“อย่าหยุด คุณภูสิทธิ์” ธัญสินี สาวสวยวัยสามสิบเจ็ด ทายาทเจ้าของบริษัท ธีระ-บุริม ที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มส่งออกไปเกือบทั่วโลก ขยับแอ่นเนินกุหลาบที่ไร้เส้นขนเข้าหาหนุ่มใหญ่ “ทำต่อสิที่รักของเมีย”
“ก็ไหนคุณนีบอกทรมาน” หนุ่มใหญ่ถามกลับเสียงแหบพร่า พร้อมกับใช้นิ้วของตนเองกรีดกรายบนกุลาบงาม หยอกเย้าให้สาวสวยตัวสั่นสะท้านไปด้วยความต้องการ
“อ่า...คุณภูสิทธิ์จะทรมานนีไปถึงไหน”
“ก็ผมชอบเสียงครางของคุณ อยากได้ยินเสียงครางของคุณดังๆ”
“อ่า...คุณภูสิทธิ์ขา เร็วๆ หน่อย” คนพูดฉีกขาให้กว้างมากขึ้นเพื่อเปิดทางให้หนุ่มใหญ่ ขณะที่หนุ่มใหญ่ก็ยิ้ม แต่นั่นยังกว้างไม่พอ
“ได้เลยยอดรัก” ภูสิทธิ์ พนักงานบริษัทเงินเดือนหลักหมื่นจ้องมองสาวสวยด้วยสายตาหื่นกระหาย ก่อนจะขยับเข้าไปหาสาวสวย จับขาทั้งสองแยก
“ต้องกว้างขนาดนี้เลยเหรอ คุณภูสิทธิ์”
“ใช่จ้ะที่รัก ผมจะได้เห็นของคุณชัดๆ สูสิ สีสวยมาก ฉ่ำมากด้วย” ไม่ได้พูดเฉยๆ แต่ยังใช้นิ้วสอดเข้าไปในโพรงสวาทขยับเข้าออกเบาๆ พอให้สาวเจ้าสั่นสะท้านอีกรอบ เพราะตนชอบเวลาหญิงสาวมีความต้องการมากๆ แล้วเจ้าหล่อนจะกลายร่างเป็นแม่เสือสาวหิวสวาท
“คุณภูสิทธิ เอาของจริงมาเถอะค่ะ นีรอไม่ไหวแล้ว เร็วๆ เลยค่ะ นีอยากได้!” เสียงหวานที่แหบพร่าเร่งเร้า ขยับเนินกุหลาบเข้าหาท่อนเนื้อ
“ใจร้อนจริงๆ ยอดรักของผัว” จบคำนั่นบทสวาทก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อท่อนเนื้อขนาดใหญ่ถูกส่งเข้าไปในโพรงสวาท หนุ่มใหญ่ที่ออกกำลังกายเป็นประจำทำให้มีพละกำลังขยับโยกเข้าใส่หญิงสาว ที่ตัวสั่นคลอนราวกับนอนอยู่ในเรือที่โดนพายุซัด
“อ๊ะ! อ่า...แรงๆ เลย นีชอบ” แม่เสือสาวร้องขอไม่หยุดปากเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ต่างจากคนเหนือร่างที่ก็ขยับโยกสุดกำลัง เพราะตนก็ใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว ไม่นานทั้งสองก็แข่งกันเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความสุข ธารสีขุ่นไหลอาบไปทั่วอกของแม่เสือสาว
“นอนด้วยกันที่คอนโดนะยอดรัก” เมื่อจบบทสวาทเสียงแหบพร่าก็เอ่ยถามขณะที่นอนกอดกันและกัน
“แล้วคุณไม่กลับบ้านเหรอ”
“ผมเบื่อบ้านนั่นจะตาย”
“มิน่า คุณถึงโทรเรียกให้ฉันออกมาหากลางดึก”
“ก็ผมคิดถึงคุณ ว่าแต่คุณจะนอนที่นี่หรือเปล่า” ถามไปมือก็สะกิดยอดอกของหญิงสาวไปด้วย
“นอนสิค่ะ แต่คุณต้องให้รางวัลฉัน”
“ได้เลยยอดรักของผัว” ภูสิทธิ์มอบรางวัลให้ตามคำของหญิงสาว ก่อนที่ทั้งสองจะนอนกอดไปจนเช้า ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างลุกขึ้นไปอาบน้ำ ฝ่ายหญิงต้องรีบกลับบ้าน ด้านฝ่ายชายก็ต้องรีบไปทำงาน ก่อนจากกันทั้งสองก็จูบแลกลิ้นกันนัวเนียนานหลายนาทีจนเลยเถิดเป็นบทสวาทรับเช้าวันใหม่ ที่กว่าจะแยกจากกันได้ก็ทำเอาฝ่ายชายเกือบไปทำงานสาย
ธัญสินีกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบแปดโมงเช้า จากนั้นก็เดินเข้าบ้านโดยไม่ทันสังเกตว่ารถของน้องชายยังจอดอยู่ในโรงรถ ป้าแจ๋ว แม่บ้านคนเก่าแก่ของตระกูลบุริมนาถเห็นเจ้านายสาวก็รีบบอกให้จุ๊ สาวใช้ไปบอกเจ้านายหนุ่ม ที่วันนี้เข้าบริษัทช้า เพราะต้องการพูดคุยกับพี่สาว
“พี่นี!” ธีรินทร์ บุริมนาถ ประธานบริษัท ธีระ-บุริม ที่มาสานต่อธุรกิจต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อน เร่งฝีเท้ามาเรียกพี่สาวเอาไว้ก่อนที่พี่สาวจะขึ้นห้อง
“ตาธี! แกยังไม่เข้าบริษัทอีกเหรอ นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ” ธัญสินีตกใจเมื่อเจอน้องชาย ก่อนจะแสร้งถามกลับเพื่อกลบเกลื่อนอาการตกใจของตัวเอง
“ผมรอคุยกับพี่นี”
“คุยอะไรอีกล่ะ ฉันเหนื่อยขอไปพักก่อนได้ไหม แล้วตอนเย็น ค่อยมาคุยกัน หรือเย็นนี้แกจะนอนที่คอนโด”
“ผมคุยไม่นานครับ”
“ก็ได้!” ธัญสินีบอกอย่างรำคาญ จากนั้นสองพี่น้องก็พากันเดินไปยังห้องรับแขก และนั่งลงกันเรียบร้อยแล้วคนอยากพักก็ถามน้องชายเรื่องที่คุย “มีอะไรก็คุยมาสิ มาจ้องพี่อยู่ได้”
“พี่นีออกไปไหนดึกๆ”
“ก็ไปเที่ยวพักผ่อนไง ว่าแต่แกจะมาจับผิดอะไรพี่อีก”
“ผมไม่ได้จับผิด แต่ที่ผมถามเพราะผมเป็นห่วงพี่ แล้วพี่เป็นผู้หญิง ไปเที่ยวดึกๆ แบบนี้มันไม่ดี”
“แล้วยังไงตาธี แกจะให้พี่อยู่แต่บ้าน ทำตัวเป็นกุลสตรีเรียบร้อยแบบสมัยก่อนหรือไง แล้วแกเห็นไหมล่ะ ว่าการที่พี่อยู่แต่บ้าน มันเป็นยังไง!” ธัญสินีจ้องหน้าน้องชายอย่างไม่พอใจที่ถูกตักเตือน
“ผมไม่ได้คิดจะห้ามพี่ แต่การที่พี่ออกไปกลางดึกมันอันตราย ผมเป็นห่วงพี่นะครับ”
“แกไม่ต้องห่วงฉันหรอกตาธี ฉันดูแลตัวเองได้ แกรีบเข้าบริษัทได้แล้ว พี่จะได้พักผ่อน” ธัญสินีลุกเดินออกจากห้องรับแขกทันที ส่วนน้องชายก็ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง เพราะวันก่อนเพื่อนของเขาโทรมาเล่าว่าเห็นพี่สาวของเขาไปเที่ยวกับผู้ชาย เลยทำให้เขานึกห่วงกลัว กลัวพี่สาวจะประชดชีวิตด้วยการควงผู้ชายมากหน้าหลายตา เพราะพี่สาวเพิ่งจะถอนหมั้น
“ตาธี เกิดอะไรขึ้น” คนเป็นป้าเดินเข้ามาถามไถ่หลังได้ยินเสียงสองพี่น้องโต้เถียงกันเสียงดัง
“ไม่มีอะไรครับ ผมขอไปทำงานก่อนนะครับ”
“จะไม่มีได้ยังไง ก็ป้าได้ยินเสียงแกสองคนดังออกไปข้างนอก”
ธีรินทร์ถอนใจเบาๆ แล้วตอบคำถามผู้เป็นป้า “ผมถามพี่นีเรื่องที่พี่นีออกจากบ้านกลางดึกครับ”