บทที่ 1
ตัวสำรอง (1)
การก้าวเดินเร่งจังหวะจากบางเบาเป็นหนักแน่น ขาเรียวยาวสาวไปตามขั้นบันไดปูน ซึ่งจุดหมายก็คือชั้นดาดฟ้าที่ถูกปิดสนิทหวังระบายความสะอิดสะเอียนที่เพียรพบ
นรีนันท์เร่งฝีเท้าจนหยุดยืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย ใบหน้าของเธอปะทะกับประตูเหล็กเก่าค่ำครึ แต่แล้วไม่นานมันก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเธอที่ถือพวงกุญแจชั้นที่หมายติดกระเป๋ามาตลอด พลันเมื่อแรงลมธรรมชาติสัมผัสกับผิวกาย เสียงกรีดร้องโวยวายก็แผดลั่นออกมาจากกล่องลำคอ
หญิงสาวส่งเสียงกรี๊ดที่คิดว่าดังที่สุด ตะโกนระเบิดจนพอใจแล้วจึงหยุด อกอวบกระเพื่อมไหวตามแรงหอบเหนื่อย หากแต่รอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นหลังจากที่ได้ระบายความอัดอั้นในใจออกไป
“ไอ้คนเฮงซวย! ไอ้แก่หัวงู! ไอ้โสโครก! ไอ้สันดานหมา! ไอ้...ไอ้อะไรก็ไม่รู้แล้วโว้ย!!!” สิ้นการกรีดร้อง คำด่าหยาบก็ถูกเปล่งตามมาด้วยแรงโทสะในระดับสูงสุด
นรีนันท์ปล่อยคำด่ากราดชนิดที่ว่ารุนแรงที่สุดในชีวิต เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วสร้างความโกรธเกลียดให้เธอจนอกแทบระเบิด
เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนรีนันท์จำต้องรับหน้าที่คุยกับลูกค้าคนสำคัญ ด้วยเหตุที่ว่าเขาคนนั้นเป็นลูกค้าพิเศษที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับกิจการที่ดูแลอยู่ ลูกค้าผู้นั้นเป็นเพื่อนในกลุ่มนักธุรกิจกับบิดา ย่อมทำให้การดูแลต้อนรับจะต้องถึงมือลูกสาวของท่านประธานที่ต้องมาแย้มยิ้มหวานด้วยตัวเอง
การดูแลต้อนรับลูกค้าคนสำคัญไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนเก่งกาจมากฝีมืออย่างนรีนันท์ย่อมรับมือได้ทุกอย่าง แม้ว่าเธอจะถูกหยามเกียรติหรือลวนลามทางสายตา แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นคำสั่งจากผู้เป็นพ่อ นรีนันท์ก็ยินยอมพร้อมทำทั้งนั้น
หน้าที่ของนรีนันท์จบสิ้นลงด้วยดี แถมยังได้ผลตอบรับตามคาดหวังมาเป็นของขวัญ แต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นด้วยแลกมาด้วยความอดทนอดกลั้นที่จะไม่ด่ากราดหรือทึ้งผมหงอกสีขาวของลูกค้าไปเสียก่อน หลังเสร็จสิ้นการเจรจา สถานที่แรกที่หญิงสาวนำพาก็คงไม่พ้นชั้นดาดฟ้าของโรงแรมในปกครอง ที่แห่งนี้เป็นเหมือนชักโครกให้เธอปลดทุกข์ เพราะไม่ว่าจะเจอะเจอกับเรื่องเลวร้ายย่ำแย่เพียงใด ลานกว้างบนชั้นดาดฟ้าก็มักจะเป็นที่ระบายให้กับเธออยู่ตลอด
ใบหน้าสวยหวานผินมองบุคคลที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย หางตาปราดมองคนที่เพิ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างกาย แม้ไม่มีคำใดเอ่ยเอื้อนแต่ก็ล่วงรู้ได้ว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญมารายงาน
“คุณนันท์คะ หนิงได้ยินข่าวบางอย่างเลยอยากมารายงานให้คุณนันท์ทราบค่ะ” เลขาคนสนิทเอ่ยขณะที่ศีรษะค้อมลงเช่นเดียวกับสายตาหลุบต่ำ
ตลอดการทำงานนรีนันท์ให้เกียรติและวางตัวเท่าเทียมกับพนักงานในบริษัทอยู่เสมอ แม้ว่าตำแหน่งเก้าอี้จะเป็นถึงลูกสาวของประธานและผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่เธออวดเบ่งใช้อำนาจข่มบารมีใครต่อใคร ซึ่งการกระทำของเลขาสาวที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้เธอแปลกใจ
“เรื่องอะไร”
นรีนันท์หันร่างกายเพื่อให้เผชิญกับคนข้าง ๆ เห็นท่าทางลำบากใจและหลบเลี่ยงการสบตาก็พอคาดเดาได้เลยว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ได้ยินรายงานทุกวี่วันแน่นอน
“ท่านประธานกลับมาจากต่างประเทศแล้วค่ะ เมื่อครู่นี้ก็เพิ่งเข้ามาตรวจเอกสารที่ห้องทำงาน”
ประโยคนั้นทำเอาดวงตากลมโตเบิกกว้าง รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นเปลี่ยนไปจากเดิมที่กำลังหัวเสียกับลูกค้าชีกอ ประธานบริษัทหรือพ่อของนรีนันท์ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อพักผ่อนเป็นเวลาสองสัปดาห์ ลูกสาวที่เติบโตถูกเลี้ยงดูมากับพ่อมาตั้งแต่เด็กจึงได้มีอาการดีใจที่จะได้กอดหอมพ่อหลังไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน
“จริงเหรอ! แล้วทำไมป๊าถึงไม่บอกฉันเลยนะว่าจะกลับมา ฉันไปหาป๊าก่อนดีกว่าจะได้...”
“ท่านประธานกลับมาพร้อมคุณเนย์ด้วยค่ะ”
นรีนันท์พูดยังไม่จบประโยคก็มีเสียงแทรกขึ้น ส่วนท้ายคำพูดของเลขาสาวสั่นไหวจนแทบเลือนราง หากแต่นรีนันท์ได้ยินชัดเจนว่ากำลังพูดถึงบุคคลใด
“ว่าไงนะ ไอ้เนย์กลับมาด้วยเหรอ!”
“ใช่ค่ะ พวกพนักงานเลยซุบซิบกันว่าการที่คุณเนย์กลับมาประเทศไทยครั้งนี้ก็เป็นเพราะกำลังจะขึ้นรับตำแหน่งแทนท่านประธานค่ะ”
ราวกับพายุฝนถาโถมกะทันหัน ท้องฟ้าที่มืดครึ้มอยู่เดิมทีก็สาดเทซ้ำเติมด้วยสายฝนเม็ดใหญ่ที่โหมกระหน่ำตกกระทบผิวกาย นรีนันท์ยืนนิ่งค้างหากแต่ดวงตาหวานกลับแดงก่ำและมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ
ความหวาดกลัวที่พยายามเก็บกลั้นไว้ในส่วนลึกกำลังตีย้อนกลับ มันพุ่งทะลักจนเธอตัวสั่นและคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาถึงเหตุการณ์ในอนาคตอันใกล้
คนเก่งกาจและเพียบพร้อมอย่างนรีนันท์ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด เว้นแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่เธอหวาดหวั่นและอยากหลีกเลี่ยงหนีหายจากมันให้ได้มากที่สุด
การไม่ถูกรัก...มันคือสิ่งที่นรีนันท์เกลียดขยาดมากที่สุด!