บทที่ 1 ไยโชคร้ายเช่นนี้

692 Words
"อ๊าก..." เพียงดาบเดียวของคนผู้หนึ่งศีรษะของขันทีใหญ่ในชุดสีเขียวเข้มก็กลิ้งตกลงบนพื้นทันใด "อ้ะ...กรี๊ด..." ภายใต้แสงคบเพลิงสลัว องค์หญิงหลิวอี้เฟยตัวสั่นงันงก ก้าวถอยหลังช้า ๆ สีหน้าขาวจนซีดทั้งเต็มไปด้วยความหวาดผวา บัดนี้นางกำลังยกมือปิดปากตนเองไม่ให้ส่งเสียงออกไป บุรุษสองคนที่อยู่ภายใต้ความมืดต่างมองหน้ากัน สีหน้าของพวกเขาเย็นชาประดุจน้ำแข็ง ชวนให้หวาดผวา หลิวอี้เฟยเผลอสบตาเข้ากับดวงตาดำมืดคู่หนึ่งก่อนที่จะหันหลังวิ่งโดยไม่ต้องคิดสิ่งใดอีก ภายใต้สายลมโชยและความมืดมิดของอุทยานหลวง หลิวอี้เฟยวิ่งเร็วสุดชีวิตคิดหนีไปให้ไกลที่สุด นางจำหน้าขันทีผู้นั้นได้ เขาเป็นขันทีใหญ่คนโปรดของไทเฮา ทว่ายามนี้กลับถูกลอบสังหารด้วยคนที่อยู่ในชุดทหารองครักษ์สองคน เพราะลนลานจนเกินไปบัดนี้จึงสะดุดขาตนเองล้มลงไปกองบนพื้น นางลืมความเจ็บโดยพลัน เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้นางต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทว่าเพียงลุกขึ้นมาได้ขณะที่กำลังก้าวเท้าวิ่งต่อ นางก็ชนกับร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งอย่างแรง ทำให้นางล้มลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นหญ้าเช่นเคย "อ้ะ!" ดวงตาของนางเบิกโพลงเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัดเจน ในมือของเขายังมีดาบเล่มใหญ่เมื่อสะท้อนกับแสงจันทร์จึงส่องวาบเข้าดวงตา ทำให้หลิวอี้เฟยรู้สึกราวกับว่าแสงนั้นกำลังพาดผ่านตัดคอของตนเอง "ขะ ข้าไม่เห็นสิ่งใด...จริง ๆ" นางรีบกล่าวออกไปทันใด คนผู้นั้นยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างน่าหวาดหวั่น รอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้นางขวัญเตลิด เขาก้มลงช้า ๆ ในขณะที่นางกำลังกระเถิบหนี หลิวอี้เฟยบัดนี้ปลอมกายเป็นขันทีน้อย ชุดที่นางใส่จึงค่อนข้างหลวม ด้วยใบหน้างดงามพริ้งเพรานี้จึงสะดุดตาคนได้ง่าย คนผู้นั้นโค้งกายลงดึงหมวกขันทีที่ปกปิดใบหน้าของนางออกช้า ๆ ยามนี้นางจึงเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ทันใดนั้นเองหลิวอี้เฟยต้องตกตะลึง บุรุษผู้นี้มีรูปโฉมไม่ธรรมดา ใบหน้าขาวสะอาดดวงตาสีนิลที่จ้องมองมานั้นราวกับว่ากำลังดูดวิญญาณของนางให้หลุดลอย ริมฝีปากหยักโค้งเล็กน้อย เอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็นน่าสะพรึง "ขันทีน้อยผู้นี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ จึงได้ออกมาเพ่นพ่านในยามวิกาล" คมดาบสัมผัสเข้าที่ลำคอขาว ริมฝีปากของหลิวอี้เฟยสั่นระริก ดวงตาทอประกายสิ้นหวัง เพราะนางต้องการหนีออกจากวังหลวงจึงได้มาเจอเรื่องที่ไม่ควรเจอเช่นนี้ ยามนี้นางไม่รู้แล้วว่าระหว่างความตายและการต้องแต่งงานกับชายชราผู้มีจิตใจวิปริตสิ่งใดจะน่าหวาดกลัวมากกว่ากัน "ขะ ข้า ไม่เห็นสิ่งใดจริง ๆ ปะ ปล่อยข้าไปเถิด" ริมฝีปากแสยะยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาในยามนี้คล้ายกับปีศาจตนหนึ่ง "หากจะให้ข้าเชื่อก็คงต้องควักดวงตาของเจ้าแล้ว" หลิวอี้เฟยหลับตาแน่น ทั้งยังยกนิ้วปิดตาตนเอง นางไม่อยากเป็นผีตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใด หากต้องตายนางก็ขอตายแบบร่างกายครบสามสิบสองประการ เขาใช้ปลายดาบเชยคางนางขึ้นมา เห็นท่าทางหวาดกลัวเช่นนี้แล้วรู้สึกขบขันยิ่งนัก นางยังหลับตาแน่น ปากเล็กสั่นระริก "ทะ ท่านได้โปรดปล่อยข้าเถิด ข้าจะออกจากวังหลวงอยู่แล้ว ข้าไม่คิดจะกลับมาอีกความเมตตานี้ข้าจะจำเอาไว้ โอกาสหน้าจะชดใช้ให้ท่านแน่นอน" ซุนป๋อเหวินรู้สึกขบขัน แน่นอนว่าเขาไม่คิดปล่อยขันทีผู้นี้ไป เขาเงื้อดาบขึ้นมาไม่เสียเวลาพูดคุยอีก ในยามนั้นนั่นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น "องค์หญิง องค์หญิง บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD