บทที่(((1))) /50

2071 Words
...กล่าวถึงแผ่นดินฉงชิ่ง รัชสมัยขององค์จักรพรรดิเฉินกวงตี้ ปีที่9... ห้องใต้ดินของจวนสกุลเซียว ขวับ... “อ๊าก!” ขวับ... “อ๊าก...เจ้าคนแซ่เซียวกล้าดีอย่างไรจึงกุมตัวข้ามาลงโทษโดยไร้หลักฐานเช่นนี้” ขวับ.... “อ๊าก...เจ้าคนชั่วช้าอย่าให้ข้าหลุดพ้นไปได้ทีเดียวสกุลเซียวของเจ้าล่มสลายแน่เจ้าพญายมแซ่เซียว!” ขวับ... เสียงร้อยโหยหวน เสียงด่าทอ สลับกับเสียงแส้ถูกสะบัดบาดลงสู่เนื้อหนังของมนุษย์กับคำด่าทอดังก้องในราตรีเดือนอับแสงท่ามกลางฤดูหนาวของเมืองหย่งเล่อเมืองหลวงของอาณาจักรฉงชิ่ง "ใต้เท้าเซียวจะมิออมมือสักหน่อยหรือขอรับ" เสวี่ยจางหลินรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์พยัคฆ์ทมิฬที่ยืนดูชมสารพัดวิธี'รีดเค้น'เอาความจริงของผู้เป็นนายผ่านมาร่วมครึ่งชั่วยามอดจะหวาดเกรงว่านักโทษจะมิอาจทานทนต่อไปได้นานผ่านพ้นค่ำคืนนี้ก็จะตายตกไปเสียก่อนที่จะได้ความจริง "ท่านใต้เท้าเยี่ยเขายังมิหวาดเกรงเลยเจ้าจะเดือดร้อนแทนเขาไปไยเล่าจางหลินใช่หรือไม่ใต้เท้าเยี่ย..." บุรุษหนุ่มในวัยยี่สิบแปดหนาวผู้อยู่ในอาภรณ์สีม่วงเข้มซึ่งกำลังยืนหันหลังให้แก่บานประตูห้อง ‘พิเศษ’ ของจวนสกุลเซียวและผู้นำตระกูลรุ่นที่หกก็คือใต้เท้าเซียว ‘เซียวซานหลาง’ หรือเจ้าของสมยานามว่า 'พญายมเซียวแห่งฉงชิ่ง' บุตรชายเพียงหนึ่งเดียวของอัครมหาเสนาบดี ‘เซียวตงหลาน’ และองค์หญิง ‘อู๋หลิงอี้’ แห่งดินแดนอาณาจักรหูเจี้ยน ปัจจุบันเขาเองนั้นยังดำรงตำแหน่งผู้บังคับการหน่วยพยัคฆ์ทมิฬซึ่งขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิเฉากวงตี้ หรือพระนามเดิมว่า ‘หลี่อี้เหริน’ เจ้าของนามระบือว่านั้นคือองค์จักรพรรดิ 'จอมมารหน้าหยก'ทำหน้าที่เป็นทั้งหัวหน้าของทหารฝ่ายรักษาพระองค์เหล่าเชื้อพระวงศ์และต้องคอยรับคำสั่ง 'ลับ'จากองค์จักรพรรดิทุกสิ่งมีอำนาจสิทธิ์ขาดเป็นรองก็แค่เพียงองค์จักรพรรดิใต้เท้าเซียวผู้นี้นั้นสามารถลงมือ ‘ฆ่า’ แล้วจึงถวายรายงานทีหลังได้เสมอหากว่าเขาเห็นสมควร อีกทั้งยังมีกำลังพลในกำมือทั้งทหารรักษาพระองค์และองครักษ์ฝีมือฉกาจอยู่ถึงห้าหมื่นนาย หากมิผู้ใดมิแน่ใจแล้วละก็อย่าได้คิดต่อกรแก่พญายมเซียวผู้นี้เลย.... ทว่าบุคคลภายนอกทั่วไปนั้นราวเจ็ดสวนมิอาจทราบถึงที่มาของอำนาจแสนมากล้นมือกว่าเหล่าอ๋องผู้ครองแคว้นทั้งสิบสี่ภายใต้การปกครองแห่งองค์จักรพรรดิเฉากวงตี้นั้นเป็นเพราะว่าเมื่อครั้งบุกเบิกรวบรวมแผ่นดินฉงชิ่งให้เป็นปึกแผ่นดังเช่นทุกวันนี้นั้นก็คือ.... ด้วยว่าต้นตระกูลเซียวนั้นร่วมก่อตั้งและคงรากฐานของราชวงศ์หลี่จนเป็นปึกแผ่นมั่นคงช่วยรวบรวมแคว้นทั้งได้ถึงเก้าแคว้นให้มาอยู่ใต้อาณัติหมดจด หากแต่ผู้นำต้นตระกูลเซียวในยามนั้นกลับมิเคยเรียกร้องเอายศซึ่งสมควรจะได้เป็นถึงอ๋องผู้ครองแคว้น หากแต่กลับยินดีเป็นเพียงขุนนางเรื่อยมานับจนถึงรุ่นของเซียวซานหลางนั้นก็ผ่านมาเก้าชั่วอายุคนแล้ว และยังมีประการที่สองก็คือมารดาขององค์จักรพรรดิหลี่อี้เหรินและเซียวซานหลางต่างเป็นพี่และน้องซึ่งถือกำเนิดมาแต่พระบิดาและพระมารดาผู้เดียวกัน ดังนั้นตั้งแต่เริ่มจำความได้ทั้งเซียวซานหลางที่มีอายุน้อยกว่าองค์จักรพรรดิเฉินกวงตี้อยู่สามหนาวล้วนกินนอน ฝึกทั้งวรยุทธ์และหรือแม้แต่การศึกษาก็ยังเป็นอาจารย์ผู้เดียวกัน ความวางใจทั้งสิ้นในรุ่นของเขาจากองค์จักรพรรดิเฉินกวงตี้จึงมากมายประดุจดังกับว่าเซียวซานหลางคือดวงตาข้างซ้ายจนกล่าวได้ว่าคำอันพี่น้องสายเลือดแท้ยังมิอาจวางใจได้เทียบเทียมพญายมเซียวผู้นี้เลย เช่นนี้เองจึงมิแปลกเลยที่รุ่นที่สิบของตระกูลเซียวจะมากมีอำนาจกว่าอ๋องทั้งสิบสี่แคว้น.... มือเรียวยาวค่อยๆ วางแส้ลงมิเร่งร้อน จากนั้นผู้บังคับการหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแห่งฉงชิ่งก็บรรจงเลือกเครื่องมือ'รีดเค้น'ชิ้นใหม่ด้วยกิริยาบรรจงยิ่งนัก "เช่นนี้เถิดจางหลินเจ้าจงถอดเล็บเขาออกให้หมดทุกนิ้วเถิดเปิ่นกวนเหนื่อยแล้วจะพักดื่มชาสักครู่ก่อน" เมื่อเลือกอยู่พักหนึ่ง ก็คล้ายกับเซียวซานหลางเพิ่งจะนึกถึงบางสิ่งออก เช่นนี้เขาจึงคิดส่งต่อให้คนสนิทลงมือแทนส่วนตนเองเดินหลีกไปล้างมือก่อนจะขยับไปทรุดนั่งยังโต๊ะมุมห้องเสียแทน ถ้วยน้ำชาถูกหงายขึ้น ขณะกำลังจะริน เสียงฝีเท้าคุ้นหูก็ใกล้เข้ามา "ท่านเป็นเห็บสุนัขหรือฝ่าบาท จึงคอยแต่จะเกาะติดกระหม่อมมิหลุดเช่นนี้" นานครั้งใบหน้าเรียบเฉยจะเผยอารมณ์ให้เห็นสักคราวเห็นเช่นนั้นหลี่อี้เหรินก็คาดเดาได้ว่าผู้มีศักดิ์เป็นลูกผู้น้องต่างบิดามารดาคงมิได้หลับได้นอนมาหลายวันเป็นแน่จึงดูฉุนเฉียวเช่นนี้ "ก็ถ้าใต้เท้าเซียวยินดีจะเป็นสุนัขอันตัวของเจิ้นนั้นก็มิเกรงใจที่จะเป็นเห็บของสุนัขของใต้เท้าเซียวเช่นกัน ว่าแต่อรุณรุ่งพรุ่งนี้เจ้าก็จะต้องเข้าพิธีวิวาห์แล้วเหตุไฉนจึงมิพักผ่อนให้มากสักหน่อยเรื่องทรมานคนเช่นไรก็ยังมีจางหลิน กับซางไห่มิใช่หรือหากคืนเข้าหอใต้เท้าเซียวผู้หล่อเหล่าสิ้นแรงจนได้ขายหน้าให้แก่คุณหนูใหญ่ของสกุลไป๋จะมาโทษว่าเจิ้นนั้นเป็นผู้แล้งน้ำใจมิตักเตือนญาติผู้น้องเช่นเจ้าหามิได้เชียวหนาเจ้าพญายมเซียว" กล่าวจบเขาก็ทรุดกายลงนั่งฝั่งตรงข้าม พลันนั้นองค์ฮ่องเต้วัยสามสิบเอ็ดหนาวก็ได้ยินเสียง"หึ! "ลอยมาเข้าหูได้อย่างแจ่มชัดยิ่งนัก.... "ว่าแต่พญายมเซียวเจ้าเค้นเอาความจริงแก่เขามาสามวันกับอีกสองคืนมิได้หลับได้นอน ยังจะทำต่อหรือมันดูจะไร้ประโยชน์มากไปหรือไม่เล่า" เมื่อน้ำชาถูกรินจนเต็มถ้วยบุรุษใบหน้าขาวก็ฉวยมาดื่มหน้าตาเฉยมิมีท่าทีเกรงใจเลยสักน้อย เซียวซานหลางมิได้ว่ากระไรทำเพียงหงายถ้วยใหม่ขึ้นมาอีกใบเพียงเท่านั้น "จะมีประโยชน์หรือไม่ฝ่าบาทก็มิต้องว้าวุ่นใจไปหรอก ทรงทำหน้าที่แห่งตนให้สนุกสนานต่อไปเถิด ส่วนเรื่องแล่เนื้อป่นกระดูกคนเอาไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองคนเดียวก็เพียงพอแล้วพระองค์แค่คอยปั้นหน้าเป็นองค์จักรพรรดิหน้าหยกผู้สูงส่งมือสะอาดใจมากมีคุณธรรมนั้นสมควรยิ่งแล้วอย่าได้มาวุ่นวายกับอันภารกิจเปื้อนเลือดเหล่านี้จะดีกว่ามิสมควร...หาได้สมควรเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" บุรุษผู้อ่อนวัยกว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงมิได้สื่ออารมณ์ใดทั้งสิ้นก่อนจะยกถ้วยน้ำชาอุ่นขึ้นจิบเนิบช้าอย่างเย็นใจ "คล้ายใต้เท้าเซียวกำลังตำหนิว่าตัวเจิ้นนั้นช่างไร้ความสามารถอยู่ใช่หรือไม่เล่า" หากเป็นผู้อื่นที่ได้ยินประโยคนี้คงลนลานกลัวตายจนแทบสิ้นสติไปแล้วทว่าเซียวซานหลาง กลับมิได้หวั่นไหวร้อนใจแม้แต่น้อย "เหตุใดต้องตำหนิฝ่าบาทกันเล่า กระหม่อมเพียงชี้แจงถึงหน้าที่ของแต่ละคน ฝ่าบาทก็มีหน้าที่อีกอย่างส่วนกระหม่อมนั้นก็มีอีกหน้าที่เราต่างต้องรับผิดชอบจะให้ใครทำแทนใครคงยากยิ่งจะทดแทนกันได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ " ผู้ถูกเรียกขานว่าใต้เท้าเซียวยังคงเอ่ยเรียบเรื่อย ซึ่งทุกคำเขานั้นกล่าวก็หมายความว่าทุกสิ่งจริงจังดังนั้นทั้งสิ้นมิได้ปั้นแต่งเพราะเช่นไรงานเหล่านี้ล้วนมิอาจให้เปื้อนมือขององค์จักรพรรดิได้ มีเพียงเขาที่ยินดีเป็นคนชั่วร้ายเลวทรามเพื่อดำรงไว้ซึ่งรากฐานอันมั่นคงของราชบัลลังก์สืบต่อไปจนตัวของเขาเองสิ้นอายุขัยในท้ายที่สุด "ที่ใต้เท้าเซียวกล่าวมานั้นล้วนถูกต้องจริงแท้ เพราะให้เจิ้นมาเชือดเนื้อป่นกระดูกคนเช่นเจ้าเจิ้นยอมรับว่าคงยากจะทำได้" พูดมาถึงตรงนี้หลี่อี้เหรินก็อดจะมองดูนักโทษที่กำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะถูกเสวี่ยจางหลินลงมือถอดเล็บด้วยสายตาสยดสยองเสียมิได้ คงมีเพียงพญายมเซียวแห่งหน่วยพยัคฆฺ์ทมิฬของฉงชิ่งที่มีใบหน้านิ่งไร้อารมณ์เฉกเช่นนี้ได้เท่านั้นซึ่งยังคงนั่งใจเย็นดื่มด่ำน้ำชาดีคลอเคล้าเสียงโหยหวนกับกลิ่นคาวเลือดกำจายซ่านเช่นนี้ได้เป็นหลายคืนหลายวันเช่นนี้ เพราะหากเป็นเขาแล้วละก็เพียงนั่งอยู่ที่นี่นานเกินชั่วยามอาจตระหนกจนผมบนศีรษะหลุดร่วงจนสิ้นเสียเป็นแน่ซึ่งเขาหาทนให้ตนเองมีสภาพเลวร้ายเช่นนั้นมิลงหรอก... "ฝ่าบาท...ใต้เท้าเราได้คนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หลิวซางไห่เข้ามารายงานหลังจากหายไปสองวันเต็ม "ดี! ...เร่งนำเข้ามา" ใบหน้าไร้อารมณ์ซึ่งบัดนี้คล้ายดูง่วงงุนอยู่เป็นนิจค่อยดูเหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่อดทนรอค่อยลุล่วงสมดังตั้งใจมุ่งหมายเสียที "นี่ใต้เท้าเซียวจะ'ลงมือ'อีกแล้วหรือ" เซียวซานหลางมิได้ตอบคำอันใดอีกขยับกายลุกขึ้นแล้วเพียงชายหางตาชำเลืองมองใบหน้าขาวคมเล็กน้อยแล้วจากจึงเมินหันไปสนใจกับ ร่างที่กำลังดิ้นรนราวสิ้นใจนั้นเสียแทน "ข้าจะให้โอกาสท่านเป็นครั้งสุดท้าย...ใต้เท้าเยี่ย..." กายสูงขยับจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขณะที่ปากก็เอ่ยคำกับผู้ซึ่งกำลังทุกข์ทรมานอยู่บนเก้าอี้ที่เสวี่ยจางหลินเพิ่งเสร็จสิ้นการถอดเล็บยังนิ้วมืออวบอ้วนทั้งสิบของชายวัยปลาย40หนาวนามเยี่ยหูชงซึ่งเป็นทายาทสายรองของสกุลเยี่ย ตำแหน่งของเท้าคือผู้ช่วยต้าซือหนง ทว่าเบื้องลึกลงไปกลับมีบางอย่างซุกซ่อนมากกว่าเป็นเพียงขุนนางผู้คอยดูแลยุ้งฉางหลวง "เจ้าเดรัจฉานชั่วช้าจงเอาชีวิตข้าไปเลยสิข้ามิมีอันใดให้เจ้าสมหวังหรอก! " เขาเริ่มดูคล้ายผู้มีสภาพใกล้สิ้นใจ มองบุรุษในอาภรณ์สีม่วงเข้มด้วยความชิงชังเหลือแสน "บอกไปแล้วว่าเปิ่นกวนยินดีให้โอกาสแก่ใต้เท้าเยี่ยได้คิด'ทบทวน'ใหม่ว่าจะตอบได้หรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษแก่องค์ไทเฮาในคราวนี้" ใบหน้าหล่อเหล่าคงยิ่งมากมายหากเขาจะมิมีอารมณ์เดียวที่แสดงออกมาเพียงเท่านั้น "ท่านพ่อ! " "ท่านพี่! " สองร่างหนึ่งหญิงวัยต้น30หนาวกับอีกหนึ่งหนุ่มน้อยวัยคงมิเกิน13หนาวถูกจับโยนเข้ามาภายในห้องดังกล่าวหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง "ฮูหยิน! ...กงลู่! ..." ร่างกายของชายผู้นั้นสั่นสะท้านขึ้นมาโดยพลัน "จะคิดได้หรือยังใต้เท้าเยี่ยว่ามีสิ่งใดต้องกล่าว" แขนแกร่งยกขึ้นกอดอกทอดสายตามองดูนิ่งอยู่ "เจ้ามันเป็นสุนัขรับใช้ชั่วช้าแก...ไอ้สัตว์นรกหนีมากำเนิด! เจ้าคนสมควรตาย! ...เจ้าคนบาปแซ่เซียว" หากสายตาของเยี่ยหูชงเป็นเปลวเพลิง กายสูงใหญ่ของเซียวซานหลางก็คงมอดไหม้มิหลงเหลือเสียเป็นแต่ ด้วยว่ายามนี้เยี่ยหูชงนั้นค่อยเริ่มกระจ่างใจถึงจุดมุ่งหมายของผู้บังคับการหน่อยองครักษ์พยัคฆ์ทมิฬผู้ซึ่งยื่นจ้องเขานิ่งอยู่ตรงหน้านั้นล้วนเต็มไปด้วยเพลิงแค้นแน่นอุรา ทว่ากายสูงใหญ่ของ 'พญายมเซียว'กลับมิได้นำพาทั้งสิ้นยังคงยืนหยัดอยู่ดีมีสุขพร้อมกดรอยยิ้มแสนอำมหิตส่งมอบมาให้อยู่สายหนึ่งแช่มช้าเสียอีกด้วย หึ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD