย่างเห็นได้ชัด
แววตาหวานเบิกกว้างแต่ไม่นานก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นปกติ เขารู้ว่าเธอกำลังข่มกลั้นความตกใจ เผยมาดนางพญาและแฝงซ่อนความหวาดกลัวไว้ในส่วนลึก แต่คนร้ายกาจอย่างโฬมย่อมรู้ทันเธอทั้งหมด
นรีนันท์ยังไม่ได้เอ่ยคำใด เธอเบี่ยงหน้าหนีก่อนจะหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่ม สายตาของเธอลอยล่องไม่จับจุด มันเหมือนกับว่าเธอกำลังขบคิดและใช้สมองอย่างหนักกับข้อแลกเปลี่ยนในข้อเสนอของเขา
ความวุ่นวายจากบรรยากาศในสถานบันเทิงดับวูบเหมือนป่าช้า มันมีเพียงความคิดสับสนที่ตีพันยุ่งเหยิงและรอฟังคำตอบ นรีนันท์ไม่รู้เลยว่าเขาคนนี้จะช่วยเธอได้อย่างปากพูดจริงไหม แต่การที่เธออยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรนั้นไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แน่นอน
และเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น!
“ฉัน...” หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เธอเปล่งเสียงออกไปคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก้อนสะอึกกลับตีตื้นให้กลายเป็นเพียงลมเบาบางเท่านั้น
โฬมหันมองคนข้างกายที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะได้คำตอบ เขานั่งเงียบไม่เร่งเร้าเพราะรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เวลากว่าสิบนาทีที่เธอเพียรทบทวนไม่ได้นานเกินกว่าความอดทน ซ้ำยังไวไปด้วยซ้ำกับการตัดสินใจอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ทั้งดีและเสียกลับคืน
“ฉัน...ฉันตกลง”
โฬมไม่ได้ตกใจกับคำตอบแต่มันเป็นความรู้สึกแปลกใจเสียมากกว่า คนทะนงเย่อหยิ่งอย่างนรีนันท์ตอบรับในข้อตกลงของเขาโดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นตัวของเธอ แม้ว่าอาจจะดูเสียเปรียบ แต่โฬมมั่นใจว่าสิ่งที่เขาดลบันดาลให้คุ้มค่ามากกว่าที่เธอต้องการแน่นอน
“คุณจะไม่เสียใจเลยที่เลือกผม มาสิ...ไปกับผม”