อย่างที่ผมถามเธอนั่นล่ะว่าผมเคยไม่ตามใจเธอด้วยเหรอ ผมจำได้ว่าแทบจะไม่มีเรื่องที่ขัดใจเธอเลยทำให้ตอนนี้เราสองคนเช่าเสื่อริมหาดมานั่งกันเรียบร้อยแล้ว แถมก่อนเช่าเสื่อขวัญเอยยังลากผมไปซื้อของกินมาแล้วด้วย
“อร่อยไหมคะ”
“อื้ม อร่อย” กินข้าวกับเด็กน้อยคนนี้ไม่ว่ากินอะไรก็อร่อยเพราะมันอร่อยมาจากความรู้สึกแต่แรกแล้ว
หึ ๆๆ ผมดูคลั่งรักมากใช่ไหมครับแต่น่าเสียดายที่คนที่ผมคลั่งรักไม่เคยอยากรับความรักของผมไว้เลย
...โคตรน่าสงสารเลยว่ะ
“อื้มอร่อยคือ?” ขวัญเอยเอียงคอมองผมด้วยความสงสัยแต่ผมรู้สึกอย่างเดียวคือ...น่ารัก
“ก็อร่อยไง”
“จริงเหรอคะ แล้วทำไมพี่ลุคต้องพูดว่าอื้มก่อนด้วยล่ะ เอยฟังแล้วรู้สึกเหมือนไม่ค่อยอร่อยเลย”
“เอ้า! หึ ๆๆ อะไรของเรายัยเด็กน้อยก็พี่กำลังกินอยู่ปากไม่ว่าง”
“ก็กลัวพี่ลุคไม่อร่อยนี่คะ หมึกย่างอันนี้เอยเป็นคนลากพี่ลุคเดินตามกลิ่นไปตั้งไกล” เธอลากผมตามกลิ่นไปจริง ๆ ครับ ไม่เห็นร้านแต่ได้กลิ่นเลยจูงมือผมเดินตามกลิ่นวนไปทางนั้นวนมาทางนี้หลายรอบกว่าจะเจอรถขายหมึกย่าง
“หึ ๆๆ อร่อยครับ อร่อยมาก อร่อยทุกอย่างจริง ๆ”
“จริงนะคะ” แววตาใสซื่อทำผมหลงอีกแล้ว อ่าส์! ทรมานใจว่ะ
“จริงสิ หรือเอยกินอันไหนแล้วไม่อร่อย” ผมถามกลับบ้างแล้วก็มองเด็กน้อยของผมด้วยรอยยิ้มเอ็นดู คนที่โดนถามก็เลยส่ายหน้าเบา ๆ แล้วจิ้มลูกชิ้นทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ก่อนจะตอบออกมา
“ไม่ค่ะ”
“หึ ๆๆ ถ้างั้นก็เหมือนกัน เอยอร่อยพี่ก็อร่อย ลิ้นเราไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่นะพี่ว่า”
“ชิส์!” ขวัญเอยมองค้อนแล้วไม่สนใจผมอีกนอกจากจิ้มของกินตรงหน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่องต่อ
“ขอบคุณนะเอย”
“คะ?” เวลาผ่านไปพอประมาณผมก็เอ่ยคำนี้ออกมาทำให้ขวัญเอยที่กำลังนั่งกินอยู่เงยหน้ามองผมด้วยความสงสัย
“ขอบคุณไง”
“ขอบคุณทำไมคะเอยต่างหากที่ต้องขอบคุณ แต่เดี๋ยวก่อนขอเที่ยวให้เสร็จก่อนเอยค่อยขอบคุณ” ขวัญเอยน่ารักกับผมอีกแล้วว่ะ เธอไม่รู้บ้างรึไงว่าความเป็นเธอที่แสดงออกกับผมทำให้ผมตกหลุมรักเธอซ้ำ ๆ แค่ไหน
“ไม่หรอก พี่ก็ต้องขอบคุณ ยังไม่เคยมานั่งชิลริมหาดแบบนี้เลย ปกติมีแต่ไปกินข้าวในร้านกัน”
“นั่นสิคะ แล้วเป็นไงคะชิลดีใช่ไหม” ขวัญเอยฉีกยิ้มออกมา
“อื้ม ชิลมาก รู้สึกดีมาก เราเคยมานั่งชิลแบบนี้เหรอ”
“เปล่าค่ะ เอยแค่เห็นคนอื่นเขานั่งกันก็เลยอยากนั่งบ้าง”
“เหมือนคู่รักคู่นั้นน่ะเหรอ” ผมถามพร้อมกับมองไปที่คู่รักคู่เดิมที่ขวัญเอยชี้ให้ดูตั้งแต่แรก
“ค่ะ” เธอมองตามแล้วตอบรับทันที
“แต่ยังไม่ค่อยเหมือนเขาเท่าไหร่นะพี่ว่า ยังขาดอะไรไป” ผมยังมองไปที่คู่รักคู่นั่นที่นั่งข้างกันหันหน้าไปทางทะเล เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าต่อให้ทั้งคู่จะนั่งเฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องสรรหาอะไรมาคุยกันก็มีความสุขได้
“ขาดอะไรคะ”
“...ความรักไง”
“...”
“...พี่ขอโทษนะเอย ไม่ได้อยากพูดให้อึดอัดหรอก พี่ไม่ได้ตั้งใจแค่เห็นแล้วรู้สึกแบบนั้น เอยไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ” ผมไม่ได้ประชดเธอผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ถึงอยากให้เธอรักผมแค่ไหนแต่ไม่เคยอยากให้คนที่ผมรักรู้สึกอึดอัดใจเพราะผมสักครั้ง อย่างที่บอกผมอยากเห็นรอยยิ้มกับความสุขของเธอที่สุดแล้วผมจะอยากทำให้เธออึดอัดทำไมจริงไหม
“ไม่ได้อึดอัดอะไรค่ะ จะว่ามองแล้วน่ารักดีนะคะ”
“อื้ม”
“พี่ลุคว่าเขาคุยกันไหมหรือว่านั่งจับมือกันเฉย ๆ เอยเห็นสองคนนั้นนั่งอยู่แบบนั้นนานแล้วนะ”
“นั่นสิพี่ก็คิดเหมือนกันว่าเขาคุยกันรึเปล่า”
“ฮ่า ๆๆ คิดเหมือนกันเลยนะคะ” ใช่คิดเหมือนกันแต่ก็แค่บางเรื่องเท่านั้น ถ้าคิดตรงกันทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องหัวใจคงดีกว่านี้
อ่าส์! อย่าบอกใครนะว่าผมเป็นผู้ชายที่แอบมีมุมประชดประชันเพราะความจริงผมไม่คิดอะไรประชดประชันใครในใจหรอกถ้าไม่ใช่กับเธอคนนี้แค่คนเดียวแล้วก็ในเวลาที่แอบรู้สึกน้อยใจเท่านั้น
“อยากให้ทั้งคิดเหมือนกันแล้วก็คิดตรงกันนะ”
“คะ?” ขวัญเอยเอ่ยคำนี้ออกมาสั้น ๆ ผมที่เพิ่งรู้ตัวเลยหันไปมองแล้วยิ้ม
“ทายกัน”
“ทาย?”
“ทายว่าสองคนนั้นทำอะไรไง” ผมพยายามแก้สถานการณ์ไม่ให้อึดอัด หมายถึงตัวผมนะที่อึดอัด อึดอัดกับความรักที่ล้นใจมานานหลายปี
“แล้วจะรู้ได้ไงคะว่าที่ทายถูกหรือไม่ถูก” ขวัญเอยถามพร้อมกับยิ้มออกมาคล้ายจะหัวเราะเบา ๆ
“หึ ๆๆ พี่ไม่ได้จะเอาคำตอบจากสองคนนั้นแค่ให้ทายว่าเราสองคนคิดตรงกันรึเปล่า”
“อ่อ โอเคค่ะ หาอะไรเล่นก็ดีเหมือนกัน มาค่ะเอยพร้อมแล้ว” ขวัญเอยพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางกระตือรือร้นผมเลยขยับตัวไปนั่งใกล้เธออีกนิดหน่อยเพื่อให้ตัวเองมองสองคนนั้นได้ถนัดขึ้น
“โอเค เอยว่าสองคนนั้นคุยกันไหม”
“น่าจะคุยแต่คงไม่ได้คุยกันตลอดเวลานะคะ พี่ลุคคิดว่าไงคะ”
“พี่ก็คิดเหมือนเอย” ผมไม่ได้ตอบแบบนี้เพื่อให้คำตอบของผมตรงกับเธอหรอกแต่ผมคิดแบบนี้จริง ๆ
“แล้วพี่ลุคว่าถ้าเป็นแบบที่เราสองคนคิดแล้วจะเพราะอะไรที่ทำให้คนสองคนนั่งข้างกันแบบนั้นได้นาน ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องมาคุยกันเลยคะ” คำถามของเธอน่ารักแต่น้ำเสียงกับหน้าตาของเธอตอนที่ถามน่ารักกว่า
“...” โคตรน่ารักเลย ความจริงขวัญเอยไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มหรอกนะครับ เธอเป็นผู้หญิงสวย หน้าหวานแก้มป่องนิดหน่อยแต่มีความเซ็กซี่อยู่ในใบหน้าเธอ เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยครบทุกอย่างอย่างที่ผู้ชายต้องการ แต่ที่ผมชมว่าเธอน่ารักบ่อย ๆ เพราะเธอน่ารักมากในสายตาผม ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปซะทุกอย่าง ก็ตามประสาคนคลั่งรักนั่นล่ะ
“พี่ลุค”
“อื้ม”
“ทำไมไม่ตอบ” ขวัญเอยจ้องหน้าผม อ่าส์! ผมแค่กำลังหลงความน่ารักของเธอเลยตอบช้าไปแค่นิดเดียวไม่เห็นต้องเพิ่มความน่ารักด้วยการยื่นหน้ามาใกล้แล้วทำหน้าตาน่ารักใส่เลย
“กำลังจะตอบนี่ไง” ผมบอกแล้วอดเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอเบา ๆ ไม่ได้
“ถ้างั้นก็ตอบมาเลยค่ะเอยรอฟังอยู่”
“ความสบายใจ” ผมตอบเธอออกไปทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเพราะการที่เราจะอยู่กับใครสักคนได้นาน ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือพยายามทำอะไรมันคงมีแค่ความสบายใจเท่านั้นล่ะที่ทำให้เราอยู่ตรงนั้นได้
“ความสบายใจ?” ขวัญญเอยทวนคำตอบของผมเบา ๆ
“อื้ม”
“ทำไมพี่ลุคถึงคิดว่าความสบายใจล่ะคะ”
“ถ้าเป็นเอยอยู่กับใครสักคนแล้วรู้สึกอึดอัดจะอยากนั่งกับเขาไหม”
“ไม่ค่ะ” ขวัญเอยส่ายหน้าตอบเบา ๆ
“แล้วถ้าให้นั่งแบบนั้นกับคนไม่รู้จักหรือคนที่ไม่สนิทด้วยโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำนาน ๆ จะนั่งไหม”
“อืม...ไม่เอาอ่ะ อึดอัดน่าดู”
“ก็นี่ไง ถ้าเราจะนั่งข้างในสักคนนาน ๆ โดยที่คุยบ้างไม่คุยบ้างก็ได้ไม่ต้องพยายามทำอะไรก็นั่งตรงนั้นนาน ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรากำลังสบายใจจะเป็นเพราะอะไรล่ะ”
“นั่นสิคะ คงจะจริงอย่างที่พี่ลุคพูด” ขวัญเอยยิ้มแล้วมองไปที่สองคนนั้นอีกครั้งผมเองก็เหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างก็มองไปที่สองคนนั้นเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรจะมีก็แค่เสียงพูดคุยที่ห่างออกไปของผู้คนที่มานั่งเล่นริมหาดกับเสียงลมและคลื่นทะเลก็เท่านั้น
“พี่ลุค” เธอเรียกผมเบา ๆ หลังจากนั่งกันเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยอยู่พักใหญ่นานนับสิบนาทีจะมีก็แค่ผมเบนสายตาจากคู่รักคู่นั้นไปมองที่ทะเลและผมคิดว่าขวัญเอยเองก็น่าจะมองที่ทะเลเหมือนผมแล้วเหมือนกัน
“อื้ม”
“เอยว่า...เอยเจอความสบายใจของเอยมานานแล้วนะคะ”
“...ครับ?” ถึงเธอจะพูดขึ้นมาเบา ๆ แต่ผมตั้งใจฟังเธอพูดทุกครั้งทำให้ได้ยินชัดเจนว่าขวัญเอยพูดอะไรแต่ผมไม่แน่ใจว่าเธอกำลังต้องการสื่ออะไรกันแน่
“เอยบอกว่าเอยเจอความสบายใจของเอยมานานแล้วไงคะ” ขวัญเอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มหวานที่เห็นแล้วผมแทบละลาย สายตาที่เธอมองมาแฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจเต้นแรงมาก แรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา มันแต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกได้เลยด้วยซ้ำ
“...ใครเหรอเอย” ผมถามออกไปช้า ๆ ใจเต้นแล้วก็ลุ้นและภาวนาให้คำตอบของเธอเป็นอย่างที่ผมต้องการ พอถามออกไปขวัญเอยก็ยิ้มให้แล้วหันไปมองทะเล
“เอยว่าเราสองคนนั่งมองทะเลกันนาน ๆ หน่อยนะคะ...เอยสบายมากเลย”
“...หึ ๆๆ ได้สิ นานแค่ไหนก็ได้” ถึงผมจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะตอบตกลงแต่ใครจะรู้ว่าผมที่กำลังมองใบหน้าด้านข้างของผู้หญิงที่สวยมากแถมยังกำลังยิ้มบาง ๆ อยากจะตรงเข้าไปกอดเธอแล้วตะโกนอะไรสักอย่างที่บอกให้รู้ว่าผมดีใจออกมามากแค่ไหน
-สิบห้านาทีต่อมา-
“เอย” เรานั่งข้างกันเงียบ ๆ แบบนี้มาพักใหญ่แล้วก่อนที่ผมจะเรียกเธอเบา ๆ
“คะ”
“สบายใจขึ้นไหม”
“สบายใจสิคะ เอยบอกแล้วไงว่าเอยเจอความสบายใจของเอยแล้ว เจอมานานแล้วด้วยแค่ไม่เคยทบทวนให้ดีแต่วันนี้เอยทบทวนแล้ว”
“ทบทวนแล้ว...เอยคิดว่าไง” ผมถามออกไปแล้วก็ลุ้น โคตรลุ้นเลยเพราะต่อให้ขวัญเอยจะพูดออกมาเป็นนัย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสุดท้ายแล้วเธอจะคบกับผมสักหน่อย
“เอยคิดว่า...”
“...ว่า?”
“ว่า...” ขวัญเอยพูดแค่นี้ก็ยิ้มบาง ๆ แล้วมองไปที่ทะเล อ่าส์! โคตรลุ้นเลยว่ะ กลัวว่าตัวเองจะเป็นแค่ความสบายใจที่เธออยากอยู่ใกล้แต่สุดท้ายเป็นคนรักของเธอไม่ได้
“เอย...”
“ใจเย็น ๆ สิคะ รอมาได้ตั้งนานรออีกสักสิบยี่สิบวิไม่ได้เลยเหรอ” เธอหันมาถามแล้วก็ยิ้มทำให้ผมรู้สึกว่าเธอกำลังแกล้งเลยยิ้มออกมาได้
“เอยครับพี่ลุ้น อย่าแกล้งคนรอได้ไหม”
“ฮ่า ๆๆ โอเคค่ะ เอยไม่แกล้งแล้วก็ได้...พี่ลุคเป็นความสบายใจของเอยนะ” เธอพูดออกมาช้า ๆ ก่อนจะตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานบาง ๆ ที่ชวนละลายใจและแน่นอนว่าใจผมละลายเพราะรอยยิ้มเอไปเรียบร้อยแล้ว
“แล้ว...แล้วเป็นอย่างอื่นได้ไหม” ถึงเธอจะพูดออกมาตรง ๆ แต่ผมก็ยังลุ้นอยู่เหมือนเดิม
“ก็...ลองดูอย่างที่พี่ลุคบอกแล้วกันนะคะ เอาแบบนั้นได้ใช่ไหม เอยว่าถ้าเอยลองเปิดใจ...เอยรักคนที่แสนดีอย่างพี่ลุคได้ไม่ยากหรอก”