เวลาเกือบหกโมงเย็น
ณ ป้ายรถโดยสารประจำทางหน้าวิทยาลัยเทคโนโลยีและการอาชีพแห่งหนึ่ง จากที่ผู้คนพลุกพล่านในช่วงเย็นหลังเลิกการสอบ ค่อยบางตาลงเพราะวันนี้เป็นวันสอบ งดเว้นการเรียนภาคค่ำ อีกทั้งสายฝนเริ่มโปรยปราย ฟ้าใสเริ่มมืดมัว เมฆก้อนดำทับตะวัน ทำให้แสงสีทองจางหายไปจากขอบฟ้า
ท่ามกลางความเงียบงัน มีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอสวมเครื่องแบบของระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือ ปวส. ผมสลวยดำขลับถูกรวบตึงไว้เรียบร้อย อวดให้เห็นใบหน้ารูปไข่สวยหวานแต่นัยน์ตาของเธอดูเศร้าเหลือเกิน
ทิชา คือชื่อของหญิงสาวสวยวัยยี่สิบปีผู้นี้ เธอเรียนแผนกการบัญชี ชั้น ปวส.ปีที่สอง และเธอนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่สอบเสร็จตอนบ่ายสามโมงครึ่งเพราะนัดกับแฟนหนุ่มที่ชื่อ แทนไท หรือแทน แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ ชั้น ปวส.ปีที่สองเอาไว้ว่าจะไปกินมื้อเย็นกันหลังสอบ
แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่มา...
แทนไทเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขาย้ายมาจากกรุงเทพฯ ตอนเข้าชั้น ปวส.ปีที่สอง ด้วยความขาวสูง หน้าตาดี ปากหวาน เลยกลายเป็นหนุ่มฮอตของวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
ทิชาเองก็แอบมองแทนไทเช่นที่สาว ๆ หลายคนแอบมอง เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ ยิ้มเก่ง คุยเก่ง ขี้อ้อน ครบสูตรของผู้ชายเจ้าชู้ที่รู้ว่าจะทำอย่างไรผู้หญิงจึงจะใจอ่อน และทันทีที่เขาเข้ามาจีบ เธอเองก็ตกลงปลงใจอย่างรวดเร็ว
แต่ตลอดมาที่คบหากัน เขามักจะทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เวลาอยู่ด้วยกันก็มักจะปิดมือถือ บางทีนัดแล้วก็ไม่มาเสียดื้อ ๆ ก่อนจะหาเหตุผลมาแก้ตัวในคราวนี้ที่เจอกันอยู่ร่ำไป แล้วเธอที่ตั้งธงเอาไว้ว่าจะไม่ใจอ่อนก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับลูกอ้อนเสียทุกที
จริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ราบรื่นเอาเสียเลย ทิชาระแคะระคายเข้าหูอยู่เรื่อยว่าเขาแอบไปคบคนโน้นคนนี้ แอบไปกินข้าวกับคนอื่น แต่เมื่อไม่มีหลักฐานและเขาเองก็ไม่ยอมรับ ทั้งยังยืนยันว่ารักเธอเพียงคนเดียว ทิชาก็ไปไหนไม่รอด
แต่บางทีเธอก็เหนื่อย เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องมานั่งคิดมากและร้องไห้อยู่คนเดียวบ่อย ๆ อย่างเช่นวันนี้ที่เธอนั่งรอมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ก็ไม่มีแม้เงาของเขา
เพราะคำว่ารักคำเดียว คำคำนั้นมันทำให้หญิงสาวคนหนึ่งที่ทั้งสวย เรียนเก่ง ดูดีเพียบพร้อม กลับต้องกลายเป็นคนโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
“ขอโทษนะครับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทิชาสะดุ้งแล้วรีบหันไปตามเสียงเพราะหวังว่าจะเป็นใบหน้าของคนที่เธอรออยู่
แต่ไม่ใช่...
หากเป็นชายคนหนึ่งที่ตัดผมรองทรงสูงเรียบร้อย ใบหน้าคมเข้ม สวมแว่น จมูกโด่ง ริมฝีปากเต็มอิ่มได้รูปแบบผู้ชาย โดยเฉพาะดวงตาของเขาที่แม้จะมีแว่นตาปกปิด หากแพขนตางอนระยับชนิดผู้หญิงยังอายประดับอยู่มันยังส่งแววหวานมาให้ ยิ่งยามที่เขายิ้ม ลักยิ้มที่สองแก้มนั่นยิ่งมีเสน่ห์และเขากำลังยิ้มให้กับเธอ
เขาอยู่ในชุดเสื้อนักเรียนสีขาว กางเกงสีดำ ซึ่งเป็นเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
“มีอะไรเหรอคะน้อง” ทิชาถามขึ้น กล้าใช้สรรพนามนั้นเพราะคิดว่าอย่างไรเสียเธอที่อยู่ชั้น ปวส.ปีที่สอง จะต้องอายุมากกว่าเด็กมัธยมหกที่โตที่สุด อายุไม่น่าเกินสิบแปดสิบเก้าอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวเขาจะสูงใหญ่มากก็ตาม สูงจนเธอต้องแหงนคอตั้ง ดูแล้วน่าจะสูงกว่าแทนไทแฟนของเธอด้วยซ้ำ
เขาทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเธอ กระนั้นความขายาวตัวใหญ่ของเขาก็ทำให้ความสูงของทั้งคู่เกือบจะเท่ากันอยู่แล้ว
“ผมมองมาจากฝั่งโน้นเห็นพี่นั่งนิ่ง ๆ อยู่คนเดียวนานแล้ว ฝนก็ตก พี่ยังไม่ไปไหน ก็เลยเป็นห่วงครับ” เขาพูดแล้วจ้องมองมาที่เธอ ก่อนจะยิ้มจนตาโต ๆ หยีลง ลักยิ้มที่แก้มปรากฎขึ้น เป็นยิ้มที่สดใสเหลือเกินจนทิชาอดจะยิ้มออกมาด้วยไม่ได้
“ขอบคุณนะ แต่พี่ไม่เป็นไรหรอก”
“ทะเลาะกับแฟนเหรอครับ” เขาถามมาตรง ๆ เธออึกอักก่อนตอบออกไป
“เปล่าหรอกค่ะ จริง ๆ นัดกันไว้แต่เขายังไม่มา อาจจะติดธุระอะไรกะทันหัน”
“แต่ถ้าเขาติดธุระก็ควรจะส่งข้อความหรือว่าโทรมาบอกพี่ก่อนนะครับ ไม่ใช่มาปล่อยให้พี่นั่งรออย่างไร้จุดหมายแบบนี้ รอนานแค่ไหนแล้วครับ”
“ก็... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว”
“โทรหาเขาหรือยัง”
“โทรแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะ”
“แฟนพี่นี่ใจร้ายจัง ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ มานั่งรอคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง แถมฝนก็ลงเม็ดด้วยเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เขาพูดออกมาและจ้องหน้าเธอตรง ๆ สายตาคม ๆ คู่นั้นทำให้เธอต้องก้มหลบ
“ถ้าพี่เป็นแฟนผม ผมจะไม่มีวันปล่อยให้พี่ต้องเศร้าแบบนี้เลย”
“เอ่อ...” เธออึกอัก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับสถานการณ์ปุบปับที่เกิดขึ้นข้างหน้านี้ดี
จู่ ๆ ก็มีเด็กมอปลายมาพูดจาแบบนี้ด้วย
พรึ่บ !
ทิชารู้สึกว่ามีอะไรคลุมลงมาบนตัว ก้มลงมองก็พบว่าเป็นเสื้อนักเรียนของอีกฝ่าย เงยหน้ามองเห็นเขายืนขึ้น ท่อนบนเปลือยเปล่าเพราะถอดเสื้อนักเรียนมาคลุมให้เธอ
เพราะเขายืนอยู่ตรงหน้าไม่เกินสองฟุต ระดับสายตาเลยมองเห็นเด่นชัดทั้งแผงอกและหน้าท้อง
เด็กมอปลายมีซิกแพกด้วยเหรอวะ !?
“น้อง เอาเสื้อคืนไปเหอะ” เธอเบือนหน้าหนีแล้วรีบหยิบเสื้อส่งคืนให้ แต่เขาส่ายศีรษะและยิ้มจนตาหยีเช่นเคย
“ผมมีเสื้อนักเรียนหลายตัว ให้พี่ไปสักตัวคงไม่เป็นไร”
“แต่ว่า...”
“เอาเหอะ ฝนกำลังตก พี่ใส่เสื้อขาวแล้วมันเปียก”
เขาก้มลงต่ำมาใกล้ ๆ ใบหน้าของเธอแล้วลดเสียงลง
“เสื้อมันเปียกแล้วมองเห็นเสื้อใน”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก อดจะหน้าแดงกับคำพูดของเขาไม่ได้
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ รถ SUV เจ็ดที่นั่งก็เข้ามาจอดเทียบที่หน้าป้ายรถ กระจกถูกลดลง แล้วเด็กมอปลายชายอีกสี่ห้าคนในนั้นก็พยายามโผล่หน้าออกมายิ้มแฉ่ง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
“เฮ้ยวิน จะไปได้ยังเนี่ย ไอ้พวกนั้นโทรมาเร่งแล้วว่ารอที่สนามฟุตซอล มัวแต่โชว์แมนสาวอยู่นั่นแหละ”
“นี่มึงจะถอดเสื้อถอดผ้าตรงนี้เลยเหรอวะ”
“เฮ้ย พูดอะไรให้เกียรติพี่เขาด้วย” เด็กหนุ่มคนนั้นว่า และพวกเพื่อน ๆ ในรถก็เงียบปากลงทันทีก่อนจะยกมือขึ้นไหว้และประสานเสียง
“ขอโทษค้าบ” ก่อนเขาจะหันมาหาเธออีกครั้ง
“พี่จะกลับบ้านเลยไหม ผมจะไปส่ง”
ทิชาส่ายศีรษะทันทีเพราะเห็นคนเต็มรถ
“ไม่ดีกว่า”
“ไอ้แวนเพื่อนผมมันขับรถคล่อง พ่อให้ขับตั้งแต่อายุสิบห้าเพราะช่วยงานโรงน้ำแข็งที่บ้าน มันโอเค ปลอดภัย” เขาพูดต่อเพราะกลัวว่าเธอจะกังวลเรื่องความปลอดภัย หญิงสาวยิ้ม
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“พี่ยังจะรอเหรอ”
“คือ... ขอนั่งอีกสักพัก เดี๋ยวก็จะไปแล้ว”
เขายืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ตัดสินใจได้ว่าควรไปจากตรงนี้
“ถ้าพี่ยืนยันอยากจะรอผมก็จะไม่กวนใจ หวังว่าแฟนพี่จะคิดได้และไม่ทำให้พี่เสียใจอีก แต่อยากจะบอกไว้อย่าง ตรงไหนไม่สบายใจพี่ก็ควรเดินออกมานะครับ”
เธอยิ้มและพยักหน้า
“อืม ขอบใจนะ”
“เอาเสื้อผมคลุมหัวไว้ จะได้ไม่เปียกมาก”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก เขาเดินกลับไปที่รถแล้วยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่าง ส่งยิ้มตาหยี โบกมือให้เธอ และเพื่อน ๆ ของเขาก็ทำตาม
“บ๊ายบายค้าบ พี่คนสวย” ทิชายิ้ม ยกมือขึ้นโบกตอบ
“บ๊ายบายจ้า”
แล้วรถยนต์คันนั้นก็เคลื่อนออกไป ห่างไปเรื่อย ๆ จนลับตา แต่ทิชาเองก็ยังรู้สึกดีกับรอยยิ้มของพวกเขาโดยเฉพาะเจ้าของเสื้อ
เธอหยิบเสื้อนักเรียนตัวใหญ่ที่คลุมกายเอาไว้มาดู
มาวิน ญัศวาหะ
คือชื่อเจ้าของเสื้อ
“ขอบใจนะมาวิน” เธอพูดกับเสื้อ
นั่งอยู่อีกไม่ถึงห้านาทีเธอก็ตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีคำพูดของเด็กมอปลายตัวใหญ่นั้นก้องอยู่ในหัว
