ส่วนขวัญตาก็รีบลุกกลับมานั่งที่เดิมของตัวเองแล้วดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่มเองจึงโทรหาเพื่อนรักที่อยู่ขอนแก่นอย่างจรรยาทันที เพื่อพูดคุยปรึกษาเรื่องลูกชายหน้าเดียวของตัวเอง ก็นางกลุ้ม เครียด กลัวว่าลูกชายจะเป็นอีแอบ ตั้งแต่เป็นหนุ่มจนตอนนี้ยังไม่เคยมีแฟนหรืออาจจะมีแต่นางไม่รู้ก็ได้ แต่คือไม่มีแหละ เพราะไม่เคยเห็นเขมณัฏฐ์เล่าเรื่องผู้หญิงหรือพาผู้หญิงมาบ้านเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ดี รูปร่างก็ดี ดีกว่าพระเอกดาราหนังเสียด้วยซ้ำ แต่กลับไม่สนใจผู้หญิงที่ไหนเลย ทั้งที่สาวๆ ที่นัดดูตัวนั้นก็สวยใช่เล่น แต่เจ้าลูกชายก็ทำเสียเรื่องทุกครั้ง เพราะบุคลิกหน้าตาของเจ้าตัวดีนั่นแหละที่ทำให้สาวๆ หนีไปหมด
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เขมณัฏฐ์เรียกจงกลนีมาพบที่ห้องทำงานและชักชวนสาวเจ้าไปทานมื้อเย็นด้วยกันที่บ้านอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเดิม หล่อนปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง และบอกว่าวันนี้มีนัดกับเพื่อนๆ แล้ว ไปไม่ได้จริงๆ จึงบอกเขาว่าควรจะนัดเธอล่วงหน้าสองหรือสามวัน ไม่ใช่มาชวนวันที่จะไป เพราะเธอไม่ได้ว่างตลอด
“งั้นไปร้านไหนกันวันนี้ พี่จะไปด้วย”
“อาจารย์หมอ...หมอเข้มจะไปด้วยเหรอคะ” เธอถามเขากลับ
“อือ...พี่จะไปด้วย ครั้งก่อนเห็นเมาจนกลับเองไม่ได้ พี่จะไปด้วย”
“เมาจำทางกลับบ้านไม่ได้ หมอเอ็มก็พามาส่งอยู่แล้วค่ะ หมอเข้มไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอบอก และคำพูดของจลกลนีก็ทำให้เขาขบกรามทันที สีหน้าที่เย็นชาไม่รับแขกอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความน่ากลัวจนจงกลนีเผลอก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“สนิทกัน”
“ค่ะ ก็สนิท เรียนด้วยกันตั้งห้าปี จนมาเป็นแพทย์ฝึกหัดด้วยกัน”
“เป็นแฟนกัน”
“เพื่อนค่ะ”
คำตอบที่ตอบกลับมาทันควันแบบไม่ต้องคิดนานของจงกลนีทำให้คนหน้าเดียวเผลอหลุดยิ้มมุมปาก แต่ก็ชั่วครู่เท่านั้นแล้วปรับมาเป็นนิ่งสงบเยือกเย็นเหมือนเดิม
“ดีแล้ว อายุยังน้อย อย่าเพิ่งมีเลยแฟน เดี๋ยวพี่จะไปด้วย พี่ก็อยากไปสังสรรค์เหมือนกัน”
“แต่...”
“พี่จะเลี้ยงเอง”
“งั้นตามที่หมอเข้มสะดวกเลยค่ะ”
“กี่โมง และร้านไหน”
“ร้านเดิมค่ะ เดี๋ยวบอกอีกทีนะคะ ตอนนี้ขอตัวไปทำงานต่อก่อนค่ะ”
“ได้ร้านแล้วมาบอกพี่นะ และรอไปพร้อมกันก็ได้ ให้เพื่อนไปรอที่ร้านเลย สั่งได้เต็มที่ วันนี้พี่เลี้ยง”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ มีเจ้ามือทั้งที พวกเราจะกินให้หมดตัวเลย”
หึหึ
เขมณัฏฐ์ทำเพียงขำในลำคอแล้วมองคนตัวเล็กที่ยกมือไหว้ตัวเอง ยามจงกลนีไหว้ทีไร มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาแก่กว่าเธอมาก แก่จนจะเป็นญาติผู้ใหญ่ แต่ไม่แน่นอน เขาไม่ต้องการเป็นญาติผู้ใหญ่และพี่ของเธอ เมื่อประตูห้องปิดแนบสนิท เขาก็เปิดลิ้นชักนำเอกสารที่เตรียมไว้ออกมาอ่านแล้วยิ้มออกมาคนเดียว
นภิสากับปภพมองเพื่อนที่เดินยิ้มหน้าบานมาหาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอารมณ์ดีอะไรมา ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่รู้ว่าอาจารย์หมอเรียกไปพบที่ห้องทำงานนั้นก็หน้าตึงบ่นไม่อยากไป แต่ขากลับมามันไม่ใช่ เหมือนกับว่าดีใจอะไรสักอย่าง
“ยิ้มมาเชียวนะยะ” นภิสาอดเหน็บเพื่อนไม่ได้
“แน่อยู่แล้ว วันนี้เรามีคนเลี้ยงแล้วนะ”
“ใครเลี้ยง” ปภพถาม
“ก็อาจารย์หมอ คงเครียดทำงานเยอะเลยอยากไปดื่มน่ะ”
“งั้นดีเลย ว่าแต่หลินเถอะ จะออกเวรกี่โมงวันนี้”
“สี่โมงก็ออกแล้ว แล้วเอ็มกับเจเจล่ะ กี่โมง” นภิสาถามกลับ
“ของเราบ่ายสอง” ปภพตอบ
“เราห้าโมงเย็น” จงกลนีตอบแล้วก้มหน้ามองเท้าตัวเอง
“งั้นแยกกันไปทำงานเถอะ เย็นนี้เจอกัน พรุ่งนี้วันหยุด ไม่เมาไม่เลิก” นภิสาตบไหล่เพื่อนทั้งสอง ทั้งสามเป็นเด็กต่างจังหวัดและเรียนที่เดียวกัน แล้วขอทำเรื่องมาเป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลแห่งนี้เอง
“แน่นอน พรุ่งนี้หยุดก็ต้องดื่มให้เมา” จงกลนีผู้คออ่อนที่สุดเอ่ยขึ้น
“เมาตั้งแต่แก้วแรกอย่ามาปากเก่งหน่อยเลย” นภิสาเอ่ยว่าเพื่อน
“ใครจะไปคอแข็งเหมือนหลินกับเอ็มล่ะ ไปแล้ว แล้วเจอกันนะ” แล้วเธอก็เดินจากไป ปภพกับนภิสาเองก็แยกไปทำงานของตัวเองต่อ