“โอแม่เจ้า! เสื้อผ้าหาย”
เมริษาใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มแล้วลนลานคว้านเอาผ้าห่มผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองไว้อย่างมิดชิดด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวอยากจะร้องให้พอๆกับร้องกรี๊ดสุดเสียงแต่ก็ไม่มีน้ำตาออกมาสักหยดและเสียงก็จุกอยู่ที่ลำคอ
“เกิดอะไรขึ้นกับเรา เมื่อคืนนี้…เมื่อคืนเราดื่มไวน์”
เสียงหวานพึมพำกับตัวเองแผ่วเบาก่อนที่จะยกมือกุมขมับไว้พร้อมๆกับทบทวนความทรงจำ เมริษาจำได้ว่าเมื่อวานคุยกับเลขาหนุ่มของฟรานเซสพร้อมกับดื่มไวน์ไปด้วย เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอใช้เวลาลิ้มลองรสชาติไวน์ชั้นดีจนเผลอหลับไป พอมารู้ตัวอีกทีก็มีสภาพอย่างที่เห็นแล้ว
“ตายจริง นี่เราทำอะไรลงไปเมริษา! เธอปล่อยให้ตัวเองเมาท่ามกลางผู้ชายนับสินคนได้ยังไง”
เมริษาตำหนิตัวเองด้วยความเจ็บใจ เพราะสภาพตัวเองตอนนี้มันน่าใจหายเมื่อคิดไปว่าเธอถูกกระทำจากชายฉกรรจ์นับสิบไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ดวงตาคู่สวยกวาดมองหาใครสักคนที่จะสามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้เธอได้
“บนเตรียงกว้างกับสภาพไร้อาภรณ์ โอ๊ยอยากจะบ้าตาย! ฉันโดนรุมโทรมหรือเปล่าเนี่ย!”
เมริษาอยากจะได้คำตอบพอๆกับอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เมื่อสายตาเธอปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าของบุรุษเพศที่ยืนหันหลังทอดสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างซึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวตัวใหญ่อย่างมีสไตล์
“คุณฟรานเซสคะ”
เมริษาเรียกชายหนุ่มเสียงแหบแห้ง ลึกๆรู้สึกดีใจที่อยู่กับเขาไม่ใช่ชายฉกรรจ์นับสิบแต่อย่างใด หากแต่หัวใจเธอก็ยังคงอดหวั่นไม่ได้อยู่ดีเมื่อยังไม่ได้รับความกระจ่างในเรื่องนี้
“อ่าว…ตื่นแล้วเหรอ”
“ฉันมานอนที่นี่ได้ยังไงคะ แล้วเสื้อผ้าฉันหายไปไหนหมด คุณให้คนทำอะไรกับฉันหรือเปล่า…”
เธอไม่ได้ปรักปรำว่าเขาทำอะไรเธอหรอก เพราะเธอมั่นใจว่าเกย์ไม่มีทางมีอารมณ์กับผู้หญิงอย่างแน่นอนต่อให้เธอนอนเปลือยแหกขาให้ท่าเขาก็ไม่พิศวาสอะไรเธอแต่อย่างใดที่เธอมั่นใจหลักหนาเป็นเพราะเวลาอยู่ในกองถ่ายเธอก็มักจะต้องเปลี่ยนชุดหรือเปลือยต่อหน้าช่างแต่ตัว แต่งหน้าทำผมที่เป็นเก้งกวางประจำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่นักแสดงทุกคนต่างชินชาไปเสียแล้วโดยเฉพาะนักแสดงตัวประกอบที่ไม่มีห้องแต่งตัวส่วนตัวอย่างเธอ หากแต่ถ้าเขาให้ลูกน้องทำสิไม่แน่
“ผมจะตอบทีละคำถามนะที่รัก… ที่คุณมานอนที่นี่ได้เพราะผมอุ้มคุณมา เสื้อผ้าที่หายไปของคุณเพราะคุณอวกใส่เมื่อคืนผมเลยสั่งให้คนไปทิ้งให้หมด ส่วนที่ว่าผมให้คนทำอะไรคุณหรือเปล่าขอตอบว่า….”
ฟรานเซสหยุดพูดสักพักเพื่อสังเกตปฏิกิริยาอีกฝ่าย
“ว่าอะไรคะ”
ถามออกไปแล้วกลั้นใจรอฟังคำตอบ เมริษาแอบคาดหวังอยู่ลึกๆว่าเขาจะไม่ใจร้ายให้คนรุมโทรมเธอแล้วแอบถ่ายคลิปแบล็กเมล์เธอ
“ว่าไม่! ผมไม่ได้ให้ใครทำอะไรกับคุณเลยเพราะผมทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ถอดเสื้อผ้าคุณ อาบน้ำให้คุณ แล้วก็พาคุณมานอนบนเตียง”
ฟรานเซสบอกพร้อมแอบปาดเหงื่อเมื่อสารภาพทุกอยากออกไปจนหมดสิ้น แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นสูงเมื่อทุกอย่างผิดคาดไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
“คุณไม่ตกใจ หรือโกรธผมเลยเหรอเมริษา”
ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะเขาคิดว่าทันทีที่สารภาพจบเธอจะกรี๊ดร้องโว้ยวายหรือปาข้าวของใส่เขา แต่ที่ไหนได้เธอกลับถอนหายใจออกมาราวกับยกภูเขาออกจากอกเสียอย่างนั้น ยังไม่พอยังระบายยิ้มกว้างไม่เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใดอีก
“ทำไมฉันต้องโกรธคุณด้วยละคะ ฉันต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่คุณอุตส่าห์อาบน้ำให้แล้วพามานอน ขอบคุณมากเลยนะคะคุณฟรานเซส”
เมื่อเจอคำตอบนี้เข้าไปฟรานเซสถึงกับไปไม่เป็นได้แต่ส่งยิ้มตอบให้เธอแฮะๆก่อนที่จะตามมาด้วยคำถามที่อยากจะรู้คำตอบ
“ทำไมคุณถึงไม่โกรธที่ผมถอดเสื้อผ้าคุณแล้วก็สัมผัสร่างกายของคุณ…หมายถึงตอนอาบน้ำให้อะครับ”
“ก็เพราะฉันรู้ไงละคะว่าคุณไม่มีทางทำอะไรฉันแน่นอน”
เสียงหวานตอบหนักแน่นพร้อมกับสีหน้าเต็มเปรี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบ่งบอกชัดว่าเธอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ได้แสแสร้างแกล้งทำเลยสักนิดเดียว
“ดูคุณมั่นใจในตัวผมจังเลยนะครับ”
ไม่รู้ทำไมหญิงสาวถึงมั่นอกมั่นใจในตัวเขาหนักหนาว่าชายชาตรีอย่างเขาจะไม่ทำหรือคิดอะไรเกินเลยเวลาที่เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอปรากฏตรงหน้า ทั้งที่ตัวเขาไม่มั่นใจและไว้ใจตัวเองเลยสักนิด
ฟรานเซสไม่อยากคิดเลยด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนต้องเข้าห้องน้ำไประบายความร้อนรุมในกายที่แผดเผาเขาแทบจะกลายเป็นจุลเพราะไฟปรารถนาไปกี่รอบ เพราะเรือนร่างงดงามได้สัดส่วนของเธอคอยตามหลอกหลอนเขาจนแทบไม่ได้หลับไม่นอนเลยทีเดียว
“ค่ะ ที่ฉันมั่นใจเพราะว่าฉันเคยเจอผู้ชายแบบคุณมามากยังไงละคะ และอีกอย่างฉันก็เปลือยต่อหน้าพวกเขาอยู่บ่อยๆจนรู้สึกชินแล้วละค่ะ”
เมริษาหมายถึงเก้งกวางในกองถ่ายที่คอยช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาเข้าฉากแสดง หากแต่อีกคนกลับคิดไปไกลถึงผู้ชายหรือคู่นอนของเธอที่เคยผ่านๆมา
‘เปลือยต่อหน้าผู้ชายบ่อยๆจนชินแล้วงั้นเหรอ…ให้ตายเถอะ’
ฟรานเซสไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินประโยคพวกนี้ออกจากปากสวยๆของเธอ แม้เขาจะรู้ดีว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความรักแต่เขาก็ไม่เห็นความจำเป็นที่เธอต้องพูดเรื่องส่วนตัวพวกนี้ออกมาให้ใครได้ยิน โดยเฉพาะเขาตอนนี้ซึ่งอยู่ในฐานะแฟนของเธอ
“เอาล่ะที่รัก ผมจะพยายามลืมอดีตของคุณและเรามาเริ่มต้นกันใหม่ ระหว่างที่เราเป็นแฟนกันห้ามคุณพูดถึงหรือคิดที่จะไปเปลือยต่อหน้าผู้ชายคนไหนอีกนอกจากผมคนเดียวเข้าใจไหม”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มห้วนขึ้นตามอารมณ์หึงหวงที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันรู้ตัว แต่เมริษามัวแต่ดีใจที่ตัวเองไม่ได้ถูกรุมโทรมเลยไม่ทันสังเกตอาการของอีกฝ่าย
“รู้แล้วค่ะ ระหว่างที่ฉันเป็นแฟนคุณ ฉันจะไปไหนได้ละคะนอกจากอยู่กับคุณจนครบสัญญา คุณมั่นใจได้เลยว่าฉันไม่ผิดสัญญาแน่นอน…ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ร่างบางเอ่ยพลางดีดตัวออกจากเตียงหนานุ่มปล่อยผ้าห่มให้ร่วงเผอยลงกับพื้นไม่สนใจจะปกปิดกายงามของตนเองอีกต่อไป แต่แทนที่จะก้าวตรงไปห้องน้ำกลับเปลี่ยนใจหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มโดยที่ไม่ได้มีท่าทีหรือแสดงสีหน้าขัดเขินต่อสายตาคมกริบของเขาแต่อย่างใด หากแต่เป็นฟรานเซสเองที่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไงดี
‘นี่เธอคิดจะทำบ้าอะไรเมริษา’
ฟรานเซสได้แต่คำรามในใจเมื่อเรือนร่างงามเปลือยเปล่าก้าวตรงมาหาเขาพร้อมกับสวมกอดเขาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่ชะงักนิ่งยืนแข็งเป็นท่อนไม้ไม่กล้าขยับตัวไปไหน แค่หายใจก็แทบจะต้องกลั้นไว้เลยทีเดียว
“คุณฟรานเซสคะ ถ้าเกิดฉันทำให้คุณตกหลุมรักไม่ได้เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ”
เสียงหวานเอ่ยถามซุกใบหน้าอยู่กับอกกว้างแข็งแรงของเขา ไม่รู้ทำไมอยู่กับเขาถึงได้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาคือมาเฟีย มาริษาคิดพลางระบายยิ้มออกมาโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนนั้นจะไปกระตุกต่อมอารมณ์ส่วนไหนของเขาบ้าง
“ผมไม่นิยมมีเพื่อนผู้หญิง”
ฟรานเซสเอ่ยเสียงลอดไรฟันขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนเพื่อควบคุมไฟปรานาที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากสงบลงไปได้ไม่นาน
‘เธอจงใจยั่วฉันหรือต้องการปั่นหัวฉันเล่นกันแน่ เมริษา’
“เฮ้อ…คุณนี่ใจแข็งชะมัดเลย งั้นถ้าฉันทำให้คุณรักไม่ได้ฉันก็จะกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองแล้วกันนะคะ”
เมริษาถอนหายใจพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยราวกับคนหมดสิ้นความหวัง กว่าจะทำใจยอมรับมาเฟียเป็นเพื่อนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอทำใจได้กลับถูกปฏิเสธเสียอย่างงั้น หญิงสาวเลยได้แต่ทำใจผละออกจากร่างสูงเดินนวยนวดเข้าห้องน้ำไปท่ามกลางสายตาคมกริบที่มองตามด้วยหัวใจสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว