บทที่ 5
สถานการณ์บีบบังคับ (2)
“นี่คุณ! อย่าเข้ามานะ!” คนตัวเล็กถอยหนีเมื่อร่างสูงก้าวประชิดเข้าหาตัวของเธอจนแผ่นหลังชนกับผนัง
“ทำไม กลัวเหรอ?”
“อะ...ออกไปนะ คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะคุณภาคิน!” มือเล็กผลักอกแกร่งออกด้วยแรงอันน้อยนิด ใบหน้าหวานง้ำงอพลางสั่นระริกด้วยความหวั่นกลัว
“ไอ้สองคนนั้นเธอเรียกพี่ แล้วทำไมทีกับฉันเรียกคุณภาคิน” ภาคินเลิกคิ้วอย่างเอาคำตอบกับหญิงสาวตรงหน้า
Rrrrr Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ของเนปจูนดังขึ้นทำให้ภาคินยอมผละออกจากร่างบาง มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็พบว่าปลายสายนั้นคือเตอร์เพื่อนสนิทของเธอ
“ว่าไงเตอร์” เสียงใสเอ่ยกับปลายสายพลางปรายตามองคนตัวโตที่ยืนจ้องเธอนิ่ง
(แกอยู่ไหนวะไอ้จูน ทำไมฉันส่งข้อความไปแกไม่ตอบเลย)
“อ้าวเหรอ พอดีฉันไม่ได้จับโทรศัพท์เลย”
(แล้วแกอยู่ไหนเนี่ย ออกไปไหนทำไมไม่บอกฉัน ไปไหนคนเดียวมันอันตรายนะเว้ย)
“ไอ้บ้าเตอร์! แกก็เวอร์เกิน ฉัน...ฉันแค่ออกมาหาไรกินแถว ๆ นี้” เนปจูนเลือกที่จะโกหกหากเธอบอกว่าอยู่ที่สนามแข่งรถเตอร์เพื่อนสนิทของเธอก็คงไม่สบายใจแน่ ๆ
เนปจูนกับเธอสนิทกับมาตั้งแต่เด็ก ๆ พ่อของเนปจูนก็ฝากให้เตอร์ช่วยดูแลเนื่องจากเธอนั้นขับรถไม่เป็น แถมยังซุ่มซ่ามเงอะ ๆ เงิ่น ๆ อีก
(เออไม่ได้ไปไหนไกลก็ดีแล้ว ที่โทรมาฉันแค่เป็นห่วงแกเฉย ๆ ฉันส่งไฟล์งานไปให้แกในข้อความแล้วนะลองตรวจเช็กดู)
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่าคุณพ่อ น้องจูนไม่เป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก”
(เออก็ดี ไม่งั้นพ่อแกฆ่าฉันตายแน่ พ่อโหดอย่างกับมาเฟีย)
เนปจูนหลุดขำออกมาเมื่อเตอร์พูดถึงพ่อของเธอ พ่อของเนปจูนนั้นค่อนข้างหวงแต่ก็เข้าใจการใช้ชีวิตของวัยรุ่นทั่วไปทำให้เนปจูนไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักเท่าไหร่ ส่วนมากพ่อเธอจะเข้มงวดเรื่องการมีแฟนซะมากกว่า
“เดี๋ยวเถอะ!”
(ไปดีกว่า คุยกับแกทุกวันเบื่อโคตร ไปนอนอ้อนเมียต่อดีกว่า)
สายถูกตัดไปพร้อมด้วยรอยยิ้มของคนตัวเล็กที่อดหมั่นไส้เพื่อนสนิทอย่างเตอร์ไม่หาย เห็นอย่างนั้นเตอร์เองก็ออดอ้อนแฟนไม่แพ้แมวตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่ง
“รอบตัวเธอนี่มีแต่ผู้ชายเนอะ!” เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับกอดอกมองคนตัวเล็ก
“อะไร”
“ทั้งไอ้เลย์ ไอ้ผา รวมถึงเพื่อนสนิทของเธอด้วย ฮอตดีจริง ๆ เลยนะ” รอยยิ้มเย้ยหยันนั้นทำให้อารมณ์ของเนปจูนเดือดดาลขึ้น
“พี่เลย์เขาเป็นแค่แฟนเก่า! เพื่อนของคุณฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยมากกว่านั้น ส่วนเตอร์เขาเป็นแค่เพื่อน! แค่เพื่อน!” เสียงเล็กตะโกนออกไปอย่างเหลืออดเธอไม่คิดเลยว่าเขาจะมองเธอแบบนี้
“งั้นเหรอ ไม่ใช่เธอไปอ่อยเพื่อนฉันจนมันหลงเสน่ห์ของเธอแล้วรึไงถึงได้ให้มันจับตัวง่าย ๆ” ภาคินเห็นกับตาว่าภูผาเพื่อนของเขากำลังลูบหัวของเด็กคนนี้อย่างสนิทสนม
เขารู้นิสัยของเพื่อนสนิทดีว่าภูผาเจ้าชู้แค่ไหนยิ่งมีผู้หญิงน่ารัก ๆ ไม่แปลกที่จะหลงเสน่ห์ไปตาม ๆ กัน และถ้าหากเธอไม่เล่นด้วยเพื่อนของเขาก็คงไม่ยุ่งเช่นกัน
“คุณจะคิดยังไงมันก็เรื่องของคุณ! ฉันห้ามความคิดใครไม่ได้หรอก” เนปจูนเลือกที่จะยุติบทสนทนาหากเธอเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้คงจะได้ทะเลาะกันแน่ ๆ เธออยากจะเข้าประเด็นเรื่องรูปภาพแบล็กเมล์เธอมากกว่า
“เมื่อไหร่คุณจะลบรูปพวกนั้น”
“รูปอะไร” ภาคินแสร้งถามหน้าตาย
“นี่คุณ! คุณให้ฉันมาที่นี่ฉันก็มาแล้วไง ยังจะเอาอะไรอีก!”
“เอาเธอ”
“ไอ้...!” เนปจูนผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความโมโห เธอไม่ใช่คนหยาบคายแต่พอเห็นท่าทีกวนประสาทของคนตรงหน้าก็ทำให้เธอแทบอยากจะกระโจนใส่เขาสักทีสองทีให้รู้แล้วรู้รอด!
“พูดดี ๆ”
“อะไร!”
“ถ้าอยากให้ลบก็พูดดี ๆ ก่อน”
“พูดยังไง” คนเล็กถามย้อนและมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“พูดยังไงก็ได้ที่ทำให้ฉันอยากลบมัน” เนปจูนเม้มปากและกำมือแน่น
“ฉะ...ฉัน...”
“พูดเพราะๆ ถ้ามือฉันลั่นเธอดังว่อนเน็ตเลยนะ” ไม่ว่าเปล่าคนตัวโตหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดรูปที่เขาและเธอจูบกันในห้องส่วนตัวซึ่งเห็นหน้าของทั้งคู่ชัดเจน
“คุณขู่ฉันเหรอ!”
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันทำจริง”
“...”
“ว่าไง แค่พูดดี ๆ เพราะ ๆ มันคงไม่ยากสำหรับเธอหรอกนะน้องเนปจูน” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เธอไม่มีทางเลือกแล้ว หากเขาลบรูปเธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับเขาอีก
“คุณภาคินคะ จูนขอร้องช่วยลบให้จูนเถอะค่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อนและส่งสายตาออดอ้อนไปซึ่งการกระทำนั้นทำเอาคนตัวโตชะงักไปชั่วครู่
แค่สายตาและน้ำเสียงอ่อนหวานก็กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก...
“ไหนลองเรียกพี่คิน”
“คะ?”
“เรียกเร็ว ๆ ดิ!” ภาคินชักสีหน้าเมื่อคนตัวเล็กยังทำหน้าสงสัย
“พี่คิน...พี่คินคะจูนขอร้อง ลบภาพนั้นให้จูนเถอะค่ะ”
“อืม...จะลบดีไหมน้า”
“ดีค่ะ ดีมาก ๆ ลบเลยค่ะ ลบเถอะนะคะ”
“ก็ได้...” ประโยคนั้นทำเอาเนปจูนคลี่ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“...อะ เอาไปลบเอง” ภาคินยื่นโทรศัพท์ให้กับเนปจูนทำให้เธอจะหยิบมันมา
แต่ทว่า...
พรึ่บ!
ภาคินยกแขนขึ้นสูงมือคนตัวเล็กกำลังจะคว้าโทรศัพท์ของเขาไว้ได้
“อ๊ะ! อะไรเนี่ย ไหนคุณบอกจะให้ฉันลบเองไง”
“นั่นไง! เรียกเหมือนเดิมฉันไม่ลบให้แล้ว”
“พี่คิน~ ให้จูนลบเถอะนะคะ” เนปจูนเปลี่ยนสรรพนามทันควันพลางกระโดดคว้าโทรศัพท์จากมือของคนตัวโต
พรึ่บ!
