บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยยานพาหนะแล่นอยู่บนท้องถนน ผ่านตึกรามบ้านช่องสองข้างทาง ในช่วงเวลายี่สิบสองนาฬิกาเศษ
ไม่ได้ดึงความสนใจของคนที่นั่งอยู่ในรถได้เลย สายตาเศร้าหมอง ทอดมองออกไปด้านข้าง อย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะถูกพาไปที่ใด รู้แค่เพียงว่าอยากให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้เร็วที่สุด
ตึงสูงตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง บนพื้นที่ที่มีมูลค่าแพงที่สุด ชั้นบนสุดคือเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัว ที่เจ้าของตึกใช้พักผ่อนในการมาทำงานที่เมืองไทย
บนโซฟาหนังตัวใหญ่สั่งทำเป็นพิเศษยี่ห้อดังระดับโลก มีชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ นั่งทอดกายพาดขาอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา
ในมือมีแก้วไวน์รสชาติเยี่ยมราคาแพงลิบลิ่วถืออยู่ สายตาคมดุจเหยี่ยว ทอดมองไปยังจอโทรทัศน์เบื้องหน้าที่เปิดทิ้งไว้ แต่ได้หาจนใจเนื้อหาสาระของมันไม่ เพราะในสมองของชายหนุ่ม กำลังคิดถึงบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ติ๊ง!!
เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง พริมาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ความเย็นแผ่กระจายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จนแทบก้าวขาออกจากลิฟต์ไม่ได้
“เชิญครับ นายรอคุณอยู่” ประโยคของชายตรงหน้า เปรียบเสมือนเสียงระฆังตีบอกเวลาชีวิต
ว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้ คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จะทำเช่นไร ในเมื่อเธอเองที่เป็นคนเลือกเส้นทางนี้
พริมาสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อรวบรวมความกล้าที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อย พยายามบังคับขาไม่ให้สั่น เดินตามผู้ชายที่เธอคุ้นหน้าเสียเหลือเกิน ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากลิฟต์นัก
หญิงสาวแอบสำรวจไปรอบบริเวณขณะก้าวเดิน ชั้นนี้คือชั้นสูงสุดของตึกเธอมั่นใจ และหากเดาไม่ผิด พริมาเห็นแค่เพียงห้องที่เธอกำลังเดินไปเพียงห้องเดียว
พานให้หญิงสาวคิดว่าบุคคลที่อยู่ในห้องนั้น คงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลแน่นอน หรือไม่ก็เป็นบุคคลอันตราย หรือเป็นที่ต้องการตัวของศัตรู
เพราะตั้งแต่หน้าลิฟต์มาจนถึงประตูห้อง และทั่วทั้งชั้นมีบอดี้การ์ดกระจายอยู่โดยรอบ เพื่อรักษาความปลอดภัย ให้คนที่อยู่ในห้องอย่างแน่นหนา หากมีมดสักตัวกัดเจ้าของห้องเข้า เธอเชื่อเหลือเกินว่ามดตัวนั้น ไม่น่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากชั้นนี้ได้อย่างแน่นอน
“เชิญครับ” เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับประตูห้องบานใหญ่ถูกเปิดออก เรียกสติของพริมาให้กลับมาโฟกัสกับสิ่งตรงหน้า
ขาที่ยืนอยู่หน้าห้องสั่นจนแทบจะยืนต่อไม่ไหว ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าหลังจากที่เธอก้าวผ่านประตูห้องนี้เข้าไป จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอไม่มีทางรู้เลย ว่าเธอจะเจอกับอะไรและใคร
ไมเคิลมองหญิงสาวที่ยืนทำใจอยู่หน้าห้อง ด้วยความสงสัยระคนสงสารอยู่ลึกๆ และหากชายหนุ่มจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยู่กับเจ้านายวันนั้น
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ผู้หญิงคนนี้ถึงได้มายืนอยู่หน้าห้องเจ้านายตัวเองได้ แต่หากให้เดาจากสีหน้า ท่าทาง ที่ดูจะไม่ยินดีปรีดา ระริกระรี้เหมือนผู้หญิงทุกคน ที่อยากจะเข้าใกล้เจ้านายจนตัวสั่น อีกทั้งแววตาของหญิงยังเต็มไปด้วยความเศร้า และความหนักใจแฝงอยู่
พอจะทำให้ไมเคิลรู้ ว่าหญิงสาวคนนี้ ไม่ได้อยากมายืนอยู่หน้าห้องของเจ้านายอย่างแน่นอน ดีไม่ดีเธออาจไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าคนที่รออยู่ในห้องคือใคร
“คุณ เชิญครับ” ไมเคิลเอ่ยเรียกอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิม
พริมาหันมองชายแปลกหน้าที่ส่งยิ้มบางมาให้ ก็อดที่จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แม้จะเพียงนิดก็ตาม อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเสมอไป ตรงกันข้ามยังสุภาพกับเธอเสียด้วยซ้ำ
พริมาส่งยิ้มที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นรอยยิ้มได้หรือไม่ตอบกลับไป รวบรวมความกล้าเดินตามชายหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ ตามแบบฉบับชาวต่างชาติ ที่พูดภาษาไทยได้ชัดราวกับเจ้าของภาษา เข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ดั่งกลองสะบัดชัยที่ตีกระหน่ำซ้ำๆ
“นายครับ มาแล้วครับ” คนถูกเรียกว่านาย ไม่มีแม้หางตาจะหันกลับมามอง มีเพียงสัญญาณมือที่ยกขึ้นเป็นเชิงไล่ให้ออกไป
“ไม่ต้องเข้ามา จนกว่าฉันจะเรียก” เสียงพูดราบเรียบ ทว่ากลับแฝงไปด้วยอำนาจดังขึ้น แค่เสียงที่เปล่งออกมา ก็ทำให้พริมาเผลอกำมือแน่นด้วยความกลัว แต่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ภายใน
“ครับ” ไมเคิลรับคำสั้นๆ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้พริมาอีกครั้ง และรีบเดินออกจากห้องไป
เสียงประตูที่ปิดลง แม้จะไม่ดังมากหรือเรียกว่าแทบจะไม่มีเสียงเลยด้วยซ้ำ แต่กลับดังสนั่นก้องอยู่ในหูของพริมาจนเหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แม้อุณหภูมิจะไม่สูงมาก ทว่าพริมากลับรู้สึกหนาวเข้าไปถึงไขสันหลัง จนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง
ร่างสูงกำยำในชุดคลุมขยับตัวลุกขึ้นยืน หมุนตัวกลับมามองผู้หญิงที่ค่าตัวแพงลิบลิ่ว
“คุณ!” เสียงอุทานตกใจของพริมาดังแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ เมื่อเห็นใบหน้าผู้ชายที่ยอมจ่ายเงินแสนแพงให้เธอ
เบญจมินก็ตกใจระคนแปลกใจไม่แพ้กันที่เห็นคนตรงหน้า ผู้หญิงที่เข้ามาก่อกวนสมองของเขาตั้งแต่วันนั้น ผู้หญิงที่เขาถูกใจอยากได้ และวันนี้เขาก็จะได้เธอมาดั่งใจหวัง โดยไม่ต้องไปตามตัวมาให้ยาก เรียวปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยจนมองแทบไม่ออก
“เธอคือคนของอาทิตย์?” ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ว่าผู้หญิงที่แสดงสีหน้าตกใจระคนแปลกใจ คือผู้หญิงที่อาทิตย์ขอร้องให้ช่วยเหลือ
“ใช่ค่ะ” พริมาตอบรับเสียงเบา สบสายตาคมที่มองมา ก็เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง ความกลัวในคราแรกเหมือนจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น
แม้จะถูกใจและอยากได้เพียงใด ทว่าเบญจมินก็อดคิดไม่ได้ ผู้หญิงไม่ว่าสูงส่งหรือธรรมดาแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมสยบให้อำนาจเงินของเขาอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปอาบน้ำให้สะอาด” พริมาไม่อยากจะตีความหมายในแง่ลบ ว่ากำลังถูกชายหนุ่มต่อว่ากลายๆ ว่าเธอสกปรก
แต่เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก ชีวิตของแม่ขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนี้ เขาคือคนเดียวในเวลานี้ ที่จะช่วยชีวิตแม่ของเธอได้ ก็แค่หลับหูหลับตาทำให้ทุกอย่างมันจบลงไปก็แค่นั้น
“ค่ะ เอ่อ...ห้องน้ำอยู่ไหนคะ”
“ขวามือ” เสียวเข้มตอบกลับ ทรุดตัวลงไปนั่งจิบไวน์ต่อ ไม่ได้คิดจะสนใจพริมาที่ยืนอยู่แต่อย่างใด