5 ปีผ่านไป
ริสาอายุได้ 15 ปี เธอลาออกจากโรงเรียนเพราะต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนสอนคนตาบอด ทุกวันสนธยาพี่ชายจะไปส่งริสาไปเรียนทุกวันจันทร์ -ศุกร์ แล้วเขาก็ไปเรียนต่อพร้อมกับโต้ง ที่เรียนในสายอาชีพที่เดียวกัน สนธยาตั้งใจว่าจะเรียนสายอาชีพ จบแค่ ปวส. แล้วจะเปิดอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองจะได้มีเวลาอยู่กับน้อง เขาต้องเลิกเล่นบอลซึ่งเป็นสิ่งที่เขารักมากเพราะเขาต้องยอมทิ้งมันเพราะริสา เขาอยากมีเวลาให้ริสาและอยู่ดูแลริสาในเวลาเลิกเรียน
ริสารู้ดีว่าพี่ชายของเธอต้องเสียสละทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อเธอ เธอจึงรักพี่ชายของเธอมากริสาพยายามช่วยบางอย่างที่ช่วยได้ เช่น งานบ้าน ทำอาหาร ซึ่งพี่ชายของเธอก็ยอมให้เธอได้ทำเพื่อความสบายใจ
“พี่สนอยากทานอะไรคะ วันนี้สาจัดให้พิเศษเลย..?”
“ไข่เจียวกุ้งสับสิจ๊ะของโปรดพี่เลย”
ไข่เจียวกุ้งสับเมนูโปรดของทั้ง 2 คน และเป็นเมนูที่แม่ชอบทำให้ทานบ่อยๆ สนธยาจะทานเมนูนี้ทุกครั้งที่ริสาถามว่าอยากทานอะไร เธอรู้ว่าที่สนธยาอยากทานไข่เจียวกุ้งสับเพราะเป็นเมนูที่เธอเองก็ชอบทานเหมือนกัน
“ไข่เจียวกุ้งสับแม่ก็ชอบทำให้เรา 2 คนทานบ่อยๆ มันอร่อยจริงๆนะคะ สายังจำรสชาตินั่นได้เลย”
ริสาเริ่มน้ำตาคลอ สนธยาจึงจับมือน้องสาวขึ้นมาไว้เพื่อปลอบ
“ถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่แล้วแต่สาก็ยังมีพี่นะ พี่จะอยู่กับสาตรงนี้จะไม่ทิ้งสาไปไหน จะอยู่ดูแลสาไปตลอดจนกว่าสาจะแต่งงาน ถึงตอนนั้นสาเองแหละที่จะเป็นคนทิ้งพี่เอง”
“ไม่มีทางค่ะ สาไม่มีวันทิ้งพี่สนไปไหนหรอก สาตาบอดแบบนี้ใครจะมารักสาละคะ สาจะอยู่กับพี่สนแบบนี้ตลอดไปเลย”
สนธยายิ้ม แล้วก็ยื่นมือไปยีหัวน้องสาวเบาๆ ริสาจับมือของสนธยามากุมไว้
“พี่สนสัญญากับสานะคะ พี่สนจะไม่ทิ้งสาไปไหน พี่สนจะอยู่กับสาอยู่เคียงข้างสา อยู่ดูแลสาแบบนี้ตลอดไป สัญญานะคะ...?”
“พี่สัญญา พี่จะไม่ทิ้งสาไปไหน”
“สารักพี่สนนะคะ ถ้าพี่สนผิดสัญญาทิ้งสาไปอีกคนสาคงอยู่ไม่ได้ หัวใจสาคงสลายแน่ๆ”
ริสาน้ำตาคลอ สนธยาดึงน้องสาวเข้ามากอดปลอบไว้ด้วยความรัก
โรงเรียนสอนคนตาบอด
วันนี้ที่โรงเรียนมีจัดงานต้อนรับผู้บริหารใจดีที่บริจาคเงินก้อนใหญ่ ให้กับทางโรงเรียนเพื่อให้ไว้ใช้จ่ายภายในโรงเรียน สนธยารีบมาส่งน้องที่โรงเรียน เพราะริสาเป็นตัวแทนนักเรียนในการพูดกล่าวขอบคุณผู้บริหารใจดี
“ริสา สุขสังข์ เป็นตัวแทนของนักเรียนประจำโรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งนี้ ขอขอบคุณคุณโตมร โรจนสกุล และท่านผู้บริหารที่ได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือโรงเรียนของเราค่ะ ถึงแม้พวกหนูจะมองไม่เห็น พวกหนูก็รับรู้ได้ด้วยใจค่ะว่าคุณโตมรต้องเป็นคนที่หล่อมากแน่ๆเลยค่ะ”
ทุกคนต่างก็หัวเราะและก็ชอบใจในคำพูดของริสาที่ดูน่าเอ็นดู แล้วก็ยังดูน่ารักสดใสอีกด้วย
“ขอบคุณมากๆนะคะ”
โตมรมองริสาเดินลงจากเวทีพร้อมมีคนคอยพยุง เธอช่างดูเป็นที่รักของทุกคน เพราะความสดใสแล้วก็ความร่าเริงของเธอทำให้เขาละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ
ริสาถูกพามานั่งร่วมกับเด็กๆคนอื่น มีสายตาโตมรคอยมองตลอดเวลา เวลาพักเที่ยงเหล่าผู้บริหารก็ร่วมทานอาหารกลางวันกับเด็กๆ จนถึงเวลาเข้าเรียนช่วงบ่ายอาจารย์ของโรงเรียนก็พาเหล่าผู้บริหารและโตมรเดินดูตามห้องเรียนต่างๆ ในระหว่างที่นักเรียนกำลังเรียนกันเขาเดินไปถึงห้องกิจกรรม เพราะเห็นริสากำลังวาดรูปอยู่ทั้งเธอมองไม่เห็น แต่ทำไมเธอถึงวาดออกมาได้เหมือนคนตาปกติ เขายืนมองริสาอย่างตั้งใจแล้วเดินเข้าไปใกล้
“คุณครูคะ สาวาดรูปเสร็จแล้วคะ”
โตมรยืนดูรูปที่ริสาวาดเสร็จแล้วยื่นมาให้เขา เขารับไว้พร้อมหันไปกระซิบของคุณครูที่ยืนข้างๆเขา
“จะเป็นอะไรไหมครับ..ถ้าผมจะขอเก็บรูปนี้ไว้..?”
“ได้ค่ะ..คุณโตมรเก็บไปได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ..”
เขามองดูรูปวาดในมือที่ริสาเป็นคนวาดก็รู้สึกทึ้งในความสามารถของเธอ
เขาเดินออกมาจากห้องกิจกรรมพร้อมกับรูปวาดในมือ แล้วหันไปถามคุณครูที่เดินมาด้วยกัน
“เธอตาบอดตั้งแต่เกิดเลยหรอครับ..?”
“ไม่ใช่หรอค่ะ...ริสาตาบอดเพราะเกิดอุบัติเหตุนะคะ”
“อุบัติเหตุหรอครับ..?”
“ค่ะ..ริสาเธอเป็นเด็กน่าสงสารค่ะ เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ และเหตุการณ์นั้นก็ยังทำให้พ่อกับแม่เสียของริสาชีวิตอีกด้วยนะคะ ริสาเลยต้องอยู่กับพี่ชายแค่ 2 คน ...เขา 2 คนเป็นเด็กดีมากๆเลยนะคะ อายุพี่ชายของริสาก็น่าจะ 18 แล้ว พี่ชายของริสาก็จะมารับทุกวันหลังเลิกเรียนแล้วยังมาส่งน้องแต่เช้าทุกวันด้วยนะคะ พวกเขาก็มีกันอยู่แค่ 2 คนนะคะ”
โตมรหันไปมองที่ริสาอีกครั้งแล้วก็รู้สึกชื่นชมเธอ ทั้งที่เธอเจอเหตุการณ์มาหนักขนาดนี้แต่เธอก็ยังยิ้มสดใสร่าเริงได้
….
เวลา 15.30 น.
ถึงเวลาต้องเดินทางกลับเพราะตรงกับเวลาเลิกเรียนพอดี โตมรขึ้นรถแต่เขาก็หันไปเห็นริสานั่งรอใครสักคนอยู่ที่เก้าอี้หน้าโรงเรียน เขามองริสานิ่งๆอยู่สักพักแล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
กริ๊งง กริ๊งง>>>
“อะไรนะ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน.?”
โตมรวางสายแล้วรีบบอกคนรถให้รีบออกเดินทางทันที เพราะเขารู้สึกร้อนรนใจมาก
โรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน เวลา 20.00 น.
ป้าแตงและเพื่อนๆของสนธยา ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินสภาพของทุกคนมาด้วยเสื้อที่เปื้อนเลือด สีหน้าทุกคนดูกังวลมาก ป้าแตงก็เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาได้แต่นั่งพนมมือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์ ให้ช่วยคุ้มครองคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินให้รอดปลอดภัย