ตอนที่ 2
“ถอยไปนะคนบ้า รัดมาได้...อึดอัดจะตาย” หญิงสาวพูดเสียงแข็งกลบเกลื่อนความอายและบางสิ่งที่เกิดขึ้นในใจอย่างปัจจุบันทันด่วน อย่างที่หักห้ามไว้ไม่ได้ สองมือเล็กผลักดันร่างยักษ์ให้ถอยห่างไปอย่างเร็วไว
“เอ่อ...ฉันขอโทษ” อันเดซาอีเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด พร้อมหัวใจที่กระตุกไหวยามได้ยลความงามของแม่สาวร่างบอบบางเบื้องหน้า ดวงหน้าเรียวรูปไข่นวลลออผ่องพรรณ ยามลุกขึ้นพากายไปยืนห่างๆ มองมือบางปัดไล่ความสกปรกออกจากกาย ใบหน้าคมคร้ามก็เปื้อนรอยยิ้มอย่างเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว
แม่แมวขโมยหน้าตาใสซื่อ กลีบปากรูปกระจับสีชมพูเข้ม ทำให้ต้องรีบเมินหนีด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวใจ ทว่าหัวใจกลับเรียกร้องให้ต้องมองซ้ำ แก้มใสซับสีเลือดป่องออกจนเขาอยากกดจมูกไปดมดอมความหอม
“คิดยังไงถึงได้มาทำตัวเป็นขโมยหือ...รู้ไหมถ้าถูกจับได้ จะเจอกับอะไรบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเอ็นดู ด้วยเท่าที่คาดคะเนได้ อายุอานามเธอน่าจะน้อยกว่าเขาสักห้าหกปี อีกทั้งท่าทางตื่นตระหนกเหมือนเพิ่งทำงานครั้งแรกด้วย
“เปล่านะ...ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆ ฉันแค่หนีพ่อกับแม่มาเที่ยว แล้วก็เจอคุณนั่นแหละ...ไม่แค่กล่าวหากันอย่างไม่ฟังเหตุผล ยังทำให้เจ็บตัวลงไปนอนคลุกฝุ่นอีก” หญิงสาวโต้กลับเสียงใส ก่อนรีบก้มหน้าร้อนผ่าวงุดด้วยเขินอาย จนไม่กล้าสบสายตาวามวาวที่มีผลกับหัวใจอย่างรุนแรง!
“ฮึ” รอยยิ้มแต้มบนมุมปากหนา “เชื่อได้หรือไง ปกติแล้วคนทำผิดที่ถูกจับได้ มักแก้ตัวด้วยกันอย่างนี้ทั้งนั้นนะ”
“จริงๆ นะคะ” ไอซาย่ายืนยันเสียงหวานใส “ถึงครอบครัวฉันจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็มีอันจะกิน ฉันไม่จำเป็นต้องมาขโมยเงินคุณหรอก ดูการแต่งตัวฉันสิ เสื้อผ้า เครื่อง แต่งกายอื่นๆ ราคาไม่น้อยเลยสักชิ้น” หญิงสาวยื่นมือส่งไปให้ดูเลยถูกเขาจับ...ทันทีที่สายลมโบกโบยพัด หัวใจละลิ่วเล่นกับท่วงทำนองแห่งเพลงรักที่ดังกระหึ่มก้องทรวง จนสองแก้มร้อนผ่าวในทันที
“นั่นสิ...ฉันคงเข้าใจผิดไปจริงๆ นั่นแหละ คนน่ารักอย่างเธอ คงไม่ทำเรื่องไม่ดีหรอก...ใช่ไหม” ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่มทุ้ม ปลายนิ้วลูบไล้หลังมือนุ่มนิ่ม
“เอ่อ...คุณเชื่อแล้วสิ ว่าฉันไม่ได้เป็นขโมย ตอนนี้ปล่อยมือฉันได้แล้วใช่ไหมคะ”
“เชื่อ แต่...ไม่อยากปล่อย” ชายหนุ่มยอมปล่อยมือนุ่ม เพื่อจะได้มองการแต่งกายของอีกฝ่ายให้ชัดเจน
นิ้วยาวลูบไล้ปลายคางสากระคายหลังจากพินิจมองอีกฝ่ายอย่างละเอียดถ้วนถี่ ผิวพรรณเธอเปล่งปลั่งนวลเนียนลออ เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของดีจริงๆ จึงทำให้ค่อนข้างจะเชื่อคำพูดเธอ
“นึกยังไงถึงหนีพ่อกับแม่มาเที่ยวอย่างนี้ รู้ไหมมันอันตรายแค่ไหนที่เดินอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ”
ใบหน้านวลผุดผาดบูดบึ้งตึง จมูกโด่งยู่ย่นเล็กน้อย บิดากับพี่ชายก็พูดเช่นนี้ ถึงได้มีมาตรการเอาไว้ หากเธออยากไปข้างนอกก็ต้องมีคนไปอยู่เป็นเพื่อน เมื่อคนเราขาดอิสระในการติดสินใจ ก็เป็นเหตุให้เธอมีความพยายามที่จะหนีออกมา...เพียงลำพัง!
“ถึงรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเราก็คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้า ในใจโหยหาอย่างหาสาเหตุไม่เจอ
“ทำไมล่ะ” อันเดซาอีเอ่ยถามด้วยใจหาย ด้วยเพียงแค่แรกพบสบตา หัวใจก็บอกว่าใช่! เธอคือคนที่เขาตามหามาแสนนาน ที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้หลุดมือไป ยังไงต้องตามสานความสัมพันธ์ทางใจให้ถึงที่สุด
“ครอบครัวฉันเป็นพ่อค้าวานิช เดินทางรอนแรมทำการค้าขายไปเรื่อย ความจริงเราต้องกลับบ้านแล้ว แต่เมื่อเดินทางผ่านเส้นทางนี้ พ่อบอกว่าที่นี่พ่อมีเพื่อนเก่าไม่เจอกันนานแล้ว อยากแวะเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็ต้องเดินทางกลับ” หญิงสาวบอกออกไปเสียงหวานแต่แผ่วเบา
“หือ...” ชายหนุ่มขานรับในลำคอ นัยน์ตากระจ่างสดใสพานทำให้ใบหน้าเข้มอ่อนละมุนและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ จนไอซาย่าเผลอมองตาปรอย ที่เมื่อรู้สึกตัวก็อายจนสองแก้มก็ร้อนผ่าว
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนใบหน้าคร้ามแกร่งจะมีรอยยิ้ม สองสามวันนี้บิดาเปิดบ้านรับแขกซึ่งเป็นเพื่อนเก่าจากต่างเมือง ที่เขาพอจะมองถึงวัตถุประสงค์ของชายและหญิงวัยกลางคนที่เค้าหน้ามิเพี้ยนไปจากสาวน้อยตรงหน้า
เมื่อพอจะเดาความสัมพันธ์ของสาวน้อยที่ทำให้หัวใจสะดุดได้ ว่าเธอเป็นใคร...ใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มหวาน นัยน์ตาพราวระยับ แรกเริ่มที่รู้วัตถุประสงค์ของบิดาและผู้เป็นเพื่อนที่อยากให้สองครอบครัวสนิทแน่นแฟ้น ด้วยการให้เขาได้สมรัก...สมรสกับใครก็ไม่รู้ได้ เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างสูง ทว่าเมื่อได้พบเจอกับคนที่ถูกหมายตัวไว้เข้าจริงๆ หัวใจก็สั่งการเลย ห้ามปล่อยให้เธอหลุดมือไป!
“ตอนนี้ยังอยากเที่ยวอยู่อีกไหม สนใจจะรับผมไปเป็นบอดี้การ์ดชั่วคราวพ่วงด้วยตำแหน่งไกด์กิตติมศักดิ์สักคนไหม” ชายหนุ่มชะโงกหน้าไปจนปลายจมูกโด่งแทบแนบชิดใบหน้านวลซับสีเลือด
“ได้ยังไงล่ะคะ เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ” หญิงสาวตอบพลับพร้อมกับก้มหน้างุดด้วยไม่หาญกล้าสบสายตาเข้มที่ทำให้รับมือไม่ถูก ไม่รู้ควรจะทำตัวเช่นไรดี
“เราพูดคุยกัน…แสดงว่ามีวาสนาต่อกัน ฉันอันเดซาอี ซีกัลป์ โอซาอิดนี่”
“อ๋อ เป็นคุณน่ะเอง” หญิงสาวร้องอ๋อในลำคอ เพราะอย่างนี้เองสินะ ชายหนุ่มถึงได้ยิ้มกว้าง นัยน์ตาพราวระยับ กล้าเสนอหน้าพาเธอเที่ยวโดยไม่คิดถึงเหตุร้ายที่จะตามมา หากพี่ชายหรือบิดาพาคนมาตามพบเจอ แต่...ถึงเป็นบุตรชายของเพื่อน แล้วจะมั่นใจได้ยังไงกันล่ะ ว่าบิดาและพี่ชายจะให้การยอมรับน่ะ
“ไม่กลัวหรือคะ พ่อฉันขึ้นชื่อเรื่องความหวงลูกสาวนะ”
“ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือแสนสวยนาม...”
“ไอย่า...ไอซาย่า เซราเดยาค่ะ” ไอซาย่าแนะนำตัวด้วยหัวใจโป่งพอง เธอหลุบสายตามองร่างแกร่งกำยำอย่างชายชาตรี ที่ไม่ต้องบอกกล่าวสิ่งใดมาก เธอก็รับรู้ถึงความห้าวหาญและกล้าแกร่ง เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์และความมั่นใจ
“ไอย่าคงให้เกียรติเดินเที่ยวกับฉันได้ไหม และคงไม่รังเกียจถ้าฉันจะตามไปสานสัมพันธ์...ใจด้วยถึงบ้าน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม พลางส่งสายตาวาววับจ้องสาวน้อยตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ
เจอกันครั้งแรกเธอก็ถูกเขาเกี้ยวพาราสีด้วยวาจาไพเราะเสนาะหวานหู สำทับด้วยนัยน์ตาเข้มล้อมกรอบด้วยขนตายาวไม่แพ้อิสตรี ทอดมองอย่างกับจะกลืนกิน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหนาหยักส่งยิ้มละลายหัวใจสาวน้อยไอซาย่าจนแทบไม่กล้าหายใจ เผลอพยักหน้าสีกุหลาบโดยไม่ทันรู้ตัว ก่อนก้มลงมองสองมือบางที่เกี่ยวปลายนิ้วไขว้กันด้วยความเขินอายจากสายตาคมเข้ม
“ไม่รู้บิดาไอย่าจะว่ายังไงบ้าง ถ้าหากฉันจะเชิญไอย่าไปเป็นแขกที่บ้าน”
มีคำถามมากมายในดวงตากลมโตใสแจ๋ว ที่อันเดซาอีอยากยื่นมือไปทาบบนสองแก้มซับสีเลือด แล้วกดปากลงบนหน้าผากนวลไล่ลงมาถึงดวงตา สิ้นสุดบนกลีบปากสีชมพูสด
“ไม่อยากปล่อยให้ไอย่าเดินคนเดียว กลัวใครดักพาดวงใจหนีหายไป”
“ขี้ตู่ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ” หญิงสาวตวัดค้อนใส่อันเดซาอีวงโต แต่ก็ปล่อยให้มือเล็กตกอยู่ในอุ้งมืออุ่น ฟังเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเล่าเรื่องราวสานสายใยบางๆ ให้กับหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวเร็ว ใบหน้าสองคนเปี่ยมล้นด้วยความสุขกับรักแรกเจอ!