‘มันง่ายเกินไปไหมกับการทำงานหาเงินห้าล้าน’
เมริษามองจ้องหลักฐานการโอนเงินผ่านแอปพริเคชั้นในจอโทรศัพท์นิ่งพลางกระพริบตาถี่ๆไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่นัก
“ผมมีเวลาให้คุณหนึ่งเดือนช่วยสอนให้ผมรู้จักความรัก และทำให้ผมตกหลุมรักคุณให้ได้”
ฟรานเซสบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังราวกับเจรจาธุรกิจพันล้านที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดเป็นพิเศษ จนเมริษาต้องแอบตั้งคำถามอยู่ในใจเงียบๆ
‘คนรวยเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่ากันนะ จะมีความรักทั้งทีก็ต้องทุ่มเงินจ้างคนมาสอนแพงยิ่งกว่าซื้อคอสเรียนโรงเรียนอินเตอร์เสียอีก’
“โทษนะ คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า”
คำถามทุ่มหนักพร้อมแววตาขุ่นๆเรียกสติเมริษาให้ตื่นจากความคิด
“วะ…ว่าไงนะคะ”
อาการเหมือนเพิ่งได้สติกลับมาทำให้ฟรานเซสต้องขบกรามแน่นควบคุมอารมณ์โมโหไว้ลึกๆเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจฟังเอาเสียเลย แต่กระนั้นก็ยังต้องใจเย็นและพูดประโยคเมื่อกี้ซ้ำอีกครั้งพร้อมกับลงรายละเอียดเพิ่มเติม
“ผมบอกว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันโดยสมบูรณ์แล้ว ผมมีเวลาให้คุณหนึ่งเดือนสอนให้ผมรู้จักความรัก ในระหว่างนี้ผมอนุญาตให้คุณแตะเนื้อต้องตัวผมได้ทุกส่วนตามที่ใจคุณต้องการเพื่อทำให้ผมตกหลุมรักคุณให้ได้”
ฟรานเซสพูดกับเธออีกครั้งด้วยประโยคที่ยืดยาวกว่าเมื่อสักครู่แต่ยังคงความหมายเดิมคือ ‘ต้องทำให้เขารู้จักความรักและทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน’ แต่คนฟังกลับไม่ได้สนใจฟังใจความสำคัญแต่อย่างใดเพราะมัวแต่สนใจประโยคที่เขาอนุญาตให้เธอสามารถทำกับเขาได้จนเผลอหลุดแสดงสีหน้าขบขันออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ทำไม? ผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วดกดำขึ้นจ้องใบหน้างามนิ่ง
“ปะ…เปล่าค่ะ อันที่จริงแล้วการจะฉันจะทำให้คุณตกหลุมรักได้ไม่จำเป็นต้องสัมผัสคุณทุกสัดส่วนหรอกค่ะ แค่ฉันอยู่เฉยๆคุณก็ตกหลุมรักฉันได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน แต่ที่แน่ๆเมริษาก็เอ่ยออกไปแล้วเพราะถึงเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ความรักแต่เธอก็คิดว่าการยั่วยวนด้วยเรือนร่างคงไม่ใช่เป็นการทำให้รักหากแต่เป็นการทำให้เกิดความลุ่มหลงทางกายเสียมากกว่าเพราะเธอเคยศึกษาทฤษฎีความรักมาจากตำราอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าระหว่างความรักกับความหลงมันแตกต่างกันยังไง เหมือนอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้คือหลงใหลรูปกายภายนอกของเขาเข้าเต็มๆ
“ผมก็ไม่รู้สิ ผมไม่เคยตกหลุมรักใคร และหวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ผมตกหลุมรัก”
“เป็นคนแรกที่ผมตกหลุมรักงั้นเหรอ”
หญิงสาวพึมพำแผ่วเบา รู้สึกดีกับประโยคนี้เสียจริง แต่เมื่อคิดถึงขั้นตอนและบทเรียนที่เธอต้องเตรียมสอนนักเรียนตรงหน้าความกังวลก็ก่อเกิดขึ้นมาแทน
‘อย่าตั้งความหวังกับฉันมากนักเลยนะคะคุณฟรานเซส ฉันก็ยังไม่เคยมีความรักเหมือนกัน’
คิดแล้วอยากจะร้องให้ ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นมาในใจเมื่อเห็นแววตาคาดหวังจากนายจ้างหนุ่มเพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหลอกลวงอย่างไม่น่าให้อภัย
“แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี ระหว่างทุนหัวกับที่รัก”
ฟรานเซสยื่นข้อเสนอทางเลือกให้เธอได้ตัดสินใจ แต่คนถูกถามกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จำเป็นต้องมีคำเรียกแทนด้วยเหรอคะ”
เมริษาเอ่ยถามเพราะเธอไม่เห็นว่าต้องจริงจังขนาดนี้เลย เพราะ การเป็นแฟนหนึ่งเดือนไม่ได้การันตีว่าเธอจะทำให้เขาตกหลุมรักได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ
“จำเป็นสิ คุณจะได้รู้ว่าอยู่ในฐานะอะไร และผมอยู่ในฐานะอะไร”
ฟรานเซสอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันว่าเรียกแค่ริษาก็พอค่ะ แค่นี้ก็ดูสนิทพอแล้ว”
“ผมเรียกแน่ แต่นอกเหนือจากชื่อเล่นคุณผมจะเรียกคุณว่าที่รักแล้วกันนะ”
“ที่รักเหรอคะ”
“ใช่ จากนี้ไปผมจะเรียกคุณว่าที่รัก ผมอยากย้ำกับตัวเองว่าคุณคือคนที่ผมต้องตกหลุมรักให้ได้”
เสียงหนักแน่นจริงจังของฟรานเซสบ่งบอกชัดเจนว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
‘เอ่อ…แบบนี้เองสินะ นึกว่าฉันจะกลายเป็นที่รักคุณจริงๆเสียอีก เพ้อใหญ่แล้วเมริษา’
คิดเองหน้าแดงเองและก็เขินเองคนเดียวราวกับคนบ้า แต่แล้วก็ต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกว่าสายตาคมกริบของคนตรงหน้ากำลังจ้องเธอนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เมริษาปรับสีหน้าให้เรียบทันทีกลัวถูกจับได้ว่าเธออ่อนประสบการณ์ในเรื่องความรักแล้วถูกรีดเงินคืน
“เป็นอะไรตื่นเต้นเหรอ”
“ค่ะ ตื่นเต้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆดี”
เมริษาบอกกับชายหนุ่มไปตามตรงโดยไม่คิดจะสร้างภาพให้เสียเวลา ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆจะมีแฟนหน้าตาดีขนาดนี้ แม้จะเป็นแค่เรื่องงานแต่ก็อดจินตนาการไปไกลไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ต้องกังวล ทำตัวตามสบายคิดเสียว่าผมเป็นนักเรียนของคุณ แล้วคุณเป็นครูของผม แต่คุณต้องทำใจไว้เรื่องหนึ่ง…ผมไม่เคยมีความรักและผมอ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็น หากมีเรื่องไหนที่ผมทำไม่ถูกคุณสามารถชี้แนะผมได้ตลอดเวลา”
ฟรานเซสบอกพลางเอนหลังพิงกับผนังเก้าอี้พร้อมกับยกกาแฟบนโต๊ะขึ้นจีบด้วยท่าทางสบายๆ แต่เมริษากลับสะดุดกึ่งกับประโยคตอนท้ายของเขาจนเผลอลืมหายใจไปชั่วขณะ
‘อ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็นงั้นเหรอ นี่ฉันเจอกับตัวอะไรกันแน่เนี่ย’
คิดแล้วอยากจะร้องให้ออกมาดังๆ เขาตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แค่บีบแขนเธอนิดเดียวก็หักแล้วมั่ง แล้วนี่ถ้าเกิดเผลอทำเขาโมโหขึ้นมาเธอไม่ต้องแหลกตายคามือเขาเลยหรือ ไม่ได้ละ! เธอต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ถ้างั้นฉันขออะไรคุณอย่างได้ไหมคะ”
“อะไร”
ฟรานเซสเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความแปลกใจ
“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยมีความรักกับผู้หญิง และอ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็น แต่ระหว่างที่เราเป็นแฟนกันฉันขอให้คุณอย่าใช้กำลังข่มเหงฉันเพราะลำพังผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันคงไม่มีแรงสู้คุณได้ ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือคุณต้องเชื่อฟังที่ฉันบอก”
ทันทีที่เมริษากล่าวจบคนฟังถึงกับทำหน้าเหมือนกลืนยาขมลงคอ ฟรานเซสเข้าใจความหมายของหญิงสาวไม่หมดตรงที่ว่าไม่เคยมีรักกับผู้หญิงเขาไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจว่าเขาเคยมีความรักกับผู้ชายหรืออย่างไร แต่ก็ชั่งเถอะ! สิ่งที่เธอขอต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะมาเฟียอย่างเขาเคยแต่จะสั่งคนอื่นและให้คนอื่นเชื่อฟัง หากจะต้องมาฟังและทำตามคำสั่งของผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอเขาไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้หรือเปล่า
“เรื่องใช้กำลังข่มเหงคุณสบายใจได้ เพราะผมไม่นิยมขืนใจหรือทำร้ายร่างกายผู้หญิง ส่วนเรื่องที่ให้ผมต้องเชื่อฟังสิ่งที่คุณบอกผมไม่กล้ารับปากแต่ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วกัน”
ฟรานเซสไม่รู้หรอกว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่อยากลองมีความรักกับเขาดูสักครั้ง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ทุกอย่างกำลังเริ่มขึ้นแล้ว และเขาต้องพร้อมที่จะรับมือและเผชิญหน้าไม่ว่าในหนึ่งเดือนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาก็ตามที
“ขอบคุณค่ะ”
เมริษาระบายยิ้มพอใจกับคำตอบของชายหนุ่ม เขาเป็นถึงผู้บริหารและเจ้าคนนายคนคงคุ้นชินกับแต่การออกคำสั่งให้คนอื่นเชื่อฟัง แต่พอจะให้เป็นฝ่ายมาเชื่อฟังคำสั่งดูบ้างก็หลุดสีหน้าอึดอัดออกมาให้เห็น แต่แค่ได้ยินว่าเขาจะพยายามหัวใจเธอก็ชื้นขึ้นแล้วอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงว่าเมื่อไหร่จะถูกข่มแหงรังแก
“ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงสำหรับทำใจและร่ำลาเพื่อนที่มาส่ง เพราะหลังจากนี้คุณต้องติดตามผมไปทุกที่ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หวังว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงจะเพียงพอ”
ชายหนุ่มหยุดพูดเมื่อหญิงสาวจ้องเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอจะเอ่ยปากเสียงทุ่มหนักก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“อย่าคิดต่อรองเพราะผมไม่ชอบคนขัดใจ”
“ไหนบอกว่าให้ฉันเป็นครูไง นี่ยังพูดไม่ทันขัดคำคุณก็ออกคำสั่งกับฉันเองเสียแล้ว”
เมริษาย้อนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงขุ่นเล็กน้อยเพราะเมื่อกี้เขาเพิ่งจะมอบตำแหน่งครูให้กับเธอไปหยกๆ
“ผมออกคำสั่งในฐานะแฟนของคุณ”
คำตอบหน้าตายของฟรานเซสทำเอาเมริษาถึงกับอึ้งไปจนเถียงไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองด้วยประโยคแบบนี้