มือหนาของหม่อมหลวงหนุ่มกำลังไล่ติดกระดุมเสื้ออยู่หน้ากระจกในห้องนอน ขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงดังแว่วขึ้นมา ซึ่งคงจะเป็นเสียงหัวเราะของใครไปเสียไม่ได้ ถ้าไม่ใช่หนูปลาของเขานั่นเอง
หลังติดกระดุมไม่กี่เม็ดเสร็จ หม่อมหลวงหนุ่มก็รีบเสยผมที่ตกระตามคิ้วเข้มขึ้นอย่างลวก ๆ วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมันเซ็ตผมให้เรียบร้อยดูสุภาพแต่อย่างใด
พอจัดการกับทรงผมและเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ขายาว ๆ ก็รีบก้าวไปตามที่มาของเสียงหัวเราะตรงหน้าต่างของห้องนอน มือหนาตวัดผ้าม่านออก ทอดสายตาผ่านหน้าต่างของห้องนอนมองลงไปด้านล่าง จึงเห็นหนูปลาและคุณอาสาวแสนสวยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนพื้นสนามหญ้าที่สวนของดอกไม้ สวนที่มารดาของเขาเคยจัดการให้คนนำดอกไม้ต่าง ๆ มาปลูกไว้นั่นเอง
ริมฝีปากหยักนั้นได้กดรอยยิ้มอันน่ามองลงไปตรงมุมปาก ยามเห็นหล่อนและหลานสาวตัวน้อยเคลื่อนไหวไปมาอย่างมีอิสระเสรี พร้อมกับประสานเสียงหัวเราะกันแต่เช้า คนหนึ่งไล่ อีกคนก็เป็นผู้โดนไล่จับ ดูร่าเริงพอ ๆ กันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ช่างเป็นภาพที่ให้ความอภิรมย์แก่เขาเสียจริงในเช้าวันนี้
นานแล้ว...ที่วังนี้ได้ปราศจากรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเช่นนี้ จึงทำให้เวลามีใครเดินผ่านไปมาก็ต้องเผลอมองหล่อนและหนูปลา และต้องส่งยิ้มออกมาตาม ๆ กัน
คชาธารที่อยู่ชุดลำลองสบาย ๆ ด้วยเสื้อโปโลสีกรมสลับขาวและกางเกงแสลคสีขาว ใบหน้าหล่อเหลายังมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับตรงมุมปากยามเฝ้าดูคุณอาคนสวยของหนูปลา ...
'ปานยิหวา' ชื่อของหล่อนนั้นจับใจเขาตั้งแต่ยังไม่พบหน้ากันเลยทีเดียว
ยิหวา...นั้นหมายถึง ดวงชีวิต ดวงใจ
ปานยิหวาจึงหมายถึง ปานชีวิต ปานดวงใจ...
เขายังจดจำรายละเอียดของหล่อนในยามที่พบกันเป็นครั้งแรกที่บ้านหลังนั้นได้ หล่อนมีผมยาวประบ่า เส้นผมไม่ได้สีดำขลับหากแต่เป็นสีน้ำตาลเข้มที่ตัดกับผิวแก้มเนียนละเอียด ดวงตาหล่อนมีสีน้ำตาลอ่อน โดยมีขนตาเป็นแพงอนล้อมกรอบเอาไว้ทำให้ดูหวานซึ้ง อีกทั้งจมูกโด่งเป็นสันนั้นก็รับกับริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ...
ปานยิหวาจึงถือว่าเป็นหญิงสาวที่มีความสะสวย ทำให้แรกพบก็ให้เกิดความสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น ซึ่งก็รวมถึงเขาด้วย และหม่อมหลวงหนุ่มคิดว่านอกจากหล่อนจะเป็นคนสวยแล้ว หล่อนน่าจะมีดีมากกว่านั้นซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าเขายังไม่รู้เท่านั้นเองว่าหล่อนเป็นใคร และทำอะไรอยู่ นอกจากจะเป็นเพียงสาวชาวไร่ชาวสวนอย่างทนายความของเขาเคยบอกเอาไว้
'ดูคุณหวามีความกังวลใจเหมือนกันนะครับ ที่จะให้ผมไปส่ง สุดท้ายคุณหวาก็ยอมบอกว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่ที่แรก...คุณหวาไม่ให้ผมขับเข้าไปส่งถึงที่ครับ'
คำพูดช่วงหนึ่งที่เนียมได้บอกเอาไว้เมื่อคืนที่แล้วยังคงทิ้งปริศนาไว้ให้กับเขา แล้วหล่อนไปทำอะไรแถวนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามขึ้นมาจริงเชียว
.
"อาหวาขาดูผีเสื้อนี้สิคะ ส้วย สวยค่า"
เด็กน้อยหยุดวิ่งขึ้นมาทันที ยามเห็นผีเสื้อตัวสวยบินฉวัดเฉวียนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันกลับไปกวักมือน้อย ๆ เรียกคุณอาสาวให้รีบตามมา "อาหวาขา มาทางนี้ค่า หนูปลาจะจับผีเสื้อตัวนี้ให้"
จากนั้นจึงออกวิ่งนำหน้าไล่ตามผีเสื้อตัวหนึ่งที่ยินโฉบไปโฉบมาอยู่เหนือช่อดอกไม้ที่บานสลอนกันเป็นทิวแถวตรงนั้น โดยมีเสียงร้องอย่างเป็นห่วงของคุณอาดังตามมาด้วย
"ระวังนะหนูปลา! อย่าวิ่งเร็วเดี๋ยวจะหกล้ม!"
เอ่ยอย่างเป็นห่วงไม่ทันขาดคำดี หล่อนก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นส้มผลหนึ่งถูกปาลงมาบนพื้น ซึ่งห่างจากปลายเท้าคู่เล็ก ๆ ของหนูปลาไปเล็กน้อย หนูปลาชะงัก เจ้าตัวเล็กหันมามองหน้าคุณอาด้วยความงุนงง ปานยิหวาเองก็แปลกใจ จึงเงยใบหน้าขึ้นไปตามทิศที่มาของส้มผลนั้น แล้วสายตาหล่อนจึงปะทะเข้ากับหน้าต่างห้องหนึ่งที่มีผ้าม่านแง้มเล็กน้อย ปานยิหวาจึงทันเห็นเสี้ยวใบหน้างามอันบูดบึ้งของใครบางคนตรงนั้นด้วย...ใครที่หล่อนยังไม่พบหน้า
หรือจะเป็นคุณเพียงดาว!
ไม่มีเวลาให้คิด ส้มอีกผลกำลังลอยละลิ่วพุ่งผ่านอากาศมาที่ตัวหลานรักอีก ปานยิหวาจึงรีบพุ่งไปคว้าตัวหลานตัวน้อยมากอด และพลิกแผ่นหลังให้เป็นกำบังแทน ส้มผลที่สองจึงกระแทกลงที่หลังของหล่อนอย่างแรง
"โอ๊ย!" ใบหน้างามนิ่วลง แม้ส้มจะมีความนุ่มไม่แข็งอย่างผลไม้ที่มีเปลือกแข็ง แต่ยามถูกปาลงมาอย่างแรงก็ทำให้หล่อนทั้งเจ็บ และจุกตรงแผ่นหลังบาง ๆ ได้ทีเดียว
หญิงสาวสะบัดใบหน้าขึ้นไปมองอีก เห็นส้มผลที่สามกำลังลอยละลิ่วลงมาติด ๆ กัน หล่อนหันกลับมากลั้นใจและหลับตาลง รวบลำตัวหลานสาวเอาไว้แน่นกลัวว่าผลส้มจะโดนตัวหนูปลาเข้า ทั้งที่ความจริงก็ส้มผลนั้นก็จะกระแทกลงมาที่ลำตัวหล่อนน่ะแหละ
ตัวหล่อนจะเจ็บไม่ว่า ขอให้ไม่โดนหลานหล่อนก็พอ ทว่า...
ปานยิหวารู้สึกว่ามีเงาใครบางคนพุ่งมาทางหล่อนอย่างเร็ว พร้อมกับรีบโอบตัวหล่อนและหนูปลาเอาไว้ได้ทัน ส้มผลที่สาม จึงกระแทกลงที่ลำตัวของเขาแทน
หญิงสาวลืมตาขึ้น หันกลับไปมอง ใบหน้าของเขากำลังทอดสายตามองหล่อนและหลานสาวอย่างเป็นห่วง เขาผละออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปส่งสายตาแห่งความไม่พอใจไปยังหน้าต่างของห้องนอนนั้น
เหมือนเจ้าของห้องนอนนั้นจะเห็นว่าเป็นคชาธารกำลังเอาตัวเป็นกำบัง และเขาก็ได้ทอดสายตาไม่พอใจมองตอบอยู่ เจ้าตัวจึงตวัดผ้าม่านลง แล้วเร้นกายหายเข้าไปในห้องนอนเสีย
คชาธารหันกลับมามองคนทั้งสองตรงหน้า ถามด้วยความน้ำเสียงอ่อนโยน เป็นห่วงอีกว่า "โดนตรงไหนบ้าง หนูปลาล่ะเจ็บมั้ย"
ปานยิหวาสายหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "ไม่ค่ะ หนูปลาไม่โดน แต่ฉัน..." หล่อนกล่าว พลางป้ายมือไปลูบแผ่นหลังตัวเองด้วย สายตาเขาทอแสงอ่อนลงอย่างเป็นห่วงและขอโทษแทน
หญิงสาวมองตอบเขา พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงที่เครียดทีเดียว "ถ้าโดนตัวฉันไม่ว่า แต่ถ้าหากโดนหนูปลา ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ!" ตอบด้วยความโกรธกรุ่น เพื่อให้เขาสัมผัสได้ว่า หากหล่อนเป็นเจ้าของที่นี่ หล่อนจะไม่รีรออยู่ตรงนี้กับการกระทำเมื่อครู่นี้เด็ดขาด!
หม่อมหลวงหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาลุกไปหยิบเอาส้มผลหนึ่งที่หล่นใกล้ ๆ มาถือ หันกลับมาเค้นน้ำเสียงเข้มเช่นเดียวกัน "ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน!"
แล้วเขาก็ผละจากหญิงสาวและหนูปลา จากนั้นก็วิ่งหายเข้าไปในตัวตึก ไม่ต้องบอกหรอกว่าเขากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ใด
ปานยิหวาดึงหนูปลาขึ้นมาสำรวจตัวอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าหลานรักปลอดภัยดีก็ตาม ครั้นแน่ใจแล้ว จึงเอ่ยว่า
"หนูปลา เราไปเล่นกันที่อื่นดีกว่า แถวนี้...เขาคงไม่ชอบให้ใครมาส่งเสียงดัง" ว่าแล้วก็จูงมือหลานรักไปที่อื่นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
.
คชาธารกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นบันได และได้สวนทางกับระตีที่กำลังเดินลงบันไดมาเช่นกัน อีกฝ่ายดูชะงักไปเล็กน้อยที่ได้เห็นใบหน้าอันเคร่งเครียดของชายหนุ่ม แถมแววตาทั้งคู่ก็ดูก้าวร้าวขึ้นด้วย ยามลดสายตามองมือข้างหนึ่งของเขาก็ถือส้มผลหนึ่งเอาไว้แน่น แน่น...จนแทบจะเรียกว่าจะบีบมันให้แหลกคามือหนาไปเลยก็ได้
ทั้งสองหยุดเดินเมื่อพบกันตรงกลางระหว่างทาง เป็นระตีที่รีบถามขึ้นก่อน
"มีอะไร ตาช้าง" ถามด้วยลางสังหรณ์ใจไม่ดี
"ผมจะเอาของนี่ไปคืนพี่ดาว"
"คืน คืนทำไม!"
คชารหลบสายตาหนีเพื่อระงับความไม่พอใจนิด ก่อนจะตอบ "ยิหวาพาหนูปลาไปวิ่งเล่นที่สวนทางด้านนั้น" เขาเล่าแล้วชี้ไปยังตำแหน่งที่เกิดเรื่องขึ้น "...พี่ดาวปาส้มพวกนี้ลงมาจากห้องนอน เกือบจะโดนตัวหนูปลาเข้า หากยิหวาช่วยไม่ทัน และถ้าหาก...ผมไปไม่ทัน ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรถูกปาลงมาจากห้องนอนของพี่ดาวอีก"
ระตีดูมีสีหน้าจืดเจื่อนขึ้นมาทันทียามรับฟังเรื่องราวจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า
คชาธารเบือนใบหน้าอันเคร่งขรึมกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยว่า "ผมเจอคุณน้าตรงนี้ก็ดีแล้ว ถ้าคุณน้าไม่ขึ้นไปพูดกับพี่ดาว ผมจะขอไปพูดกับพี่ดาวเอง!"
ระตีมีสีหน้าไม่สบายใจ มองส้มตรงหน้าที่เขาถือให้ดู แล้วจึงรีบเอ่ยอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
"ได้ ได้เดี๋ยวน้าจะไปพูดกับดาวให้"
คชาธารถอนหายใจ พร้อมกับยื่นส้มผลนั้นให้ระตี แต่ระตีไม่รับ เจ้าตัวทอดสายตามองมันแวบเดียวก็รีบสะบัดตัวเดินกลับขึ้นบันไดไปทันที โดยมีที่หมายปลายทางก็คือ ห้องนอนของเพียงดาว!
.