บทที่ 2 คณะงิ้ว

2388 Words
คำถามกรีดหัวใจพร้อมสายตาเย็นเยียบที่มองมานั้นทำให้หลัวเซียงเซียงถึงกับพูดไม่ออก 'อะไร ใคร สามี อยากได้ ใครกัน' หลัวเซียงเซียงคิดในใจด้วยความรู้สึกสับสน เธอฝืนความหนักอึ้งของหนังตาแล้วลืมตาจนเต็มหน่วย คิดทบทวนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่เหตุผลเดียวที่เธอคิดออกก็คือ เมื่อคืนเธออาจจะไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ แล้วดื่มจนเมา เธอเป็นคนคออ่อนเคยภาพตัดแล้วจำอะไรไม่ได้มาหลายครั้ง ครั้งนี้ก็จำไม่ได้เหมือนทุกครั้งแต่เดี๋ยวเธอก็ต้องจำได้ ในเมื่อมีผู้ชายอยู่ด้วยเรื่องนี้ก็คงเข้าเค้าที่สุด เอาล่ะ หลัวเซียงเซียงคิดไล่ผู้ชายหน้าตาตื่นคนนี้ออกไปก่อนค่อยทบทวนเรื่องราว อีกอย่างเธอปวดหัวมากจนหัวแทบระเบิดอยู่แล้ว เขานั่งอยู่บนเตียงกับเธอ ท่าทางซื่อ ๆ เหมือนพวกบัณฑิตในยุคโบราณเธอยังเห็นใบหน้าขาว ๆ นวลเนียนไร้รูขุมขนอย่างชัดเจน เธอยอมรับว่าเขาหล่อไม่ใช่น้อยยังมีผิวพรรณขาวใสสไตล์โอปป้าอย่างที่เพื่อน ๆ เธอชอบนักชอบหนา เอาล่ะเธอเห็นแผงอกเปลือยของเขาแล้วน่าลูบชะมัด ผมของเขายังยาวสลวยเงางามเหมือนเส้นไหมนุ่ม ๆ เป็นไอ้หนุ่มผมยาวที่หล่อน่ากินจนรู้สึกน้ำลายหก แต่ถึงจะน่ากินแค่ไหน ก็ไม่ใช่สเปกของเธอ แถมยังเป็นผู้ชายปากหมาหน้าตาเย็นชาที่เธอไม่น่าคว้ามาขึ้นเตียง หลัว เซียงเซียงตกใจไม่ใช่น้อยทว่ายังพยายามทำใจให้สงบ ดูจากคำพูดของเขาเธอคงเป็นฝ่ายรุกกระมัง ผู้ชายคนนี้คงไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าถูกลากมาได้ยังไง "เจ้าคือสตรีอสรพิษที่ทำทุกอย่างแม้ว่าจะไร้ยางอายก็ยังกล้า ข้านับถือยิ่ง" หลัวเซียงเซียงขมวดคิ้วเพ่งสายตาไปที่เขาทว่าผู้ชายคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์เหมือนเธอเป็นขี้กองหนึ่ง เห็นสายตานี้มันเจ็บจี๊ดในใจจนไม่สามารถยอมได้อีกต่อไป ด้วยความเป็นคนปากไว หลัวเซียงเซียงผุดลุกขึ้นนั่งทันใด แม้จะปวดหัวแต่เธอไม่ยอมถูกด่าเพียงฝ่ายเดียว เธอมองหน้าเขาอย่างท้าทาย เมื่อคืนไม่รู้มีความสุขหรือเปล่าเพราะเธอจำไม่ได้ แต่เรื่องเซ็กซ์จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย ในเมื่อเธอไม่ได้ใช้ปืนข่มขู่ลากเขามา แน่นอนว่าเธอไม่มีปืนเรื่องแบบนั้นจึงไม่เกิดขึ้น หลัวเซียงเซียงจึงคิดว่าตัวเองไม่ผิด ยิ่งมองเขาหลัวเซียงเซียงไม่คุ้นหน้าเขาแม้แต่น้อย เธอกับเขาไม่รู้จักกันและด้วยสภาพแบบนี้เธอคิดว่าเธออาจจะเมาจนภาพตัดและคว้าผู้ชายที่ไม่รู้จักขึ้นเตียง ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้แต่ก็เค้าลางน่าจะเป็นไปได้ ตอนนี้ตื่นขึ้นมาปวดหัวจะตายอยู่แล้วยังถูกผู้ชายคนหนึ่งมองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ แล้วยังมาใส่ร้ายเธอว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นหลัวเซียงเซียงมีหรือจะยอม เธอยกเหยียดริมฝีปากขึ้นมาสองมือกอดอกมองเขาด้วยสายตาดุร้ายรังเกียจไม่แพ้กัน "ประทานโทษนะคะคุณหน้าขาว เห็นว่าคงจะเข้าใจผิดกระมัง ฉันหลัวเซียงเซียงหน้าตาดีรูปร่างดียังมีตำแหน่งดาวมหาลัยค้ำคอ แม้จะเมาจนคว้าใครก็ไม่รู้ขึ้นเตียง แต่ก็ไม่อนุญาตให้คุณหมั่นหน้าหมั่นโหนกเหมารวมว่าฉันอยากได้คุณเป็นผัว สเปกของฉันไม่ใช่ผู้ชายขาวตี๋ หน้าตายังกะผู้หญิงแบบนี้ฉันไม่เอาเด็ดขาด บอกให้เอาบุญว่าฉันเป็นสายฝอ ชอบผู้ชายหุ่นล่ำ แมน ๆ กล้ามโต ผมสีทอง ตาสีฟ้าน้ำทะเล ไม่ใช่คนหล่อที่ดูเหมือนจะป่วยตลอดเวลาแบบคุณ เหอะ ขออนุญาตแหวะนะคะ อย่าว่ากัน ระหว่างเรามันก็แค่วันไนท์สแตนด์เหอะ บอกตามตรงฉันนะตื่นขึ้นมาตอนนี้ยังจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าคุณน่ะไก่อ่อนชะมัด" หลัวเซียงเซียงพูดจบก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นสมอง แต่ท่าทางของเธอยังเหมือนแมงป่องที่ชูหางพร้อมต่อยคนตลอดเวลา หญิงสาวปรายตามองเขาอย่างดูถูกทั้งรังเกียจพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง กิริยาท่าทางเช่นนี้ทำเอาหลงเฟยเยี่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาคิดว่าหลัวเซียงเซียงจะบีบน้ำตาแสร้งอ่อนแอถูกเขาย่ำยีร้องขอให้เขารับผิดชอบ ทว่านี่คืออะไร "จะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร สิ่งใดคือวันไนท์สแตนด์ สิ่งใดคือไก่อ่อน" หลัวเซียงเซียงถึงกับพ่นลมหายใจยาว ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองพร้อมกับหลับตา "ปัญญาอ่อนหรือเปล่า โอ๊ยนี่ฉันคว้าตัวอะไรมาขึ้นเตียงกันเนี่ย คำพื้น ๆ ก็ไม่เข้าใจ ไก่อ่อนก็คือเรื่องบนเตียงไม่แซ่บ ไม่ได้เรื่อง น่าเบื่อ วันไนท์สแตนด์ก็แค่เรื่องบังเอิญ ได้กันแล้วพวกเราก็ทางใครทางมัน ไม่ต้องมารับผิดชอบกันต่างคนต่างไปยังไงล่ะ หมดเรื่องแล้วคุณจะไปไหนก็ไปไป๊ ชิ้ว ๆ" หลัวเซียงเซียงคิดว่าตัวเองต้องรีบออกจากโรงแรมนี้ให้เร็วที่สุด ผู้ชายคนนี้ท่าทางบื้อ ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรือเขาจะปัญญาอ่อน ถึงจะหล่อแต่ไม่ใช่สเปกก็ทางใครทางมันก็แล้วกัน หลงเฟยเยี่ยโกรธจนปากสั่น เขาไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน ที่สำคัญนางกำลังดูถูกเขาจนเขานั่งไม่ติด คำพูดของนางที่หาว่าเขาปัญญาอ่อนและยังอ่อนหัดนั่นมิเท่ากับว่านางกำลังถ่มน้ำลายรดหน้าเขาอยู่หรือ ศักดิ์ศรีของเขาต้องมาย่อยยับเพราะนาง ยามนี้หลงเฟยเยี่ยรู้สึกเสียหน้า ยังถูกนางขับไล่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ล้วนเป็นแผนการของนางมิใช่หรือแล้วไยนางจึงแสดงกิริยาเหมือนรังเกียจเขานักหนาเช่นนี้ออกมา "หลัวเซียงเซียง นี่เจ้ายังเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกหรือ เจ้ามันสตรีร้ายกาจ ทำเรื่องนี้กันแล้วจะปัดความรับผิดชอบได้อย่างไร เจ้าเห็นข้าเป็นบุรุษไร้คุณธรรมเช่นเจ้าหรือ ข้าชินอ๋องหลงเฟยเยี่ยมิใช่คนต่ำช้าเช่นเจ้า" หลัวเซียงเซียงถอยห่างออกไปพร้อมสายตารังเกียจ นอกจากเขาจะท่าทางปัญญาอ่อนแล้ว คำพูดคำจายังเหมือนเป็นพระเอกที่หลุดออกมาจากโรงงิ้วหรือเขาจะเป็นแมงดา อ๋องเอิ๋งอะไรกัน ท่าทางแบบนี้เขาต้องคิดจับเธอเพื่อปอกลอกแน่ ๆ น่าตลกชะมัด ไม่มีทางเธอไม่มีทางคบกับผู้ชายหน้าจืดหวังเกาะขาคนสวยอย่างเธอเด็ดขาด และที่สำคัญเธอเป็นแค่นักศึกษาที่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่คนหนึ่งจริง ๆ "ต๊าย พี่ชายหน้าขาวอย่าคิดให้ฉันรับผิดชอบนะ ฉันบอกไว้ก่อนว่าฉันยังเป็นนักศึกษา ไม่มีเงินให้นายถลุง ถึงจะได้กันแล้วก็ใช่ว่าฉันต้องรับผิดชอบนายเสียหน่อย นายกับฉันต่างคนต่างไปเถอะ ตกลงตามนี้อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก" หลงเฟยเยี่ยอ้าปากค้าง ตาแทบถลน เมื่อได้ยินแน่ชัดว่านางกำลังขับไล่เขา ระ หรือ ว่าเขาเป็นไก่อ่อนกระทั่งนางผู้นี้คิดดูถูกจริง ๆ หรือว่านางจะมีแผนการอย่างอื่นอีก จากเดิมที่คิดหลบหนีนางให้ไกล ยามนี้หลงเฟยเยี่ยกลับไม่อาจทนไหวที่ถูกนางขับไล่เช่นนี้ "ได้กันแล้วไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน หลัวเซียงเซียงนี่เจ้าไยมีความคิดผิดแผกเช่นนี้กัน มีสตรีใดบ้างที่ถูกบุรุษแตะต้องแล้วยินยอมไม่เอาความ เจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือ" หลัวเซียงเซียงถึงกับผายมือ ผู้ชายคนนี้ดื้อชะมัดยาด "ใช่สิคะ ผิดอะไรอย่ามาหัวโบราณอยู่เลย ใคร ๆ เขาก็ทำกัน เชิญพี่ชายเจ้าค่ะ ไปไกล ๆ เลย ฉันสาบานเลยต่อไปถ้าฉันเห็นคุณฉันจะเดินให้ห่างร้อยเมตรเลยทีเดียว" ท่าทางเขายังหวาดระแวงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด เขาจ้องใบหน้าของเธอด้วยสายตาค่อนข้างสับสน "เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเจ้าที่วางแผนการเอาไว้" หลัวเซียงเซียงพยักหน้า อยากจะพูดว่าแผนบ้าแผนบออะไรเธอยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำแต่ไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับเขาให้มากความ คนปัญญาอ่อนนี่ที่หลุดออกมาจากโรงงิ้วนี่ช่างเข้าใจยากจริง ๆ เธอรู้ตัวว่าเป็นคนสวย แต่คนสวยมีสมองค่ะ ไม่ยอมให้ใครมาเกาะแน่นอน ในขณะที่หลงเฟยเยี่ยรู้สึกถึงความผิดปกติ หลัวเซียงเซียงผู้นี้ใช่หลัวเซียงเซียงสตรีที่พยายามวิ่งตามเขามาตลอดหลายปีจริง ๆ ใช่หรือไม่ หรือว่านางสติเพี้ยนไปแล้ว "เอ๊า ไปสิคะ รอไรอยู่" หลัวเซียงเซียงยังผายมือยกยิ้มรังเกียจปากห่อเข้าหากันเปล่งเสียงชิ้ว ๆ ไม่หยุด ในขณะที่หลงเฟยเยี่ยคิดว่าผิดปกติ นางต้องซ่อนเล่ห์กลอันใดเอาไว้แน่ ที่นี่คือจวนของนางเมื่อคืนมีงานเลี้ยง เดิมทีเขาลอบนัดหมายพบกับญาติผู้พี่ของนางเอาไว้สองคนพบหน้าหลังจากดื่มชาชมแสงจันทร์ด้วยกัน กลับเกิดเรื่องพวกนี้ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมายามเช้าก็พบว่าตนเองร่างกายเปลือยเปล่าอยู่กับหลัวเซียงเซียงที่นี่ โทสะบังเกิดจนทำให้เขาอยากสังหารนางให้ตาย คิดว่าตนเองเสียรู้หลัวเซียงเซียงจนได้ กระทั่งนางตื่นขึ้นมาเดิมเขาอยากตอกย้ำนางให้เข้าใจ ไม่ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ เขามิได้รักนาง หลัวเซียงเซียงกลับเอ่ยวาจาประหลาด ทั้งยังขับไล่เขาเช่นนี้ หลงเฟยเยี่ยจึงไม่รู้ว่าตนเองควรรู้สึกอย่างไรดี ทว่าเขายังไม่ทันได้หยิบเสื้อมาแต่งตัว ทั้งยังคิดว่ายังมีเรื่องที่ติดค้างกับนางที่พูดคุยไม่จบ ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกหลงเฟยเยี่ยคาดคิดว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นเป็นแน่ เพราะเป็นแผนการที่หลัวเซียงเซียงวางเอาไว้ เขาจึงไม่ได้ประหลาดใจอันใด เพียงแต่เมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งซึ่งติดตามมาด้วยทำให้หัวใจของเขาปวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่หลัวเซียงเซียงเองก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กันที่จู่ ๆ คนพวกนี้ก็เปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะด้วยซ้ำ ผู้ชายแก่หนึ่งคนผู้หญิงสูงอายุหนึ่งคนและยังมีผู้หญิงสาวอีกสามคนติดตามเข้ามาเป็นขบวน หลัวเซียงเซียงหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ โรงแรมนี้มันอะไรกันเนี่ยปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาห้องคนอื่นได้ยังไง และคนพวกนั้นยังแต่งตัวด้วยชุดโบราณเต็มยศ ทั้งผมของผู้หญิงพวกนั้นยังถูกเกล้ามวยประดับด้วยเครื่องประดับงดงาม พร้อมออกงานกันเลยทีเดียว ผู้ชายชราคนนั้นมีสีหน้าตกใจ แต่หลัวเซียงเซียงเห็นว่าเหมือนเขาจะยิ้มอย่างสมใจมากกว่า ตอนที่เขายกมือขึ้นชี้มาที่ผู้ชายหน้าขาวที่นั่งอยู่ข้างเธอนั้น หน้าหนึ่งเหมือนจะโกรธหน้าหนึ่งเหมือนจะยิ้ม เฮ้ย แสดงไม่เนียนเอาเสียเลย "ทะ ท่านอ๋อง นี่ท่าน" นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก หลัวเซียงเซียงจ้องพวกเขาด้วยสายตาไม่พอใจ คิดอ้าปากด่าคนแต่กลับสะดุดตาในความงามของผู้หญิงคนหนึ่งเข้าเสียก่อน เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ใบหน้าสวยสะดุดตาในชุดโบราณพลิ้วไหวสีเขียวอ่อน ทรงผมถูกเกล้ามวยสูงยังประดับด้วยไข่มุกกลางศีรษะยิ่งทำให้หลัวเซียงเซียงตกตะลึง ทุกคนล้วนมีสีหน้าตกใจทว่าหลัวเซียงเซียงยังพอมองออกว่าสีหน้าตกใจของพวกเขานั้นเหมือนจะเสแสร้ง ยกเว้นผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นคนเดียวที่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น หลัวเซียงเซียงกลับเห็นแววตาปวดร้าวยังมีน้ำไหลหยดลงมา กระทั่งท่าทางที่ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตายังดูอ่อนช้อยเหมือนนางเอกงิ้วไม่มีผิด หลัวเซียงเซียงเข้าใจในทันใดผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแฟนของผู้ชายคนนี้แน่ ๆ เห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้แล้วใครจะไม่ร้องไห้กันล่ะ หลัวเซียงเซียงรู้สึกสงสารขึ้นมาทันใด อยากจะบอกพี่สาวคนนั้นว่าผู้ชายอ่ะนะไว้ใจได้ที่ไหนกันล่ะ อย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด หลัวเซียงเซียงมองหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเห็นคนแต่งตัวแบบนี้แล้วทำให้เธอจู่ ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดี อาการปวดหัวดีขึ้นเล็กน้อย เธอดึงผ้าห่มมาคลุมตัวจนมิดโผล่เพียงศีรษะออกมาบอกกับเขาเบา ๆ "เอาล่ะ พี่ชายทั้งแฟนและคณะงิ้วของคุณคงมาตามตัวแล้ว รีบไปเถอะ เพียงแต่คราวหน้าก็ช่วยมีมารยาทหน่อยนะ ให้พวกเขารออยู่ข้างนอกไม่ต้องบุกเข้ามาถึงในห้องแบบนี้ เฮ้ยพนักงานโรงแรมนี้ก็ไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ คอยดูเถอะฉันจะร้องเรียนให้เข็ด!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD