01
วาดจันทร์xปานรดา
ในยุคอยุธยาตอนปลาย
'วาดจันทร์'หญิงสาวสวยกำลังนั่งพับดอกบัวเพื่อเตรียมใส่บาตรถวายพระในวันพรุ่งนี้เช้าเธอช่างดูดีมีสง่ารูปก็งามนามก็เพราะ
"แม่วาดจันทร์เจ้ากำลังทำกระไรอยู่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะลูก" 'คุณหญิงพวงทอง' คุณแม่ของแม่หญิงวาดจันทร์เอ่ยทักท้วงลูกสาวคนสุดท้อง
"ลูกกำลังนั่งพับดอกบัวใส่บาตรถวายพระในยามเช้านะเจ้าค่ะคุณแม่" วาดจันทร์บอกกับแม่ของนาง
"ถ้าเยี่ยงนั้นเจ้าก็รีบทำรีบนอนเถอะลูกนี่ก็ค่ำมืดแล้วหนา" แม่ของนางเป็นห่วงลูกสาว
"เจ้าค่ะคุณแม่นี่เหลือไม่กี่ดอกแล้วล่ะเจ้าค่ะลูกทำเสร็จลูกก็จะเข้านอนแล้วเจ้าค่ะ" เธอพูดพร้อมกับยิ้มหวานๆ ให้ท่านแม่
"นางช้อยถ้าเจ้านายของเอ็งทำเสร็จแล้วก็รีบพาเจ้านายเอ็งเข้านอนเสียเถิดนะ" คุณหญิงพวงทองสั่งบ่าวให้ดูแลลูกสาวสุดที่รักของเธอ
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงลูกดอกลูกโตแล้วลูกดูแลตัวเองได้แล้วนะเจ้าคะ" วาดจันทร์พยายามย้ำเตือนว่าเธอโตและสามารถดูแลตัวเองได้แล้วแต่แม่ของเธอก็ยังคิดว่าเธอเป็นเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลา
'ข้าไม่รู้จักทำอย่างไรให้แม่ของข้ามองว่าข้าเป็นผู้ใหญ่เสียทีนี่ข้าก็อายุก็มากโขแล้วมิใช่เด็กๆ เสียเมื่อไรแม่ของข้าก็ห่วงข้าไปเสียทุกเรื่อง' แม่วาดจันทร์คิดในใจคนเดียว
ณ ปีพุทธศักราช 2564
'ปานรดา'หญิงสาวผู้ที่รักในการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจกำลังลงมือทำแกงเขียวหวานที่เป็นของโปรดเธอแต่ถึงเธอจะรักการทำอาหารแค่ไหนก็ใช่ว่าจะทำอร่อยไปเสียทุกคน
"แหวะ นี่ฉันไม่เคยทำอาหารอร่อยเลยสักครั้งเลยสินะนี่ฉันก็ทำมันตามสูตรแล้วนะทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ทุกทีเลยเนี่ย"
ปานรดาหรือปานชิมอาหารที่ตัวเองเป็นคนลงมือทำมันเองกับมือแต่มันกินไม่ได้เลย
"ฉันคงเหมาะที่จะแต่งนิยายอย่างเดียวซะล่ะมั้ง" ปานรดาชอบทำอาหารแต่เธอไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยเธอมีดีก็แค่เป็นนักเขียนนิยายที่มีผู้ติดตามเป็นแสนคนก็เท่านั้นแต่ก็อย่างว่าและนะเธอมีอาชีพเป็นนักเขียนเธอไม่ใช่เชฟนี่นาถ้ามีแฟนเธอคิดเสมอว่าเธออยากได้แฟนเป็นเชฟหรือไม่ก็มีแฟนที่ทำอาหารไทยอร่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้ว
"เฮ้อ!!! วันนี้สงสัยฉันต้องกินต้มมาม่าอีกแล้วสินะ ฉันทำได้อร่อยทีสุดก็ต้มมาม่านี่แหละมั้งเนี่ย" หลังจากพูดคนเดียวจบเธอก็เดินไปเปิดดูที่ตู้เก็บอาหารแห้งที่เธอตุนไว้ซึ่งวันนี้มาม่าเธอหมดพอดีในตู้ที่พอกินได้ก็ปลากระป๋องเท่านั้น
"นี่มันวันอะไรของฉันเนี่ยทำแกงเขียวหวานก็ขมจะต้มมาม่า มาม่าก็ดันมาหมดนี่ฉันต้องกินปลากระป๋องใช่มั้ย" นักเขียนที่แต่งนิยายมาไม่รู้กี่เรื่องต้องมานั่งเปิดปลากระป๋องกินเป็นอาหารค่ำจะอกไปข้างนอกตอนนี้ก็เป็นเวลาจะเที่ยงคืนแล้วเพื่อนก็ไม่มีแฟนก็ไม่มีชีวิตเธอช่างดูเหงาจริงๆ
ปานรดา เธออยู่คอนโดคนเดียวเธอแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวเพื่อที่เธอจะได้แต่งนิยายอย่างสงบซึ่งพ่อกับแม่ของเธอก็อยู่บ้านกับน้องเธออีกสองคนที่อายุน้อยกว่าเธอเป็นสิบปีอีกคนก็ห่างจากเธอถึงแปดปีตอนนี้เธออายุได้ 31 ปีแล้วตั้งแต่ที่เธอเรียนจบคณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ (อาชีพคุณครู) ที่พ่อแม่เธออยากให้เรียนเธอก็ยังไม่เคยได้ไปสอบบรรจุเลยเธอเลือกที่จะแต่งนิยายตั้งแต่อายุ 23 ปี จนถึงตอนนี้เธอประสบความสำเร็จในด้านนี้เธอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวส่งน้องทั้งสองเรียนซื้อคอนโดเองซื้อรถเองส่งให้พ่อแม่ใช้เป็นประจำแรกๆ ที่เริ่มทำพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นด้วยและบังคับให้เธอไปสอบบรรจุให้ได้เป็นข้าราชการแต่เธอชอบและรักการเป็นนักเขียน
เมื่อเธอกินข้าวเสร็จ (ปลากระป๋อง) เธอก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะเข้านอนเธอกำลังจะหยิบไอแพดของเธอมาเช็คออเดอร์ที่นักอ่านเข้ามาจองหนังสือเล่มล่าสุดของเธอไม่รู้ว่าเธอง่วงหรืออะไรกันแน่เหมือนเธอเห็นแสงทองๆ ออกมาจากไอแพดเมื่อเธอขยี้ตาแสงนั้นก็หายไปเธอจึงคิดว่าเธอตาฝาดไปนั่นเอง
ปานรดา เธออยู่คอนโดคนเดียวเธอแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวเพื่อที่เธอจะได้แต่งนิยายอย่างสงบซึ่งพ่อกับแม่ของเธอก็อยู่บ้านกับน้องเธออีกสองคนที่อายุน้อยกว่าเธอเป็นสิบปีอีกคนก็ห่างจากเธอถึงแปดปีตอนนี้เธออายุได้ 31 ปีแล้วตั้งแต่ที่เธอเรียนจบคณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ (อาชีพคุณครู) ที่พ่อแม่เธออยากให้เรียนเธอก็ยังไม่เคยได้ไปสอบบรรจุเลยเธอเลือกที่จะแต่งนิยายตั้งแต่อายุ 23 ปี จนถึงตอนนี้เธอประสบความสำเร็จในด้านนี้เธอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวส่งน้องทั้งสองเรียนซื้อคอนโดเองซื้อรถเองส่งให้พ่อแม่ใช้เป็นประจำแรกๆ ที่เริ่มทำพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นด้วยและบังคับให้เธอไปสอบบรรจุให้ได้เป็นข้าราชการแต่เธอชอบและรักการเป็นนักเขียน
เมื่อเธอกินข้าวเสร็จ (ปลากระป๋อง) เธอก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะเข้านอนเธอกำลังจะหยิบไอแพดของเธอมาเช็คออเดอร์ที่นักอ่านเข้ามาจองหนังสือเล่มล่าสุดของเธอไม่รู้ว่าเธอง่วงหรืออะไรกันแน่เหมือนเธอเห็นแสงทองๆ ออกมาจากไอแพดเมื่อเธอขยี้ตาแสงนั้นก็หายไปเธอจึงคิดว่าเธอตาฝาดไปนั่นเอง