4

1576 Words
ราชาวดีทิ้งตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้องนอน สัมผัสของเขายังร้อนระอุ เผลอแตะมือกับริมฝีปากและลากไปทั่วเรือนร่าง เธอชอบมันอย่างไม่น่าให้อภัย แล้วแบบนี้เธอจะกล้าพบหน้าเขาได้อย่างไรกัน ถ้าแต่งงานเขาคงทำแบบนี้ เธอโตพอที่จะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แต่มันยังไม่ถึงเวลา และเธอก็ไม่ควรปล่อยตัวแบบนี้อีกหญิงสาวบอกตัวเองอย่างท้อแท้ เธอสิ้นหวังกับความพยายามอันเปราะบาง เธอชอบมันและอยากให้เขาสัมผัส เธอคิดอะไรน่าอับอาย ไม่รักนวลสงวนตัว ไม่น่าให้อภัยยิ่งนัก            ราชาวดีเก็บตัวอยู่บนห้อง เธอพยายามหลบหน้าภาคิน ไม่ได้รังเกียจ แต่เธออาย คุณหญิงย่าให้คนมาตาม เธอก็อ้างว่าปวดหัว อ้างว่าป่วยโดยที่ไม่ป่วย ภาคินกลับไปหลายครั้งและเธอก็ได้แต่แอบมองชายหนุ่มทางหน้าต่างด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น เธอกลัวเขาโกรธ แต่สีหน้าของเขาในระยะไกลๆ คือความนิ่งเหมือนที่เขาเจอเธอวันแรก            หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์เมื่อมีสายเรียกเข้า ภาคินโทรขึ้นมาหาเธออีกครั้ง เธอไม่เคยรับโทรศัพท์ของเขา แต่เปิดข้อความที่เขาส่งมาขอโทษและบอกให้เธอนอนหลับฝันดีทุกคืน เธอชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนจะกดรับ พยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นเมื่อคุยกับเขา            “สวัสดีค่ะพี่คิน”            “ลงมาหาพี่หน่อย พี่ยืนรออยู่ด้านล่าง เปิดหน้าต่างออกมาสิ”            “เอ่อ...” ราชาวดีอึกอัก แต่เธอก็ไม่รู้ตัวว่าเดินมาเปิดหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ตรงนั้น ตรงห้องนอนของเธอ เขาเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเขาดูอ่อนโยนและเธอก็ใจสั่น            “พี่ต้องไปทำธุระหลายวันอาจไม่ได้เจอกัน ลงมาคุยกันหน่อยได้ไหม”            น้ำเสียงของเขาเว้าวอนและเธอก็ใจอ่อนยวบ ราชาวดีกดวางสาย ก่อนจะเดินลงไปหาเขา ไม่มีใครในบ้าน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอายน้อยลง ทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้เรื่องวันนั้น แต่คนมีชนักติดหลังกลับกลัวไปต่างๆ นานา เธอรักนวลสงวนตัวมาตลอด แค่คิดว่าอยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก ทั้งๆ ที่ปากปฏิเสธ แต่ใจไม่ปฏิเสธ ก็น่าอายเกินพอแล้ว            “พี่ขอโทษที่ล่วงเกิน” เขาดึงเธอไปกอด วางคางกับไหล่บอบบาง เธอทำท่าจะดิ้นแต่ก็ยอมให้เขากอด หัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ถ้ามันจะกระเด็นออกมาได้มันคงกระเด็นออกมาแล้ว            “วดีไม่ได้โกรธพี่คินหรอกค่ะ” เธอก้มหน้าบีบมือไปมาเมื่อเขาคลายอ้อมกอด จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เธอยอมเขาเอง            “พี่ตั้งใจ” เขาบอกสั้นๆ กุมแก้มของเธอเอาไว้ คนได้ฟังเบิกตาโต ก่อนจะหน้าแดงเมื่อเข้าใจ เขาขอโทษแต่ยอมรับออกมาว่าตั้งใจ ทำไมเธอรู้สึกหัวใจพองโตกว่าเดิม ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ เธอจะรู้สึกแย่ใช่ไหม            “พี่คินจะไปไหนคะ” เธอเงยหน้าขึ้นถาม สายตาของเขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง            “พี่ต้องไปต่างประเทศหลายวัน ไปทำงาน ใจจริงอยากชวนวดีไปด้วย...” เขาพูดเหมือนรอให้เธอตัดสินใจหรือกระตือรือร้นอยากจะไปกับเขาขึ้นมาบ้าง            “วดีจะรอนะคะ” ทั้งๆ ที่อยากไปกับเขา แต่กลัวใจตัวเองจะไม่รักดี ยินยอมเขาไปอีก การอยู่ใกล้เขามันอันตรายพอๆ กับที่หัวใจของเธอยกให้เขาไปหมดทั้งดวง ความรักมันเป็นแบบนี้เองน่ะเหรอ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จัก เพิ่งเคยได้ใกล้ชิด กลับอยากเห็นหน้าเขาทุกวัน หน้าของเขาลอยไปลอยมาอยู่ในห้วงความรู้สึกของเธอตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากรัชภาคย์ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับเขา และหัวใจของเธอไม่เคยเต้นแรงเท่ากับการอยู่ใกล้ภาคิน            “พี่จะรีบกลับมา อยากได้อะไรไหม” เขาถามอย่างอ่อนโยน มือของเขาลูบเบาๆ ที่แก้มของเธอ            “ไม่ค่ะ แค่เห็นหน้าพี่คิน วดีก็... ดีใจแล้วค่ะ”            เธอพูดแล้วแก้มแดงเห่อร้อน เผลอแตะลิ้นกับริมฝีปากคล้ายเชิญชวน เขาถอนใจเสียงหนักเหมือนหักห้ามใจ สุดท้ายเขากุมแก้มเธอเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วบดจูบลงมาอย่างดูดดื่ม เธอหอบหายใจเมื่อเขาถอนจูบ ลมหายใจของชายหนุ่มร้อนแรงและชิดใกล้            “พี่จะรีบกลับมา”            ภาคินจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะถอยหลังไปสามก้าว มองเธอเหมือนจะจดจำทุกอย่างในตัวเธอ สายตาของเขาอ้อยอิ่งและอ่อนหวาน เธอยืนนิ่งมองเขาเดินจากไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาออกไปจากบ้านแล้ว แต่เธอยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้ๆ เพราะเดินไม่ไหว เธอยกมือขึ้นกุมแก้ม ลูบเบาๆ ที่ริมฝีปากและทาบมือไปที่หัวใจ            “ทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงแบบนี้นะ”            เธอกัดปากตัวเอง รสจูบของเขายังซาบซ่านในห้วงความรู้สึก ริมฝีปากของเขาอบอุ่นและนุ่มนวล ลิ้นของเขาหยอกเย้าและรุกเร้า ทุกสิ่งที่รวมเป็นเขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง หากเมื่อครู่เธอรับปากว่าจะตามเขาไปต่างประเทศด้วย เธอคงกลับมาด้วยสภาพที่ไม่เหมือนเดิม            เพราะแค่คืนแรกที่อยู่ด้วยกัน เธออาจจะตกเป็นของเขาอย่างง่ายดายและยินยอมพร้อมใจให้เขาแนบชิดลงมาสัมผัสกับร่างกายบอบบางของเธอเองอย่างเต็มอกเต็มใจ...            ราชาวดีมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ หลังจากช่างแต่งหน้าเนรมิตให้เธอเป็นเจ้าสาวแสนสวยในชุดสีขาวประดุจดั่งเจ้าหญิงเริดหรูราคาแพงลิ่ว เธอกำลังคิดว่าตัวเองฝันไป เมื่อภาคินกลับมาจากต่างประเทศ เขาก็พาญาติผู้ใหญ่ของเขามาทาบทามสู่ขออย่างเป็นทางการ และไม่กี่วันหลังจากนั้นก็คือการเตรียมงาน ก่อนที่จะถึงงานแต่งงานจริงๆ ในวันนี้ พิธีในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี เหลืองานเลี้ยงในช่วงเย็นจนถึงดึก ก่อนจะเป็นพิธีส่งตัวเข้าหอ            ช่างแต่งหน้าที่แต่งหน้าเธอเอ่ยชมไม่ขาดปาก ช่วงเวลาที่คบหากับภาคิน มันเร็วมากแป๊บเดียวก็กลายเป็นเดือน แต่เธอกลับเรียนรู้ในตัวตนของเขามากขึ้น เขาเปิดเผยและเรียนรู้ความเป็นเธอเช่นกัน ภาคินเป็นผู้ชายที่อบอุ่น เขาอาจจะเหมือนรัชภาคย์ที่เข้าใจเธอ แต่ภาคินเป็นคนที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงทุกครั้ง หลังจากวันนั้นที่เธอบอกความจริงกับรัชภาคย์ เขาก็หายเงียบไป เธอไม่กล้าโทรไปหา และเขาเองก็ไม่เคยติดต่อมา เธอกลัวจะไปสะกิดแผลใจของเขา ซึ่งบางครั้งเธอก็นึกแปลกใจ รัชภาคย์ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่ทำไมเขาถึงหายไปไม่มาตามตื๊อ            อาจจะดีที่เขาไม่มาตามตื๊อ เพราะนั่นจะทำให้เธอยิ่งลำบากใจ แต่มันไม่ใช่วิสัยของรัชภาคย์ เธอมีความสุขกับภาคินจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท คุณหญิงย่าของเธอร้ายกาจและท่านอาจจะ... “พี่ภาคย์” คิดมาถึงตรงนี้ ราชาวดีก็รู้สึกใจเสีย เธอภาวนาขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีความสุขอย่างเต็มที่ในการแต่งงานครั้งนี้            “เจ้าสาวของพี่ ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีอะไรเป็นกังวลหรือเปล่า”            “อุ๊ย! พี่คิน” เธอสะดุ้ง เมื่อเขายืนซ้อนมาทางด้านหลัง เขามองสบตาเธอในกระจกเงาบานใหญ่ เธอสะเทิ้นอายก้มหน้างุดไม่กล้ามองสบตาเขาตอบ            “ไม่มีอะไรค่ะ วดีแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เธอก้มหน้าตอบเบาๆ ไม่อยากให้เขาเป็นกังวล            “ถ้ามีอะไรให้บอกพี่นะครับ เราไม่มีความลับต่อกัน”            ภาคินกระซิบบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับบนโต๊ะเครื่องแป้งและเปิดออกช้าๆ ราชาวดีมองอย่างตกตะลึง เพชรน้ำงามส่งแสงระยิบระยับ เขายิ้มใส่ตาก่อนจะสวมให้เธอทีละชิ้นจนครบทุกชิ้น ระหว่างสวมเขาก็ขอรางวัลเป็นการให้เธอหอมแก้มเขาสลับกัน เธอยอมทำตามอย่างว่าง่ายปนเขินอาย            “เจ้าสาวของพี่สวยที่สุด” เขามองอย่างรักใคร่            “ขอบคุณนะคะพี่คิน” เธอยกมือไหว้ที่อกของเขา “เป็นของขวัญวันแต่งงาน เป็นเครื่องเพชรของคุณแม่พี่”            ภาคินวางมือบนศีรษะของเธออย่างเอ็นดูปนรักใคร่ เธอยิ้มหวานให้เขา มารดาของเขาเสียชีวิตแล้ว คนที่มาเป็นผู้ใหญ่ของเขาเป็นเพียงแค่มารดาเลี้ยง เธอเองก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนเขาก็ให้ความเคารพท่าน แต่มารดาเลี้ยงของเขาดูเหมือนจะยำเกรงภาคินเสียมากกว่า เขามีน้องสาวอีกคนเป็นลูกที่เกิดจากมารดาเลี้ยง เธอเกร็งทุกครั้งที่เจอกับสองคนนั่น ถ้าเธอไม่ได้คิดมาก พวกเค้าไม่ค่อยชอบเธอ แต่เหมือนขัดไม่ได้กับการแต่งงานในครั้งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD