“สมน้ำหน้า” พอผู้จัดไปแล้วฐานิศรก็หันมาสมน้ำหน้าคนชอบหาเรื่อง ก่อนจะพาพิรุณนภาเดินออกไป ที่เจ้าตัวก็ยอมโดนหักเงิน เพราะอยากให้เรื่องจบๆ เนื่องจากไม่อยากถูกไล่ออก และเห็นทีเธอต้องอยู่ห่างๆ โรสิตาเสียแล้ว ไม่งั้นจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก
“แป้ง! ไอ้แป้ง!” ฐานิศรที่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและเตรียมตัวกลับบ้านเดินออกมาเจอเพื่อนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“ศร เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว แล้วแกเป็นอะไร ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ไปเร็ว วันนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวต้มแกเอง ดีใจที่ยัยโรสิตาโดนหักเงิน”
“ฉันก็โดนหักนะศร”
“แต่ก็น้อยกว่ายัยโรสเยอะ เพราะงั้นแกไม่ต้องคิดมาก”
“เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเงิน แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันเกิดไปแล้ว” พูดแล้วพิรุณนภาก็ถอนหายใจเบาๆ เพราะจะให้ไปบอกผู้จัดการว่าอย่าหักเงินก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อผู้จัดการพูดแล้วก็ต้องเป็นตามนั้น
“ใช่! เรื่องมันเกิดไปแล้ว อย่าเก็บมาคิดรกสมองเลย ว่าแต่แกหางานเสริมได้หรือยัง”
“ยังเลย จะทำขนมขายก็ไม่มีเวลา” เพราะทำไปขายแล้วก็กลัวจะไปทำงานสาย เธอเลยคิดว่าจะหางานเสริมอย่างอื่นทำ แต่ก็ยังหาไม่ได้
“ถ้างั้นฉันหาให้เอาไหม” ฐานิศรบอก แต่ไม่ได้คิดจะให้เพื่อนทำงานแบบนี้เลย แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินไปรักษาแม่
“งานอะไรเหรอ”
“แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป แล้วไปกินข้าวต้มกัน กินเสร็จแล้วฉันจะบอกว่าแกเอง”
“อืม” พิรุณนภาขานรับแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะออกมาแล้วไปร้านข้าวต้มกับเพื่อนรัก แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยเรื่องงานกันเลย ฐานิศรก็ต้องรีบกลับ บอกว่ามีธุระด่วน หลังจากเพื่อนรับโทรศัพท์แล้วก็คุยไม่กี่คำก็หันมาบอกเธอว่าต้องรีบกลับ
พิรุณนภาจึงเดินออกมาเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อไปโรงพยาบาล แต่ไม่ทันได้เรียกรถก็เจอกับโรสิตาและธนิสาที่เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางหาเรื่อง “นังแป้ง!!”
“อย่าหามาเรื่องอีกนะโรส”
“ฉันจะหา แล้วแกจะทำไม แล้วก็เป็นเพราะแกนั่นแหละ ทำให้ฉันต้องโดนหักเงินสามพัน”
“แต่เธอเป็นคนหาเรื่องฉันเองนะโรส แล้วไม่ใช่แค่เธอที่โดนหักเงิน ฉันก็โดนด้วย ทั้งที่ฉันก็ทำงานของฉันดีๆ แต่เป็นเพราะเธอนั่นแหละที่มาหาเรื่องฉัน”
“แล้วใครใช้ให้แกไปออเซาะผู้จัดการล่ะ ฉันจะบอกให้ว่าผู้จัดการเป็นของฉัน แกอย่าสะเออะมายุ่ง ไม่งั้นแกโดนหนักกว่านี้แน่”
“ฉันไม่เคยทำอย่างที่เธอกล่าวหา”
“ไม่ทำน้อยไปสิ วันก่อนผู้จัดการก็เรียกเข้าไปในห้อง ทำไม! แกไปอ่อยอีท่าไหนเหรอ ผู้จัดการถึงได้เรียกแกไปพบบ่อยๆ”
“เธอนี่ความคิดสกปรกจริงๆ นะโรส”
“แกสิสกปรก คิดจะจับผู้จัดการเป็นผัว!”
“หลีกทางฉันด้วย” พิรุณนภาเอ่ยปากขอทางเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย แต่โรสิตากับธนิสาไม่หลีกทางให้ เธอจึงเลือกที่จะเดินลงไปที่ถนนแล้วรีบเดินหนีสองสาวไป แต่โรสิตาและธนิสากลับเดินตามมาหาเรื่อง กระชากแขนเธอแล้วก็ตบหน้าไปหนึ่งที
“โรส!!”
“แกจะทำไมฉัน นังแป้ง”
“ปล่อยฉัน!”
“ฉันไม่ปล่อย” จบคำสองสาวก็ยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่งโดยมีเสียงของธนิสาบอกให้ตบพิรุณนภา ท่ามกลางสายตาคนบริเวณนั้น ที่บางคนก็เดินผ่าน บางคนก็หยุดห้ามปราม แต่โรสิตากลับตวาดกลับใส่ว่าอย่ายุ่ง!
“โรส! แกตบมันอีกสิ ฉันอยากเห็น” ธนิสาเชียร์ไม่เลิก เพราะเพื่อนสนิทของตนหาจังหวะตบพิรุณนภาไม่ได้สักที
“ปล่อยฉันนะโรส”
“ปล่อยให้แกไปออเซาะผู้จัดการน่ะเหรอ แกฝันไปเถอะ!!” โรสิตาผลักพิรุณนภาออกไปกลางถนนทั้งที่มีรถวิ่งอยู่แต่โชคดีรถเบรกได้ทัน สักพักคนในรถก็ออกมา ส่วนสองสาวเผ่นหนีไปแล้ว ขณะที่พิรุณนภาก็พยายามลุกแต่ปวดที่ข้อเท้าเลยลุกไม่ถนัด
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ” ธีรินทร์ที่กำลังขับรถกลับบ้านลงมาดูและสอบถามอาการ
“เจ็บข้อเท้านิดหน่อยค่ะ เอ่อ...ขอบคุณนะคะที่คุณเบรกรถทัน” เพราะถ้าไม่ทัน ป่านนี้เธอคงหมดลมหายใจอยู่ใต้ท้องรถไปแล้ว
“ก็เกือบไม่ทันเหมือนกัน ว่าแต่สองสาวผลักคุณออกมาทำไม”
“เอ่อ...”
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แต่เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาหมอ”
“ไม่ต้องค่ะ แค่พยุงฉันออกจากถนนก็พอค่ะ แล้วเดี๋ยวสักพักฉันจะกลับบ้าน”
“เจ็บจนลุกเองไม่ได้ ยังจะไม่ไปหาหมออีกเหรอคุณ”
“ก็ฉัน...ฉันไม่อยากรบกวนคุณ”
“ไม่รบกวน” ธีรินทร์จัดการอุ้มหญิงสาวเข้าไปในรถ โดยไม่ฟังเสียงคนเจ็บเลย พิรุณนภาก็เลยถูกพามาที่โรงพยาบาลก็เข้าไปทำแผลแล้วก็ให้ยา โดยที่คนใจดีก็ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดก่อนจะพาเธอมาส่งที่บ้าน และทันที่รถจอดสนิทพิรุณนภาก็เปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาส่งให้คนใจดี
“อะไรของคุณ”
“เงินค่ายาค่ะ”
“เก็บไว้เถอะ ผมไม่รับ”
“แต่ว่า...”
“ถ้ายังดื้อ ผมจะคุณโยนออกจากรถ” คำขู่ได้ผล พิรุณนภาปิดปากเงียบสนิท ก่อนจะหันมาเปิดประตูทว่าอีกคนกลับยื่นมือมาจับแขนไว้ไม่ยอมให้ลง
“คุณมีอะไรเหรอคะ” ถามพร้อมขยับแขนออกจากมือใหญ่
“ชื่ออะไร”
“พิรุณนภาค่ะ”
“ชื่อเล่นล่ะ”
“แป้งค่ะ”
“ชื่อน่ารักดี”
“ขอบคุณค่ะ” พิรุณนภาขอบคุณเบาๆ แล้วหันมาจะเปิดประตูรถ แต่ไม่ทันได้เปิดเสียงแตรรถก็ดังลั่น พอหันไปดูก็เห็นรถของพ่อเลี้ยง
“คุณขับรถไปด้านหน้าสักหน่อยนะคะ พ่อเลี้ยงฉันกลับมาแล้ว”
“ได้” ธีรินทร์ขยับรถเลยรั้วบ้านไปพอประมาณแล้วหันมาจ้องหน้าหญิงสาว “เมื่อกี้คุณบอกว่าพ่อเลี้ยงงั้นเหรอ”
“ค่ะ”
ได้คำตอบแล้วธีรินทร์ก็หันไปมองพ่อเลี้ยงของหญิงสาว ดูจากสภาพแล้วคงจะเมาไม่น้อยเลย เพราะเดินเซไปเซมา แต่ก็ยังดีที่ขับรถกลับมาบ้านได้แต่ระหว่างทางไม่รู้ไปชนรถใครบ้างหรือเปล่า
“แป้งขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาส่ง” พิรุณนภายกมือไหว้แล้วเปิดประตูออกไป แต่ธีรินทร์ห้ามไว้แล้วถามหามารดาของหญิงสาว แต่พอรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวที่ต้องเข้าไปในบ้าน “แน่ใจว่าจะเข้าไปในบ้าน พ่อเลี้ยงของคุณเมานะ”
“เขาก็เมาประจำค่ะ แล้วฉันก็ดูแลตัวเองได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“คุณแน่ใจว่าดูแลตัวเอง”
“ฉันแน่ใจค่ะ” พูดจบก็ล้วงเอามีดพกออกมาให้เขาดู
“ก็ดีนะ พกมีดด้วย”
“งั้นฉันไปนะคะ”
“อืม” ธีรินทร์ยอมให้ไปเมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็อาสาเข้าไปส่งถึงประตูบ้าน ก่อนกลับก็ส่งนามบัตรให้ พิรุณนภารับมาแบบงงๆ เพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้าน เปิดประตูเข้าไปก็เห็นพ่อเลี้ยงนอนไม่รู้เรื่องไปแล้ว เธอจึงหันมาขอบคุณคนมาส่ง ก่อนจะรีบเข้าห้องปิดประตูลงกลอนอย่างดี ผิดกับอีกคนที่แม้จะกลับถึงบ้านแล้ว แต่ใจก็ยังกระวนกระวายเป็นห่วงหญิงสาวจนนอนไม่หลับ