‘ตรงไหนไม่สบายใจพี่ก็ควรเดินออกมา’
สี่ทุ่มกว่าของคืนนั้น
ทิชาที่อยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีครีมคอวีรัดรูป ช่วงกระโปรงเป็นทรงเอจับจีบพลีตเหนือเข่า เน้นสัดส่วนให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าได้อย่างชัดเจน ผมยาวดำขลับถูกรวบสูงหางม้าไว้ด้านหลัง เผยใบหน้าสวย ลำคอระหง แต่งหน้าจัดกว่าปกติทำให้เธอดูสวยเฉี่ยวมากขึ้น
เธอและเพื่อนอีกสี่คนนั่งอยู่ในผับแห่งหนึ่งเพื่อฉลองวันสอบเสร็จบวกกับฉลองที่เพื่อนหนึ่งในนั้นเป็นโสด เพื่อนคนนั้นก็คือทิชานั่นเอง แจน หนึ่งในเพื่อนกลุ่มนั้นบังเอิญไปเห็นว่าแทนไทคนรักของเพื่อนตัวเองนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับหญิงสาวนางหนึ่งที่สวมชุดมัธยมปลายและคนซ้อนกอดแน่นจนมองดูราวกับจะกลืนเป็นร่างเดียวกันก่อนจะเลี้ยวหายเข้าไปในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งด้วยกัน อพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเป็นที่พักของแทนไทนั่นเอง
ไม่ต้องสืบไม่ต้องเสาะให้มากความ หายเข้าไปด้วยกันแบบนั้นคงไม่ไปวิปัสสนากรรมฐานเป็นแน่ แจนยกหูโทรรายงานทิชาทันที และคราวนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทิชาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว มีอย่างที่ไหนนัดเธอไว้ให้รอเป็นชั่วโมงแต่ดันพาผู้หญิงคนอื่นไปเอาที่ห้องหน้าตาเฉย
สารเลวฉิบหาย !
ทิชาไม่จมจ่อมร้องไห้อย่างที่เคยเป็นมาตลอดแต่ลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวสวยแล้วออกไปดื่มไปดริงก์ตามคำชักชวนของเพื่อนในกลุ่ม
เธอพบว่าครั้งนี้ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่ควรจะเป็น อาจเป็นเพราะถึกทนเป็นควายมาหลายครั้งจนทนต่อไปไม่ไหว หรืออาจเป็นเพราะคำปลอบใจของใครคนหนึ่งเมื่อเย็นนี้ก็ได้
กลีบปากอวบอิ่มแย้มยิ้มออกเมื่อนึกถึงน้องมอปลายสวมแว่นท่าทางดูเป็นเด็กเนิร์ดแต่มีซิกซ์แพ็กคนนั้น จำได้จากชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อว่าเขาชื่อมาวิน ว่ากันตามตรงเขาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากจริง ๆ
“ยิ้มไรวะทิชา นี่แกเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
แจนถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนคลึงแก้วเบียร์ในมือแล้วยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่
“หรือว่ากำลังคิดถึงน้องเด็กมอปลายคนนั้น” เนย เพื่อนอีกคนแซวขึ้น ทิชาเลิ่กลั่กทันที
“จะบ้าเหรอแก พูดไปเรื่อย”
“ไม่พูดไปเรื่อยหรอก ดูดิ หน้าแดงใหญ่เลยว่ะเฮ้ย”
เนยแซวต่อก่อนเพื่อน ๆ ในกลุ่มจะพากันแซวด้วย ทิชาอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาในท้ายที่สุด
“เออ ก็นิดหน่อยแหละ ตอนนั้นฉันรู้สึกแย่จริง ๆ นี่หว่า แล้วจู่ ๆ น้องก็โผล่มาปลอบ”
“แถมยังถอดเสื้อใส่ให้อีก”
“อะไรนะ ถอดเสื้อสอดใส่เลยเหรอวะ”
“แจน ทะลึ่ง !” ทิชาว่าแล้วตีแขนเพื่อนดังเพี้ยะ
“เอ้า ชนฉลองให้กับน้องมอปลายที่มาฮีลใจไอ้ทิชาหน่อยเว้ย หมดแก้ว !” สาว ๆ ยกแก้วขึ้นชนแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด ทิชาสลัดศีรษะเพราะรู้สึกมึนเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเท่าไหร่นักเลยรู้สึกเมาเร็วกว่าเพื่อนคนอื่น
ทุกคนยังพูดคุยเรื่องน้องคนนั้นไม่ยอมหยุด
“หล่อป่ะวะทิชา”
“ก็ดี”
“จะมาพูดแค่ก็ดีไม่ได้ มันต้องบรรยายให้เห็นภาพ”
“ก็บอกไปแล้วไง สูง ๆ ขาว ๆ ใส่แว่นเหมือนเด็กเนิร์ด”
“เฮ้ย แต่เค้าว่าเนิร์ด ๆ แบบนี้ล่ะแม่ง ตัวเด็ดเลย”
“อะไรเด็ดวะ”
“ลีลาไง พวกเนิร์ด ๆ เงียบ ๆ นี่แหละเอาเก่ง”
“บ้า พวกแกพูดอะไรกันเนี่ย น้องเขายังอยู่มอปลายอยู่นะโว้ย น่าเกลียด” ทิชาแย้งขึ้นแม้ว่าซิกซ์แพ็กของน้องจะยังติดตาอยู่ก็ตามที
“มอปลายแล้วไงวะ เห็นน้องเขาใส่เครื่องแบบมัธยมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเด็กชายนะทิชา มอปลายกับ ปวช. ก็อายุเท่ากันนะ สิบหกถึงสิบเก้า เป็นหนุ่มแล้ว” แจนว่าก่อนโน้มตัวมากระซิบข้างหู
“เอาได้แล้วด้วย”
“ไอ้แจนทะลึ่ง !” ทิชาหยิกแก้มแจนแรง ๆ จนอีกฝ่ายร้องโอดโอยแต่ก็ยังไม่หยุดแหย่
“บอกทีว่าหล่อไหม เอ้านี่ ดื่มอีกแก้วจะได้บรรยายได้ชัดเจน” ว่าพลางเทเบียร์ใส่แก้วให้เพื่อน ทิชารีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้
“เฮ้ย พอแล้ว ๆ ฉันเมาแล้วเนี่ย”
“เออ เมาไปแหละจะได้สนุก ๆ จะได้ลืมไอ้หน้าเหี้ยสันดานเหี้ยแทนนั่นสักที เอ้าหมด” แจนยื่นแก้วให้ ทิชารับมา
“ฉันลืมได้อยู่แล้ว นี่ก็ส่งข้อความไปบอกเลิกแทนแล้วด้วย แต่มันยังไม่เปิดอ่าน”
“ก็คงขลุกอยู่กับผู้หญิงแหละแต่ใครจะสน ใช่มะ”
“ใช่ จะไปตายที่ไหนก็ไป” ทิชาว่าพลางกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกรวดเดียวจนหมดแก้วท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อน ๆ
“เก่งมาก”
“คราวนี้ก็เล่าให้พวกฉันฟังได้แล้วว่าน้องเจ้าของเสื้อหน้าตาดีหรือเปล่า” ทิชาวางแก้วลง ยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายแพรวพราว
“สูงมาก น่าจะเกินร้อยแปดสิบเซน ขาว หน้าหล่อ คิ้วหนา ๆ ตาคม ๆ ใส่แว่น แล้วก็...มีซิกซ์แพ็กด้วย”
“เชี่ย มีซิกซ์แพ็กด้วย แกได้ลองลูบดูไหม”
“ไอ้บ้า ใครจะไปกล้าลูบวะ”
“ได้เลียป่ะ”
“ไว้เจอครั้งหน้าฉันจะลองเลียดูละกัน” คราวนี้ทิชาตอบเท่าทันกับแจน ทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะอย่างชอบใจ
“มันต้องอย่างงี้โว้ย” ทิชาหัวเราะร่วนแล้วพูดต่อ
“เวลายิ้มน่ารักมาก ยิ้มหวานตาหยีแล้วก็มีลักยิ้มด้วย”
“หูย อยากเห็นว่ะ ชื่อไรนะจะไปค้นในไอจีเผื่อเจอ”
“ชื่อมาวิน”
“นามสกุลล่ะ”
“ใครจะไปจำได้วะ เขาอาจจะไม่ได้ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงตั้งไอจีก็ได้”
“ไม่รู้แหละ หาก่อน” สองคนในกลุ่มเพื่อนว่าพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสืบค้นชื่อทั้งในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก
“ไม่เจอเลยว่ะ”
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว” ทิชาว่าขำ ๆ ก่อนจะยกแก้วที่แจนพึ่งจะเบียร์เพิ่มให้ขึ้นจิบเบา ๆ พลางสอดส่ายสายตาไปทั่ว ก่อนจะสะดุดที่ประตูทางเข้า ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
ที่ตรงนั้นมีกลุ่มชายหนุ่มสี่ห้าคนกำลังเดินเข้ามา คนเดินนำหน้าตัวสูงที่สุดในกลุ่ม เขาอยู่ในชุดเชิ้ตสีขาว กางเกงชิโนสีครีม สวมแว่น และเขากำลังพูดจาทักทายพลางส่งยิ้มให้กับการ์ดและคนบริเวณนั้นอย่างคุ้นเคย
มือของทิชาที่ถือแก้วอยู่ลดลงแล้ววางมันบนโต๊ะแต่สายตายังตรึงอยู่กับใครคนนั้น ทำให้แจนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมาเจอ เมื่อเห็นความผิดปกติของเพื่อนที่เอาแต่จ้องไปฝั่งตรงข้าม แจนจึงมองตามสายตาของเพื่อนทันที และทันทีที่เห็นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเช่นกัน
“แกอย่าบอกนะทิชาว่านั่นน่ะคือน้องมอปลายคนนั้น”
ทิชาพยักหน้าช้า ๆ พลางตอบสั้น ๆ
“ใช่”
“เชี่ย หล่อฉิบหายเลย น่ากินเว่อร์ นี่มันไม่ใช่เด็กมอปลายแล้วโว้ย ทำไมดูเป็นหนุ่มจังวะ อย่างกับเด็กมหาลัย” แจนพึมพำ สายตาก็จ้องมองไม่หยุด
“โอ๊ย หาไม่เจอว่ะ” เนยที่ก้มหน้าก้มตาสอดส่องทั้งค้นหาข้อมูลของน้องทั้งอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กพร่ำบ่นอย่างหงุดหงิด แจนวางมือเคาะลงบนโต๊ะ
“เฮ้ย ไม่ต้องหาแล้วโว้ย โน่น ตัวเป็น ๆ มาโน่นแล้ว”
บอกพลางพยักเพยิดให้เพื่อนมองตาม ทุกคนหันขวับไปเป็นตาเป็นเดียว
“ถามจริง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ”
“ไม่บังเอิญหรอก แบบนี้เขาเรียกบุพเพโว้ย ฟ้าแม่งส่งมาชัด ๆ”
“เชี่ย ทำไมหล่อจังวะ”
“จริง แล้วดูโตกว่าเด็กวิดลัยเราอีก”