“ตัวเธอเตี้ยจะไปหยิบถึงได้ไง”
“อ๊ะ! พี่คินให้จูนเถอะนะ อย่าแกล้งจูนเลย อื้อ!” ร่างบางกระโดดหยอง ๆ เมื่อคนตัวโตยังคงแกล้งเธอไม่หยุด
แต่ไม่ทันระวังทำให้ระหว่างที่เธอกำลังกระโดดอยู่นั้นข้อเท้าของเธอเกิดพลิกจนทำให้เสียหลักเซไปซบที่อกของเขา
“อ๊ะ...”
หมับ!
วงแขนแกร่งคว้าหมับร่างบางเอาไว้ก่อนที่เธอจะเสียหลักล้มลงไปที่พื้น ใบหน้าหวานเบ้ด้วยความเจ็บปวดเมื่อข้อเท้าของเธอพลิกจนอักเสบบวมแดง
“อึก! จะเจ็บ!”
“สมน้ำหน้า กระโดดเป็นกบเลย”
“เพราะคุณนั่นแหละ!” มือเล็กทุบที่อกแกร่งอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ หากเขาไม่แกล้งเธอก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้
“จูน...” เสียงเข้มของบุคคลที่สามเอ่ยขึ้นทางด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปยังต้นเสียงที่กำลังเดินเข้ามา
“พี่เลย์...”
“พี่นึกว่าจูนกลับไปแล้วซะอีก” เนปจูนผละออกจากการเกาะกุมของภาคินก่อนจะทรงตัวยืนให้เป็นปกติแม้ว่าภายในจะเจ็บแต่ไหนก็ตาม
“เอ่อ...”
“จูนมาทำอะไรที่นี่ มาสัมภาษณ์ไอ้นักแข่งดาวรุ่งอย่างไอ้คินเหรอ”
“เอ่อ ชะ...ใช่ค่ะ จูนมาทำงานและเดี๋ยวจะกลับแล้วค่ะ”
“ให้พี่ไปส่งนะ กลับดึก ๆ คนเดียวมันอันตราย”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เลย์จูนกลับเองได้”
“ให้พี่ไปส่งเถอะ ข้อเท้าเราเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เขาไม่อยากไปด้วยมึงจะคะยั้นคะยอทำไมนักหนาวะ” ภาคินที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
“แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย”
“จูนจะกลับกับกู!” ใบหน้าหวานหันขวับเมื่อภาคินเอ่ยออกไป
“จริงเหรอจูน จูนจะกลับกับมันเหรอ”
“เอ่อ...”
“ตอบมันไปสิ ว่าเธอจะกลับกับฉัน” มือหนาออกแรงบีบแขนคนตัวเล็กเพื่อให้เธอตอบไปเสียที
“จะ...จูน...”
“จูนไว้ใจมันได้เหรอ”
“รีบ ๆ ตอบมันไป...รูปนั้นฉันยังไม่ได้ลบมันนะ” ภาคินเอ่ยเสียงเบาที่ข้างหูของคนตัวเล็ก
“จูนจะกลับกับเขาค่ะ พี่เลย์ไม่ต้องเป็นห่วง” เธอตอบเลย์ไปในทันที เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วยังไงเธอก็ต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้เขาลบรูปพวกนั้น!
“ได้ยินชัดแล้วนะ” ภาคินยักคิ้วกวนๆ ส่งไปทำให้เลย์กำมือแน่นด้วยความโมโหจัด
“อ้อ! แมตช์เมื่อกี้กูอุตส่าห์อ่อนข้อให้มึงแล้วนะ แต่ก็ยังชนะมึงอยู่ดี โทษทีว่ะ ไว้คราวหน้ากูจะต่อให้มึงออกตัวก่อนแล้วกันนะ”
“ไอ้คิน! มึง!” เลย์ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของภาคินอย่างเหลืออด ซึ่งภาคินเองก็มองกลับอย่างไม่ลดละ
“เอาดิ ต่อยกูดิ...!”
“...ต่อยกูต่อหน้านักข่าวเลยนะถ้ามึงอยากดัง!”
“อย่าท้ากู!”
“กูไม่ได้ท้า แน่จริงมึงก็ต่อยกูดิ ถ้ามึงไม่กลัวอนาคตดับก็ต่อยกูเน้น ๆ ที่แก้มเลย!” ภาคินท้าทายกลับเขารู้ดีว่าหากข่าวหลุดออกไปเลย์จะต้องถูกพักงานจากต้นสังกัดเป็นแน่
“พะ...พี่เลย์ อย่านะคะ”
พลั่ก!
เลย์ผลักภาคินออกก้อนจะพ่นลมหายใจออกมาเพื่อระงับความโกรธที่มีอยู่ตอนนี้
“อย่าให้กูเจอมึงข้างนอก กูเล่นมึงตายแน่!” เลย์เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปในที่สุด ซึ่งคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้ภาคินเกรงกลัวเลยสักนิด
“มองอะไร” ภาคินเอ่ยเมื่อเห็นคนตัวเล็กต้องหน้าเขาไม่หยุด
“ปะ...เปล่า”
“ซุ่มซ่าม มานี่!” ภาคินส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อขัดใจกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า
พรึ่บ!
“ว้ายยย” ร่างของเนปจูนลอยเหนือพื้นเมื่อถูกวงแขนแกร่งช้อนร่างเธอไว้โดยไม่ทันตั้งตัว
“อยู่เฉย ๆ!”
“ปล่อยนะ!”
“อย่าดิ้น! เจ็บอยู่ไม่ใช่รึไง!”
“คุณก็ปล่อยฉันสิ”
“เจ็บแล้วยังอวดดีอีก ฉันจะไปส่งบอกทางมาแล้วกัน” ไม่รอให้คนตัวเล็กได้ตอบโต้อะไรกลับมาร่างสูงก้าวขาออกจากสนามแข่งรถทางประตูด้านหลัง เพื่อเลี่ยงผู้คนและนักข่าวที่อยู่ด้านนอก
หากใครมาเห็นเขามันก็ไม่ดีต่อตัวเธอเป็นแน่
ร่างสูงตรงไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดที่ลานจอดรถสำหรับนักแข่ง มือหนาเปิดประตูรถออกพร้อมกับวางร่างบางที่เบาะข้างคนขับอย่างเบามือ
“ฉันกลับเองได้ค่ะ ไม่ต้องรบกวนให้...”
“เงียบสักสิบนาทีมันจะตาย?”
“...” คนตัวเล็กเม้มปากแน่น
“นั่งอยู่เฉย ๆ ทำหน้าที่แค่บอกทางมาก็พอ”
“ค่ะ” หากเธอปฏิเสธไม่ได้เธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาสั่งโดยปริยาย เพราะสภาพร่างกายของเธอตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายเลยทั้งสิ้น
ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีภาคินก็ขับมาถึงบ้านสองชั้นในหมู่บ้านที่มีระบบความปลอดภัยแน่นหนา รถยนต์คันหรูจอดเทียบที่ด้านหน้าก่อนที่คนขับรถจะเปิดประตูและเดินอ้อมมาที่ฝั่งข้างคนขับ
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธเมื่อวงแขนแกร่งเอื้อมมาหมายจะอุ้มเธอลงจากรถ
“อวดเก่ง”
“จริง ๆ นะคะ ฉันรบกวนคุณมามากแล้ว” เธอตอบตามตรงแม้ว่าในตอนแรกจะเกรงกลัวเขาอยู่มาก แต่พออยู่ด้วยก็ถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
“พูดแบบนั้นไม่อยากให้ฉันลบภาพนั้นแล้ว?” ภาคินทวงคืนสรรพนามเมื่อได้ยินคนตัวเล็กยังคงพูดเหินห่างกับเขาอยู่
“มะ...ไม่ใช่นะคะ จูนแค่ไม่ชิน” ร่างบางก้มหน้าเมื่อลงจากรถได้สำเร็จ
Rrrrr Rrrrr
ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์มือถือของภาคินก็ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ มือหนาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกดรับสายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ว่าไงพาย...” คนตัวโตเอ่ยพร้อมกับเหล่ตามองคนตัวเล็กที่ไม่ได้มีท่าทีสนใจกับการสนทนาของเขาเลยสักนิด
“...อยู่ข้างนอก อยู่คนเดียว...อืม เดี๋ยวฉันไปหา เธอก็เตรียมตัวไว้เลย” เนปจูนทำมือบอกเนื่องจากไม่อยากเอ่ยเสียงออกไปเพราะกลัวว่าคนในสายจะได้ยิน เธออยากเข้าบ้านไปพักผ่อนแล้ว
สายตาคมแข็งกร้าวส่งมาพร้อมกับจับที่ข้อมือของเนปจูนไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้าหวานง้ำงอเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยเธอไปสักที แค่นี้เธอก็เหนื่อยจนไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว
“อืม...ฉันก็คิดถึง ไว้เจอกัน” คนตัวโตวางสายพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ไว้ดังเดิม สายตาช้อนมองคนตัวเล็กด้วยความไม่พอใจซ้ำยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของเธออีก
“จูนเข้าบ้านได้รึยังคะ เหนื่อยอยากพักแล้ว” เนปจูนเอ่ยเสียงแผ่วที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแถมยังรู้สึกปวดหนึบที่ข้อเท้าอีกด้วย
“ไม่อยากลบรูปแล้วรึไง”
“จริงสิ...” เธอลืมไปซะสนิทเลย
“...ลบได้ไหมคะ”
“อืม เอาไปลบดิ” มือหนาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองวางลงที่มือเล็กของเธออย่างง่ายดาย
“คุณไม่มี...” เนปจูนชะงักไปเมื่อเห็นสายตาดุของคนตัวโต
“...พี่ไม่มีเก็บไว้ที่อื่นแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม มีเท่านี้แหละ” ภาคินตอบตามตรง
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเมื่อกดรูปภาพทั้งหมดออก เธอส่งโทรศัพท์คืนให้กับภาคินดังเดิม
“อยู่บ้านกับใคร”
“คะ?”
“ถามว่าอยู่กับใคร”
“เอ่อ...” คนตัวเล็กนิ่งไป เธอไม่รู้จะตอบว่ายังไงเพราะมีคนแปลกหน้ากำลังถามถึงเรื่องส่วนตัวของเธออยู่ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่ยังไงแล้วเธอก็ยังเห็นเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่ควรเข้าใกล้เหมือนเดิม
หาเธอตอบว่าอยู่คนเดียวก็กลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยจากผู้ชายอันตรายอย่างเขา เธอไม่ได้ใสซื่อที่จะมองไม่ว่าคิดอะไร เขาอาจจะสนใจเธอแต่ความสนใจที่ว่านั้นเป็นเพียงแค่เล่นสนุกหรืออยากจะใช้เธอฆ่าเวลาไปก็เท่านั้น
แต่ถ้าหากตอบว่าอยู่กับแฟนอีกฝ่ายก็คงจะคิดว่าแฟนที่ว่านั้นเป็นเตอร์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอแน่ ๆ ซึ่งเธอกับเตอร์ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยแม้แต่นิดเดียว
“อยู่กับไอ้เพื่อนคนนั้น?”
“ไม่ใช่ค่ะ! อยู่คนเดียว เตอร์เป็นเพื่อนจูน แค่เพื่อนจริง ๆ ค่ะ!” เธอเลือกที่จะตอบความจริง อย่างไรแล้วเรื่องความปลอดภัยของหมู่บ้านนี้ก็ดีที่หนึ่ง การเข้าออกก็ต้องมีการสแกนบัตรทุกครั้ง คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่
“รีบตอบเหมือนร้อนตัว”
“เป็นเพื่อนกันจริง ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรเกินเลย”
“แค่เพื่อน? แต่ไอ้นั่นมันคิดกับเธอแค่เพื่อนรึเปล่า”
“เรื่องนี้จูนไม่จำเป็นต้องตอบนะคะ ถ้าพี่ไม่เชื่อจูนก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“ก็ฉัน...”
“ขอบคุณที่มาส่ง ขับรถกลับดี ๆ นะคะ” หญิงสาวตัดประโยคสนทนาก่อนจะแกะมือออกจากคนตัวโต และค่อย ๆ ประคองตัวเองเข้าไปด้านในบ้านโดยมีสายตาของภาคินจ้องมองร่างบางจนสุดสายตา
ติ้ง!
ติ้ง!
MESSAGE : PIE (2)
: พายเตรียมน้ำอุ่นไว้แล้ว
: รีบมานะคะ พายจะรอ
ภาคินยกยิ้มร้ายเมื่อได้รับข้อความ ร่างสูงเดินกลับไปที่รถของตัวเองก่อนจะออกรถไปในที่สุด ในค่ำคืนนี้เสืออย่างเขาก็ควรจะออกล่าเหยื่อมากกว่าสิ่งอื่นเป็นไหน ๆ