บทที่ 1 จากกันตลอดกาลแต่ไม่ลืมจากใจ 1

1725 Words
ร่างบางระหงใบหน้าจิ้มลิ้มลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมเข้าไปในวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ใบหน้าที่สวยใสวันนี้ไร้การแต่งแต้มอย่างที่เคย วงหน้าเล็กนั้นมีเพียงน้ำตาไหลพรากไม่ยอมหยุด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนของวัดก็มีแต่คนใส่ชุดดำ หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่ตนรับรู้จะเป็นเรื่องจริง เมื่อทราบข่าวเรื่องพี่สาวฝาแฝดหยกรดา สุขเจริญ หรือหยก สาว หมวยวัย 24 ปี ถึงกับช็อค ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้หญิงสาวเดินทางมาจากอิตาลีอย่างไม่รีรอเวลา ในเมื่อตอนนี้พี่สาวได้จากเธอไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับที่ทำให้ตกใจไปกว่านั้นคือพี่สาวไม่ได้จากไปเพียงลำพัง แต่จากไปพร้อมกับหลานของเธอที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง “อาหยกลื้อมาแล้วเหรอลูกอาหงส์ได้ไปสบายแล้วฮึก!...” กิมฮวยเดินน้ำตานองเข้ามาหาลูกสาวอีกคนที่มีหน้าตาเหมือนกับอีกคนที่จากไป นางอยากให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะเป็นฝันได้ เมื่อหงสรถนั้นได้จากไปแล้ว ตั้งแต่เรียนจบหยกรดาลูกสาวคนเล็กก็เดินทางไปเรียนต่อที่อิตาลีและได้งานทำเป็น บก.นิตยสารการท่องเที่ยวในอิตาลี ด้วยความที่เป็นสาวมั่น เก่ง ฉลาด เลยทำให้มีชื่อเสียงพอควรในอิตาลี ส่วนลูกสาวคนโตนั้นเป็นคนขี้อาย เรียบร้อย พูดง่าย เธอและสามีให้เรียนอะไรก็เรียนพอเรียนจบหงสรถก็มาช่วยกิจการร้านทองไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน ด้วยความที่ชอบเก็บตัวไม่ชอบสังคมหญิงสาวจึงอยู่ช่วยตนและสามีบริหารกิจการของครอบครัวตลอดมา แต่มาวันนี้ไม่มีอีกแล้วเมื่อหงสรถนั้นลาลับโลกนี้ไปแล้ว กิมฮวยและภาคภูมิมีลูกสาวฝาแฝดเพียงสองคนผู้เป็นพี่ชื่อหงสรถ ผู้เป็นน้องชื่อหยกรดา สองสามีภรรยารักลูกสาวทั้งสองดั่งแก้วตาดวงใจ เมื่อขาดผู้พี่ไปเสมือนแก้วตาและดวงใจได้หายไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเหลือเพียงครึ่งเดียวแล้วกิจการร้านทองที่มีจะมีใครมารับช่วงต่อนอกเสียจากลูกสาวคนเล็กที่จะได้ดูแลต่อจากนี้ “มาแล้วม้าฮึก!...มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันม้า ทำไมอาเจ๊คิดสั้นแบบนี้คะ ฮือๆ” กว่าจะมาถึงวัดก็มืดพอดี เพราะเรื่องการจราจรของไทยนั้นขึ้นชื่อลือชายิ่งนัก ยิ่งตอนค่ำตะวันตกดินเมื่อไหร่เป็นต้องรถติดเสมอ ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้มาถึงช้า หญิงสาวทิ้งกระเป๋าเดินเข้าไปซบไหล่ผู้เป็นแม่แล้วปล่อยโฮออกมา ทั้งๆ ที่ก่อนจะมาถึงวัดเธอได้บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก แต่พอมาถึงงานศพของพี่สาวก็กลั้นทำนบน้ำตาไว้ไม่ไหวจริงๆ กิมฮวยกอดปลอบลูกสาวคนเล็กด้วยความเสียใจ ไม่ใช่แค่หยกรดาที่เสียใจกับการจากไปของหงสรถนางและสามีก็เสียใจไม่แพ้กัน “อาหยกลื้อมาก็ดีแล้วลูก อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวอาหงส์จะเสียใจที่การจากไปของเธอทำให้พวกเราทุกคนเป็นทุกข์กัน” ภาคภูมิเดินเข้ามาสมทบลูกสาวคนเล็กและภรรยาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่ภายใต้ความเรียบเฉยนั้นมีน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ ยิ่งมาเห็นลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งมาถึงและภรรยาร้องไห้เขาก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ในเมื่อเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว จึงไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาให้ภรรยาและลูกได้เห็นได้ “หยกจะไม่ร้องไห้ค่ะอาป๊า อาเจ๊จะได้ไม่เป็นหวง ฮึก!..” ผละจากอกผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินกลับไปลากกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินกลับมาหาผู้เป็นแม่และพ่อ ก่อนจะเดินเข้าไปไหว้ศพของพี่สาวที่นอนรออยู่บนศาลาวัดตรงหน้าตนแต่ยังเดินไปไม่ถึงไหนพ่อของเธอก็เอ่ยขึ้นก่อน “มาเดี๋ยวอาป๊าเอาไปเก็บไว้ที่รถให้ลื้อเอง ส่วนลื้อไปไหว้อาหงส์กับม้าเถอะ” ภาคภูมิรับกระเป๋าจากลูกสาวมาถือไว้ในมือก่อนจะเดินเอาไปเก็บที่รถอย่างที่เอ่ย หยกรดาเดินตามแม่เข้ามาในงาน แขกที่มาร่วมงานเริ่มทยอยมากันเยอะแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันสวดศพวันสุดท้าย โชคดีที่เธอหาไฟล์กลับมาทัน หญิงสาวนั่งลงหน้าศพของพี่สาวที่จัดขึ้นตามประเพณีไทยไม่ได้จัดแบบจีน กิมฮวยนำธูปเทียนมาจุดให้ลูกสาวคนเล็กไหว้ลูกสาวผู้ที่ลาลับโลกไปด้วยความเศร้า “ขอบคุณนะม้า” เธอหันมาขอบคุณผู้เป็นแม่ ก่อนจะหันไปไหว้ศพพี่สาวฝาแฝด “อาเจ๊สบายดีนะคะ หยกไม่ได้มาหาตั้งนานคิดถึงเจ๊นะรักเจ๊ด้วย หยกไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรถึงทำให้เจ๊ที่แสนดีของหยกคิดสั้น หรือจะเป็นเพราะพ่อของหลานหยก หรือจะเป็นเพราะอย่างอื่นน้องไม่อาจรู้ได้ แต่อยากให้รู้ไว้นะว่าหยกรักอาเจ๊เสมอ อาเจ๊จะอยู่ในใจพวกเราตลอดไปค่ะ” เอ่ยจบก็นำธูปเทียนไปปักที่หน้าโลงศพของพี่สาว ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม “ไม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านเหรออาหยก ลื้อนั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ น่าจะไปนอนพักเอาแรงสักหน่อยนะลูก” กิมฮวยกลัวว่าลูกคนเล็กจะเจ็บไข้ได้ป่วยเอา ดูสีหน้าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ “ไม่เป็นไรหรอกม้า หยกอยากอยู่กับอาเจ๊จนวินาทีสุดท้ายค่ะ” หญิงสาวเอ่ยน้ำตาคลอ ถึงแม้ว่าน้ำใสๆ นั้นจะหยุดไหลไปแล้ว แต่มันก็ยังคลอเบ้าตาของเธออยู่ ตอนนี้ไม่มีแล้วรอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยได้รับจากพี่สาว ไม่มีแล้วความห่วงใยจากพี่สาวคนนี้ มันคงเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนได้ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไป ขอให้พี่สาวเธอรู้ไว้ว่าหยกรดาน้องสาวคนนี้จะรักและคิดถึงเสมอ “งั้นก็อยู่ด้วยกันทั้งสามคนนี่แหละ” ภาคภูมิเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างกายลูกสาว รู้ดีว่าลูกสาวทั้งสองนั้นผูกพันกันมาก ก็ตั้งแต่เล็กจนโตหงสรถนั้นชอบตามใจหยกรดาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรหญิงสาวนั้นจะยอมและตามใจผู้เป็นน้องเสมอ ด้วยความที่เป็นฝาแฝดกันจึงทำให้สองสาวรักใคร่เอ็นดูกัน ไม่เคยมีสักครั้งที่ลูกสาวทั้งสองของเขานั้นจะทะเลาะกันเหมือนพี่น้องคู่อื่น “แบบนี้สิอาเจ๊จะได้ไปอย่างมีความสุขหยกรักเจ๊ รักหลานด้วยนะ” หยกรดาหันไปพูดกับคนที่นอนอยู่ในโลงศพด้วยเสียงใสทั้งๆ ที่ข้างในนั้นเจ็บเกินทน “ใกล้ได้เวลาพระสวดแล้วไปนั่งฟังกันตรงนั้นเถอะ” กิมฮวยก้มมองดูนาฬิกาก็ได้เวลาพระมาสวดพอดี แล้วทั้งสามก็ไปนั่งรวมกับแขกที่มาร่วมงานเพื่อฟังพระท่านสวดศพ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงฟ้าวันใหม่ก็มาเยือน หยกรดาและครอบครัวก็พากันกลับบ้านไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุด เพื่อจะมาส่งหงสรถขึ้นสวรรค์ “คงถึงเวลาที่เราต้องจากกันจริงๆ แล้วสินะอาเจ๊ หยกไม่ได้อยากร้องไห้นะ ฮือๆ แต่...น้ำตามันไหลออกมาเอง...ฮึก!...” เธอยืนมองศพที่เคลื่อนเข้าเมรุพร้อมที่จะเผาด้วยความเศร้าโศกา เมื่อเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วแขกเหรื่อในงานต่างพากันเอาดอกไม้จันทน์ไปวาง จนมาถึงครอบครัวของผู้จากไป “อาหงส์ลื้อและลูกหลับให้สบายนะอาป๊าจะดูแลน้องและม้าเอง ป๊ารักลื้อนะคนดีของป๊า” ภาคภูมิเอ่ยเสร็จก็เดินจากไปเพื่อให้กิมฮวยได้พูดบ้าง กิมฮวยรู้ว่าสามีกำลังร้องไห้ แต่ไม่อยากให้เห็นน้ำตาเลยรีบเดินหนีไป “อาหงส์คนดีของม้า และหลานของม้าหลับให้สบายนะ ม้ารักลื้อมากนะอาหงส์ ถึงแม้ว่าชาตินี้เราจะมีบุญด้วยกันเพียงแค่นี้ แต่ม้าเชื่อว่าชาติหน้าเราจะได้กลับมาพบกันอีก ม้าจะรอวันที่เราทั้งสองได้กลับมาพบกันนะอาหงส์” เมื่อกิมฮวยเอ่ยเสร็จ ก็ถึงคิวของหยกรดาล่ำลาพี่สาวบ้าง “อาเจ๊เค้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ๊ทำแบบนี้เพราะอะไร เพื่ออะไร แต่หยกขอบอกเจ๊ไว้ ณ ตรงนี้ว่าหยกไม่ยอมให้การตายของเจ๊เสียเปล่า ผู้ชายที่เป็นพ่อของหลานเป็นใครหยกต้องรู้ให้ได้ เจ๊ไม่ต้องห่วงป๊ากับม้านะ มีหยกอยู่ทั้งคน น้องสาวคนนี้จะทำหน้าที่แทนเจ๊เอง จะดูแลป๊าม้าให้ดีเจ๊ไม่ต้องห่วงนะ หลับให้สบายด้วยนะจ๊ะหลานอี๊ ถึงไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงแต่หนูก็เป็นหลานอี๊นะ รักนะคะคนดี รักเจ๊นะ” พูดอำลาเสร็จสัปเหร่อก็จัดการเผ่าศพของหงสรถ หยกรดายืนน้ำตาคลอเมื่อมองปล่องไฟของเมรุที่มีควันสีเทาลอยคลุ้งไปบนท้องฟ้า “ลาก่อนเจ๊หงส์ เจ๊เป็นพี่สาวที่แสนดีของหยกนะ หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีกนะ” พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยืนยิ้มให้กับควันสีเทานั้นคงไม่มีอีกแล้วพี่สาวที่แสนดีอ่อนโยน พี่สาวที่คอยช่วยเหลือ พี่สาวที่คอยเป็นที่ปรึกษา ไม่มีอีกแล้วคนที่จะรับผิดแทนเมื่อเธอทำผิดเหมือนตอนเด็กๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD