บทที่ 4 นางร้ายอาละวาด

1852 Words
ระหว่างทางที่หลัวเซียงเซียงกลับจวนก็เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องในความฝันของตัวเอง นางเป็นคนนับถือพุทธศาสนาย่อมเข้าใจเรื่องราวชีวิตหลังความตาย แต่เรื่องของพระเจ้าที่สร้างโลกดูเหมือนจะเป็นเรื่องของศาสนาคริสต์ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย แล้วไยตอนนี้นางถึงต้องกลายมาเป็นเครื่องบันเทิงใจของพระเจ้าคนนั้น หลัวเซียงเซียงสะทกสะท้านใจ หรือเป็นเพราะว่านางไม่ใช่คนที่มักจะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงถูกทำโทษเช่นนี้ แต่วัยรุ่นที่ไหนก็เป็นเหมือนนาง ทำไมเรื่องแย่ ๆ นี้ต้องมาเกิดกับตัวเองถ้านางกราบไหว้ตอนนี้จะทันหรือไม่ คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยมาตลอดทาง นางจึงหันมาถาม หลิงหลิงที่นั่งอยู่ในรถม้าคอยปรนนิบัติ "แถวนี้มีวัดหรือไม่" หลิงหลิงพยักหน้า "วัดอยู่นอกเมืองเจ้าค่ะ หากไปยามนี้คงไม่ทันแต่ด้านหน้าข้างแม่น้ำปู๋มีศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ คุณหนูจะไปสักการะศาลเจ้าหรือไม่" หลัวเซียงเซียงพยักหน้า "ไปสิ" หลิงหลิงจึงสั่งให้คนขับรถม้าเปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังศาลเจ้าแทน เรื่องการไปศาลเจ้าของหลัวเซียงเซียงนั้นมิใช่เรื่องแปลก คุณหนูผู้นี้มักจะไปสร้างภาพว่าตนเองเคร่งครัดในศาสนาใจบุญสุนทานอยู่เสมอ เดินทางเพียงแค่หนึ่งก้านธูปรถม้าของนางก็หยุดอยู่ที่หน้าศาลเจ้าข้างแม่น้ำปู๋ หลัวเซียงเซียงเลิกผ้าม่านขึ้นดูด้วยความสนใจ และยามนี้นี่เองที่นางเห็นรูปปั้นสตรีผู้หนึ่งขนาดเท่าคนจริงยืนอยู่หน้าศาลเจ้า รูปปั้นนี้ค่อนข้างที่จะเหมือนคนจริง ยังทาปากสีแดงใบหน้ากลมแป้น หลัวเซียงเซียงรู้สึกคุ้นหน้านัก นางจึงชี้ให้หลิง หลิงดู "นั่นรูปปั้นอะไร" "เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเจ้าค่ะ" หลัวเซียงเซียงปล่อยผ้าม่านลง คิดในใจว่ารูปปั้นเทพเจ้าโชคลาภคนนี้คุ้นตายิ่งนัก แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จากนั้นเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น หลัวเซียงเซียงกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ได้ยินเสียงคนหวีดร้อง มีทั้งเสียงเด็ก สตรี คนชรา จึงรู้สึกประหลาดใจ "หลิงหลิงเกิดอะไรขึ้น" หลิงหลิงกำลังเตรียมเสื้อคลุมและเตาอุ่นให้ผู้เป็นนาย นางจึงตอบไม่เงยหน้า "คนของเราคงกำลังทำงานเจ้าค่ะ องครักษ์พวกนั้น" หลัวเซียงเซียงมึนงง นางจึงเปิดม่านหน้าต่างรถม้าอีกครั้งเพื่อดูเหตุการณ์ หลิงหลิงมีอาการปกติ ในขณะที่หลัวเซียงเซียงเบิกดวงตากว้างเมื่อเห็นเหล่าองครักษ์ของตนเองหลายคนกำลังขับไล่ชาวบ้านออกจากศาลเจ้า คนชราหลายคนชักช้าจึงถูกคนพวกนั้นผลักไสและก่นด่า หลัวเซียงเซียงยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง นางตะโกนสุดเสียงแข่งกับเสียงหวีดร้องของเจ้าบ้านที่กำลังทยอยออกจากศาลเจ้า "หยุด ข้าบอกให้หยุดรังแกคน" สิ้นเสียงของคุณหนูผู้มีอำนาจ สายตาทุกคู่จึงหันมามองนาง ในขณะที่หลิงหลิงเองก็งงงวยยิ่ง คุณหนูเกิดสติเพี้ยนไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่พวกนางสร้างเรื่องกับท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าอารมณ์ของคุณหนูจะไม่อยู่กับร่องกับรอยและยังดูจะเป็นคนดีขึ้นอย่างประหลาด หลัวเซียงเซียงหันมาตวาดหลิงหลิงจนนางตัวสั่น "เจ้าทำอะไร สั่งให้คนทำอะไร ข้าจะลงไปดู พาข้าไป" หลิงหลิงรีบประคองหลัวเซียงเซียงลงจากรถพร้อมกับเอ่ยว่า "ปกติเวลาคุณหนูมาไหว้พระ ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้ ๆ ท่านก็มักจะให้คนของเราไปขับไล่คนพวกนั้น หากทำงานช้าท่านก็จะเฆี่ยนพวกเขา คุณหนูวันนี้ไม่ต้องไล่คนแล้วหรือเจ้าคะ" "ข้าสั่งให้เฆี่ยนชาวบ้านหรือ" "เจ้าค่ะ" "แล้วไม่มีผู้ใดกล้ามาจัดการข้าที่ทำเรื่องไร้เหตุผลพวกนี้หรือยังไง บ้านนี้มีขื่อมีแปหรือเปล่า ใครเป็นผู้คุมกฎหมายถึงไม่คิดใช้ให้คนเข็ดหลาบแบบนี้จะกินเงินภาษีประชาชนไปทำไม แค่อิทธิพลของท่านแม่ทัพคนหนึ่งก็กลัวจนหัวหด ทำไมปล่อยให้ผู้หญิงนิสัยเสียคิดจะทำอะไรก็ได้แบบนี้ มิน่าเล่านางถึงได้คิดฆ่าคนโดยไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย" หลิงหลิงถึงกับพูดอึกอักเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนและตกใจของหลัวเซียงเซียง "คะ คุณหนู คนที่คุมกฎหมายใหญ่ในแคว้นก็คือชินอ๋องเจ้าค่ะ ทะ ท่านไม่อาจพูดจาส่งเดช หากชินอ๋องรู้เข้า" หลัวเซียงเซียงกำลังโมโห นางย่อมไม่หวาดกลัวชินอ๋องผู้นั้น "ที่แท้ก็เป็นเขา ผู้ชายคนนี้คงทำงานเหมือนเต่าชราล่ะสิ ถึงได้ปล่อยให้เกิดอันธพาลบนท้องถนน ทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ทำไมไม่ลาออกซะ ยังมีหน้ามานั่งกินภาษีประชาชนอยู่อีก ไม่รู้สำนึกเอาเสียเลย" หลิงหลิงน้ำตาแทบจะร่วงอยู่แล้ว นางไม่กล้าบอกนายสาวให้หุบปาก อย่างไรคนผู้นั้นก็เป็นถึงชินอ๋องผู้สูงส่งที่ไม่อาจเอ่ยถึงส่งเดชได้ แต่นางก็กลัวจะถูกหลัวเซียงเซียงตีเหมือนกัน ยามนี้จึงได้แต่ก้มหน้ารับฟังด้วยความหวาดกลัว "เจ้าเองก็เหมือนกัน อย่าเป็นคนขี้ประจบสิ ข้าทำอะไรไม่ถูกก็ต้องรู้จักห้ามปราม คนทั้งจวนเป็นอะไรกันไปแล้วมาเห็นดีเห็นงามกับข้าได้ยังไง" หลิงหลิงหลุบตาต่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ "คุณหนู บ่าวเคยห้ามแล้วเจ้าค่ะ แต่เมื่อห้ามท่านกับลงมือทุบตีบ่าว บางครั้งยังให้บ่าวอดข้าวไปหลายวัน เช่นนั้นบ่าวจึงไม่กล้าห้ามอีกเจ้าค่ะ" ความจริงข้อนี้ทำให้หลัวเซียงเซียงแทบอยากจะวิ่งเอาหัวชนเสาให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด ที่ต้องกลายมาเป็นคนชั่วช้าบ้าอำนาจแบบนี้ นางรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง ยังจับมือของหลิงหลิงเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ "หลิงหลิง เจ้าจะเชื่อหรือไม่ว่าที่ผ่านมาการกระทำพวกนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย ไม่ใช่ข้า ข้าขอโทษ เฮ้ย ไม่ใช่ข้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องพูดคำพวกนี้ ส่วนเจ้าก็ลืมไปนะลืมไปเลยอย่าคิดถึงมันอีก" หลิงหลิงถูกฝึกมาให้เชื่องแล้ว ไม่ว่านายสาวพูดคำไหนนางก็เชื่อฟังโดยอัตโนมัติ "เจ้าค่ะ เชื่อเจ้าค่ะ บ่าวเชื่อคุณหนู ที่ผ่านมาไม่เกี่ยวกับคุณหนูเลย เป็นเรื่องในอดีต เรื่องนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน" เอาล่ะ ในเมื่อหลิงหลิงเชื่อแล้ว หลัวเซียงเซียงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย "ต่อไปหากข้าทำอะไรไม่ดี เจ้าต้องห้ามข้านะ ข้าเป็นคนดีแล้วเข้าใจหรือไม่" หลิงหลิงพยักหน้า "เจ้าค่ะ บ่าวจะห้ามคุณหนูตามคำสั่งเจ้าค่ะ" ถึงจะฟังดูแปลก ๆ แต่หลัวเซียงเซียงก็สบายใจแล้ว เพราะนางร้ายคนนี้ร้ายกาจเกินเยียวยา จุดจบเลยไม่ได้ตายดี แต่หลัวเซียงเซียงคนนี้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ ย่อมอยู่รอดปลอดภัยจนถึงตอนจบ หลัวเซียงเซียงยิ้มแป้นอารมณ์หดหู่ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ทว่าเมื่อมองไปยังชาวบ้านพวกนั้นที่ส่งสายตาพิฆาตราวกับพวกเขากำลังมีปืนอยู่ในมือและพร้อมที่จะลั่นไกฆ่านางได้ทุกเมื่อ หลัวเซียงเซียงพลันรู้สึกเข่าอ่อน ในใจก่นด่านักเขียนที่สร้างนางร้ายที่โง่เขลาและอวดดีขนาดนี้ขึ้นมา รู้สึกโกรธจนแทบคลั่งที่นางต้องมาตามเก็บกวาดความชั่วช้าของคนอีกคน จากสายตาของชาวบ้านที่แอบจ้องมองนางมีไอสังหารอย่างเต็มเปี่ยมพวกเขาคงเกลียดชังนางจนเข้ากระดูกดำ ฉายาคุณหนูอสรพิษนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริง ๆ แล้ว นางสั่งให้องครักษ์ของนางออกมายืนเข้าแถวเรียงหนึ่ง จากนั้นให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษชาวบ้านทั้งหมด หากไม่ทำเกิดสวรรค์พิโรธขึ้นมาจะทำยังไง "ขอโทษชาวบ้านเดี๋ยวนี้และอย่าทำเรื่องนี้อีกเป็นอันขาด" ความผิดนี้ข้าได้ชดใช้แล้วขอสวรรค์อย่าลงโทษ โยนเรื่องบ้า ๆ มาให้ข้าอีก หลัวเซียงเซียงกำลังทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แน่นอนว่าเหล่าองครักษ์ถึงกับประหลาดใจ ทว่าพวกเขาก็ยอมขอโทษชาวบ้านแต่โดยดี ในขณะที่ชาวบ้านยังหวาดระแวงไม่รู้ว่าคุณหนูผู้นี้จะมาไม้ไหนอีก พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปากด่าคุณหนูที่มีอำนาจล้นฟ้า จึงได้แต่พาลูกหลานถอยห่างจากนางอย่างหวาดกลัว "อ้ะ ทุกท่านอย่าเพิ่งไป ไหว้พระต่อเถิดไหว้เลย ข้าไม่กวนแล้ว ไม่รบกวนแล้วจริง ๆ" นางพยายามยิ้มอย่างงดงามให้เด็กน้อยที่ถูกมารดาจูงอยู่คนหนึ่ง ถึงนางจะเป็นคนงามทว่าชื่อเสียงของนางไม่ผิดกับนางมารผู้หนึ่ง เด็กน้อยเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วถึงกับร้องไห้จ้า หลัวเซียงเซียงผงะถอยหนี หันไปมองหลิงหลิง "ขะ ข้าทำอะไรผิด" หลิงหลิงรีบเสนอหน้า "คุณหนูไม่ผิดเจ้าค่ะ นี่แส้เจ้าค่ะจะตีเด็กน้อยผู้นั้นที่บังอาจร้องไห้หรือไม่เจ้าคะ" หลัวเซียงเซียงมึนงง จู่ ๆ หลิงหลิงก็ยัดแส้ไว้ในมือของนาง กระทั่งจำเหตุการณ์ในนิยายตอนหนึ่งได้ นางร้ายโกรธที่เด็กวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนนางในตลาด นางจึงใช้แส้เฆี่ยนเด็กคนนั้นจนหลังลายแล้วหัวเราะด้วยความสะใจ เมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่นางร้ายไร้สมองได้สร้างเอาไว้ หลัวเซียงเซียงถึงกับขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง นางขยับเข้าใกล้เด็กคนนั้นในมือยังมีแส้ คิดจะปลอบใจคนกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี ทว่าเด็กคนนั้นกลับร้องไห้ มารดากอดร่างเด็กน้อยคุกเข่าอ้อนวอน "คุณหนู ได้โปรดเถิดอย่าทำร้ายลูกของข้า หากท่านต้องการระบายอารมณ์ได้โปรดตีข้า ได้โปรดเถิดตีข้าแทนเจ้าค่ะ" หลัวเซียงเซียงส่ายหน้า ปากกำลังจะอ้าบอกว่า ข้าไม่ได้จะตีใคร ฉับพลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น "หยุดนะ หลัวเซียงเซียง เจ้ากำลังจะทำเรื่องร้ายกาจอันใดอีก" น้ำเสียงแข็งกร้าวนั้นทำให้หลัวเซียงเซียงตกใจ นางหันไปมองเขาทันใด ที่แท้เป็นชินอ๋องที่ผ่านมาและคิดมาสักการะศาลเจ้าเช่นกัน เขาเดินตรงมาหานางแล้วกระชากแส้ออกจากมือเล็กอย่างแรง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD