ตอนนี้ ฉันเหลือเงินอยู่ห้าสิบบาท ใครจะคิดว่าชีวิตมันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ ฉันต้องใช้ชีวิตต่อคนเดียวในโลกแห่งความจริง จนจริง อดอยากจริง กับเงินที่เหลือเพียงห้าสิบบาทเท่านั้น
ค่ารถเมล์สิบสอง ค่ามาม่าสิบบาท และค่าผ้าอนามัยอีกยี่สิบห้า หมดกันเงินห้าสิบของฉัน! แค่คิดว่าจะไปทำงานล้างจานขำ ๆ พลังงานที่เสียไป ยังไม่คุ้มกับเงินที่ได้เลย
แต่ก็เลือกไม่ได้ ตอนนี้จะกี่บาทก็ต้องจำใจ ฉันจึงเก็บเงินแบงก์ห้าสิบใส่กระเป๋าผ้าไว้ แล้วรวบรวมความกล้าและความหน้าด้าน ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ข้างทางแทน จนป้าที่คุ้นเคยกันชะเง้อออกมาทักทายทันที
“อ้าว หนูมะนาว เพิ่งเลิกเรียนเหรอจ๊ะ?” ป้าอุไรทักทายตามปกติ เฉกเช่นทุกวันที่ฉันเคยมาซื้อก๋วยเตี๋ยว ที่นี่ และไอ้ความคุ้นเคยนี้ ก็ทำให้ฉันมีความคิด ที่จะขอทำงานกับป้าอุไร
“ค่ะ เอ่อแต่ป้าอุไรคะ มะนาวมีเรื่องอยากรบกวน”
“เรื่องอะไรล่ะ?” ป้าอุไรถามกลับมา ขณะที่ตักน้ำซุปเสิร์ฟลูกค้าไปด้วย
“มะนาวขอทำงานด้วยได้มั้ยคะ คือมะนาวว่างน่ะค่ะ ยายก็เสียแล้ว อยู่บ้านคนเดียวก็เหงา ๆ อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ”
ฉันเลือกที่จะโกหก เพราะอายจริง ๆ ที่ต้องลำบากลำบน ของานจากร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนแบบนี้ อีกอย่างคนในพื้นที่ฉันก็รู้จักเป็นอย่างดี แค่ฉันพูดคำว่าขอทำงาน ทุกคนก็หันขวับไปซุบซิบกันแล้ว
เพราะเมื่อก่อนฉันพอมีเงิน จากที่ยายขายของชำหน้าหมู่บ้าน และฉันก็ทำอาชีพเสริมเป็น MC ตามงานต่าง ๆ แต่พอยายป่วยและหัวใจล้มเหลวเสียไป ฉันที่เรียนหนักสอบหัวหมุน ก็ไม่มีรายได้สำรองเลย แต่ยังต้องไปเรียน ยังต้องกิน ทรัพย์สินสมบัติมีแค่บ้านที่ดิน ที่แถมหนี้ก้อนโต และฉันก็จะโดนไล่ที่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เพราะป้ายปักสร้างคอนโดมิเนียมสุดหรู มันเด่นหราอยู่หน้าบ้าน จิกหัวฉันทุกวัน
“งั้นเหรอ? มะนาวจะทำได้เหรอ? เหนื่อยนะ เราเรียนหมออยู่นี่น่า ป้าว่าไปหาอย่างอื่นทำเถอะ หน้าตาก็ดี มือก็สวย พวกงานสบาย ๆ ถมเถไป”
งานสบาย ๆ อะไรล่ะคะ? พอยายฉันป่วย และฉันปฏิเสธงาน MC หลายงานเพื่ออยู่ดูแลยาย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครจ้างหรือติดต่อฉันอีกเลย
“แค่ชั่วคราวค่ะป้าอุไร นะคะ มะนาวอยู่บ้านแล้วรู้สึกหดหู่มากเลย”
ป้าอุไรมองหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนสุดท้ายจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยอมกวักทัพพีในมือเรียกฉันเข้าไปหลังรถเข็น
“อ่ะ ๆ มา ๆ งั้นล้างจานก่อนแล้วกัน”
ใช่ สุดท้ายฉันได้ล้างจาน ฉันล้างจนมือเหี่ยวตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงห้าทุ่ม ก่อนจะกลับมาถึงบ้านพร้อมก๋วยเตี๋ยวหนึ่งถุงที่ป้าอุไรให้มาฟรี ๆ
“โว้ย! ทำไมยายต้องรีบตายและทิ้งหนี้ไว้ด้วย”
มาถึงบ้าน ฉันก็ทิ้งถุงก๋วยเตี๋ยวลงโต๊ะที่มีแค่น้ำปลาหนึ่งขวด ก่อนจะนั่งท้าวคางมองรูปยายที่ยิ้มแป้น แขวนตรงผนังเซ็ง ๆ
ยายไปไม่ลาสักคำ ไม่ทันได้เตรียมใจ~ ถึงเพลงมาในหัวเป็นโจ๊กโซคูล แต่หน้าฉันที่มองรูปยายอยู่บอกบุญไม่รับ เพราะยายไปโดยที่ฉันไม่เหลืออะไรเลย จริง ๆ ของชำที่มีก็เป็นระบบหมุนเวียน ไม่มีเงินผ่อนจ่าย ร้านค้าส่งก็มาหยึดไปหมดแล้ว แถมบ้านหลังนี้ก็เป็นหนี้ก้อนโต กำลังจะถูกยึดอีก! ฉันเนี่ย นับวันหาที่ซุกหัวนอนใหม่เลย
‘ครืน... ครืน...’
เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าผ้าสั่น ฉันก็ละสายตาจากรูปยาย แล้วหยิบมันขึ้นมารับทันที
ซึ่งสายนี้ ไม่ใช่สายของเจ้าหนี้แต่อย่างใด แต่เป็นสายของ อันติง เพื่อนสนิทของฉันเอง ซึ่งชีวิตเธอต่างกับฉันราวกับฟ้ากับเหว เธอเป็นถึงลูกเจ้าของสายการบินชื่อดัง และโรงพยาบาลเอกชนหลายสาขา สวย สดใส ร่าเริง แต่นังมะนาวคนนี้ทั้งจนและขี้ริ้วขี้เหร่ ฉันล่ะอยากจะย่อถอนสายบัวจริง ๆ ที่เธอผู้นี้ยอมคบฉันเป็นเพื่อน
Incoming Call | AUNTING
“ไงแก”
(ทำอะไรอยู่ กินข้าวรึยัง?) ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วเหลือบมองถุงก๋วยเตี๋ยวไก่ที่ได้มาฟรีอย่างเอือมระอา
“อืม กำลังจะแกะก๋วยเตี๋ยวไก่พอดี”
(ก๋วยเตี๋ยวไก่ทุกวัน สลับกับมาม่า ถามจริงนะ แกไม่เบื่อบ้างเหรอ?)
“เบื่อมาก แต่จะให้ฉันทำยังไง? ยายไม่อยู่ทำกับข้าวแล้ว และฉันก็ไม่มีเงินแล้วด้วย”
(เฮ้อ... ฉันบอกแล้วไง ให้ย้ายมาอยู่บ้านฉัน ฉันเปย์แกเอง แลกกับการที่แกเป็นเพื่อนฉันอยู่ นะ ๆ มาอยู่ด้วยกัน)
“นี่ยัยเพื่อนบ้า ฉันไม่อยากใช้เงินแกหรอกนะ หยุดเสนอเงินแลกกับความเป็นเพื่อนสักที”
ฉันเอ็ดอันติงไป เพราะเมื่อไหร่ที่เธอยื่นมือเข้ามาช่วย ฉันก็จะโดนเพื่อนในคณะด่าเสียดสีบ่อย ๆ ว่าฉันเกาะอันติงกิน คบกับเธอเพื่อเงิน!
(แล้วให้ฉันเสนออะไร ตั้งแต่ยายแกเสียไป แกก็เอาแต่อมทุกข์บ่นว่าไม่มีเงิน ฉันห่วงแกนะมะนาว)
“ห่วงฉัน ก็หาผัวรวย ๆ ให้ฉันสิ ฉันไม่ใช้เงินเพื่อน แต่ถ้าเงินผู้ชายไม่เกี่ยง”
(ฮ่า ๆ เอาแบบนั้นเหรอ? เดี๋ยวฉันจะส่อง ๆ ให้นะ เอาแบบไหนดี แกอยากได้ออฟชั่นแบบไหนว่ามาเลย)
“เอาแบบชั่วคราว ส่งแค่ฉันเรียนก็พอ เพราะถ้าฉันเป็นแพทย์หญิงเมื่อไหร่ ฉันจะ โนสนโนแคร์ เทเมื่อนั้น”
(มะนาวผู้ใจร้าย อยากได้แบบนี้ฉันจะไปหาที่ไหนให้ล่ะย๊ะ!)
“ก็นั่นไง แกช่วยฉันไม่ได้หรอกน่า ปล่อยให้ฉันจัดการเองเถอะ”
(แกจะจัดการยังไง หางานทำเหรอ? มาทำงานกับฉันมั้ย)
“ไม่ ๆ ฉันไม่รบกวนแกหรอกอันติง เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนนะ ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉันอืดหมดแล้ว”
(โอเค กินให้อร่อย)
แล้วฉันก็รีบวางสาย หันมาเทก๋วยเตี๋ยวไก่โซ้ยเสียงดัง วันนี้ได้มาแค่สามร้อยห้าสิบบาท ข้าวที่โรงอาหารมหาลัย ค่าน้ำค่ารถก็หมดแล้ว แล้ววันอื่น ๆ ล่ะจะเอาอะไรกิน
‘กึก กึก กึก’ ฉันนั่งคิดและจิ้มตะเกียบไม้ลงถ้วยพลาสติก เหลือบมองรูปยายที เหลือบมองรอบ ๆ บ้านที ก่อนที่จะหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่หลังทีวีจอไม่กี่นิ้วเก่า ๆ ของยาย
กระดาษสีขาว แปะด้วยเทปใส? ของใคร? โพยหวยใต้ดินของยายเหรอ? ฉันจึงตัดสินใจวางตะเกียบ และลุกขึ้นเดินไปแกะเทปใส หวังว่าหลังกระดาษสีขาว จะเป็นบัตรเอทีเอ็มพร้อมรหัสผ่าน หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันรอดชีวิต
เพราะนี่ยายก็เสียมาจะสามเดือนแล้ว ทางธนาคารหรือประกันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย และฉันก็ไม่สามารถทำงานหนัก ๆ ส่งตัวเองเรียนได้ เพราะยิ่งปีสูง ฉันยิ่งเรียนแบบฮาร์ดคอ ไหนจะขึ้นวอร์ด Extern ที่โรงพยาบาลและสรุปรายงานส่งอาจารย์อีก
กระดาษแผ่นนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง ต้องมีแน่ ๆ ขอให้เป็นเงินก้อนโตที่ยายเก็บไว้ให้ด้วยเถอะ
‘แคว้ก…’
ฉันดึงเทปใสออก แล้วหยิบกระดาษออกมาคลี่อย่างเบามือ ในนั้นมีการ์ดหรือนามบัตรสีเทา และหลังกระดาษขาว ก็มีลายมือยายอยู่
ถึง มะนาวหลานสาวสุดที่รัก
บ้านหลังนี้ไม่ได้ถูกยึดโดยธนาคาร แต่ยายขายให้นายหน้าที่มากวาดซื้อที่ดินให้นายทุนใหญ่ไปแล้ว ยายถูกขู่ และถูกกดดันมาหลายปี แถมเป็นหนี้หวย ยายจึงต้องขาย ส่วนเงินที่ได้… ยายซื้อหวยหมดแล้วจ้ะ รัก
ซื้อ หวย หมดแล้ว! ฉันกัดฟันกรามกรอด หยิบนามบัตรสีเทาอ่อนขึ้นมาอ่านทันที ก่อนที่จะพลิกหลัง นามบัตรดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าชื่อมันไม่น่าจะใช่นายทุน หรือนายหน้าที่ดินที่ไหน มันเป็นชื่อ เจ๊จิ๋ม หวยใต้ดิน และหลังนามบัตร ยังมีลายมือยายอีก
ยายยังเหลือหนี้อีกสามแสน จ่ายให้ยายด้วย ส่วนอีกสองแสนนอกระบบ บัตรส่งดอกอยู่ที่หัวเตียงของยาย รัก...
อ่านจบ ฉันทรุดนั่งลงที่พื้นทันที ก่อนที่จะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ ในสมองมีเรื่องวนเวียนในหัวมากมาย เงินไม่มีใช้บ้านจะไม่มีอยู่ แถมเป็นหนี้อีกห้าแสน!
ก่อนหน้านี้ที่ยายป่วยออด ๆ แอด ๆ ฉันก็กู้เงินมารักษายายแล้ว ผ่อนด้วยกยศ. ผ่อนด้วยการเป็น MC ที่นาน ๆ ทีได้งานมาบ้าง
แต่นี่ยาย... ยังมีหนี้อีกเหรอ? แล้วฉันจะหาเงินใช้หนี้ยังไงไหว? ฉันยังต้องใช้เงินเรียน ต้องกิน ต้องใช้ อีกเยอะเลยนะ