“ควีน!”
ทั้งคู่ต่างสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแปดหลอดของทีเจ เขาตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความโกรธที่เวกัสจับไม้จับมือผู้หญิงที่เขาตามจีบอยู่
“ปล่อยมือควีนนะ เวกัส!” ทีเจกำมือเข้าไปผลักเวกัส กำปั้นโดนหน้าเวกัสไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เกิดรอยแดงที่แก้มขวา เวกัสหงายหลังทันทีเพราะไม่ระวังตัว แต่โชคดีที่มีบรรดาสาว ๆ ทั้งหลายเข้ามารองรับตัวเขาไว้ได้ทัน
“ทำบ้าอะไรน่ะ ทีเจ” ควีนรีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปช่วยประคองเวกัสอีกคนทั้งที่เขานั้นลุกขึ้นยืนได้แล้ว แถมมีสาว ๆ มากมายยืนโอบล้อมเขาไว้อีกด้วย
“ควีนอย่าไปยุ่งกับผู้ชายแบบนี้นะ มันสร้างภาพ”
“หยุดนะ ทีเจ อย่ามาใส่ร้ายเวกัสนะ!” หนึ่งในหญิงสาวที่ยืนล้อมเวกัสอยู่พูดสวนทีเจอย่างโมโห
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ามายุ่ง!”
“นายนั่นแหละอย่ามายุ่ง ทำร้ายเวกัสทำไม!” ควีนก้าวไปด้านหน้าแล้วกางแขนออกปกป้องเวกัส
ท่าทางของควีนทำให้เอเดนถึงกลับหลุดขำ เขานึกเอ็นดูสาวสายที่กล้าหาญปกป้องผู้ชายตัวใหญ่อย่างเวกัส
“น่ารักจัง” เอเดนเอ่ยเบา ๆ แต่มันทำให้เวกัสได้ยิน เขาจึงหันหน้าไปหาเพื่อนแล้วส่งซิกทางสายตาว่า คนนี้ของเขานะ เพื่อนจะเอาเหรอ?
“ไม่สน” เอเดนอยากลองของเวกัส เขาไม่สนท่าทางหวงก้างจากเวกัสเพราะเวกัสไม่เคยสนใจอะไรได้นานเกินหนึ่งวัน โดยเฉพาะผู้หญิง
“สาวน้อย เธอชื่ออะไรเหรอ” เอเดนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าควีนแล้วโน้มตัวลงมาหาเธอเล็กน้อยเพื่อสนทนาในระยะใกล้
“เราชื่อควีน”
“ชื่อน่ารักจัง มีแฟนหรือยัง”
“เฮ้ย! นั่นควีนของฉัน ฉันตามจีบเธออยู่นะ” ทีเจรีบแย้งเมื่อเอเดนทำท่าจะจีบควีนอีกคน
“ควีน เป็นแฟนกับเจ้าหมอนี่เหรอ” เอเดนหันหน้าไปถามควีนด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่เขามั่นใจว่าสาวคนไหนได้เห็นเป็นต้องหลงเขาอย่างแน่นอน
“เปล่านะ เราไม่ได้เป็นแฟนกัน” ควีนย่นคิ้วเข้าหากันอย่างอารมณ์เสีย
ทำไมทีเจถึงแสดงตัวแบบนี้ ต่อหน้าเวกัสอีกด้วย แล้วเวกัสจะสนใจเธอไหมล่ะทีนี้
“ผู้หญิงเขาไม่สน ก็ควรถอยนะครับ” เอเดนยิ้มให้ทีเจ แต่ดูก็รู้ว่าเป็นยิ้มหวานที่อาบด้วยยาพิษ
“ทีเจ ถอยก่อนเถอะ” เพื่อนของทีเจกระซิบบอกพร้อมกับดึงแขนทีเจให้ออกห่างจากตรงนี้ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าจะทำหรือพูดอะไรไป ทีเจเสียเปรียบเต็มประตู ต้องเตือนสติเพื่อนก่อน
“เฮ้อ...” ควีนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อทีเจยอมถอยไปสักที
“ไม่ชอบเขาเหรอ คนนั้นน่ะ”
เธอนึกว่าเอเดนเลิกสนใจเธอแล้วซะอีก นี่เขายังถามเธอต่ออีกเหรอ
“เป็นเพื่อนได้ แต่ให้เป็นแฟน เขาไม่ใช่สเปกของควีนค่ะ”
“งั้นสเปกของควีนแบบไหนเหรอ” เอเดนเอียงคอเล็กน้อยเพื่อถามเธอ
เอเดนก็ดูน่ารักดีนะ แต่เธอมั่นคงต่อความรู้สึกของตัวเองมาก เธอไม่หวั่นไหวให้เอเดนง่าย ๆ หรอก
“สเปกของควีนคือ...” เธอค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปมองที่เขา คนที่เธอฝันถึงอยู่ทุกวัน ผู้ชายที่แสนดีของเธอ
“เวกัส!”
ยังไม่ทันที่ควีนจะได้ตอบก็มีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเวกัสมาแต่ไกล เธอเดินตรงมาที่พวกเขาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เธออยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ผมสีดำยาวถูกมัดรวบตึงอย่างสาวมั่น เธอคือ พรินเซส (princess แปลว่า เจ้าหญิง)
“พรินเซส”
ทันทีที่เธอปากฎตัว เหล่าสาว ๆ ที่ยืนล้อมเวกัสอยู่ก็ค่อย ๆ ขยับถอยออกมาจนหายลับจากสายตาไป แต่ไม่ใช่กับควีน เธอไม่ได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลของพรินเซส เธอไม่จำเป็นต้องหลบฉากเหมือนคนอื่น
พรินเซสมองหน้าควีนอย่างแปลกใจ ทำไมเธอคนนี้ถึงไม่หลบไปนะ เธอไม่รู้เหรอว่าควรหลบไปให้พ้นเมื่อเธอเดินมา
“มีอะไร” เวกัสหันไปถามพรินเซสเพราะเมื่อกี้เธอเรียกชื่อเขา
“อาจารย์เรียกพบน่ะ” พรินเซสละสายตาจากควีนชั่วขณะแล้วหันไปยิ้มหวานให้แก่เวกัส
“เข้าใจแล้ว” เวกัสผยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ตึกพักของอาจารย์
พรินเซสมองตามแผ่นหลังของเวกัสจนลับสายตา เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไดเดินไปไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงสนทนาต่อไปนี้แล้ว
“เธอ!”
ควีนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ พรินเซสก็หันมาพูดใส่เธอเสียงดัง
“อะไร”
“คิดจะทำอะไร” พรินเซสยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วจ้องหน้าควีนอย่างหาเรื่องซึ่งต่างจากตอนที่มีเวกัสอยู่โดยสิ้นเชิง
“หมายถึงอะไร”
“คิดจะสารภาพรักกับเขาเหรอ”
“เปล่านิ”
“เวกัสเขาไม่สนใจเธอหรอก เลิกฝันซะเถอะ”
“ทำไมต้องเชื่อเธอด้วย”
“หึ อยู่ห้องคิงค์ให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาถาม ว่าทำไม?”
ควีนถึงกลับนิ่งไปชั่วขณะ ใช่ เธออาจจะเรียนไปเก่งด้านวิชาการ แต่เธอนั้นเด่นด้านศิลปะนะ ทำไมต้องมีแค่วิชาการเท่านั้นที่ได้อยู่ห้องคิงค์ ไม่ยุติธรรมเลย
“อยู่ให้ถูกที่ถูกทาง เข้าใจไหม” พรินเซสฉีกยิ้มหวานพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่ไหล่ของควีนเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าก็พากันเข้าใจว่าเจ้าหญิงของมหาวิทยาลัยกำลังให้กำลังควีนที่เรียนด้านวิชาการไม่เก่ง
หลายครั้งที่ควีนพยายามท่องหนังสืออย่างหนักเพื่อหวังจะเข้าไปอยู่ในห้องคิงค์ แต่เธอก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะมันยากเกินไปสำหรับเธอ
ต่อให้เธอสวยกว่าพรินเซสแค่ไหน เธอก็ไม่อาจสู่สมองที่ชาญฉลาดของพรินเซสได้อยู่ดี ไม่ยุติธรรมจริง ๆ
“มีแค่พรินเซสเท่านั้นแหละ ที่เหมาะกับเวกัส”
ทุกครั้งที่พรินเซสกับเวกัสปรากฎตัวหรืออยู่ใกล้กันเมื่อไหร่ คำพูดเหล่านี้จะถูกเอ่ยขึ้นทุกครั้งจนควีนนึกน้อยใจ ทำไมถึงมีแค่พรินเซสนะ ที่เหมาะสมกับเขา ทำไม?
หอพักหญิง
เย็นวันนั้นควีนได้ต่อสายหาพ่อกับแม่ของเธอที่ตอนนี้กำลังไปเจรจาเรื่องธุรกิจอยู่ต่างประเทศ เธอทำได้แค่ฝากข้อความทิ้งไว้รอให้พวกท่านว่างแล้วค่อยติดต่อกลับมาหาเธอ
ควีนนั่งมองผ้าเช็ดหน้าที่พันฝ่ามือให้เธอด้วยความคิดหลากหลาย เขาสนใจเธอบ้างหรือเปล่านะ แม้จะดีใจมากที่เขาหันกลับมาดูเธอทั้งที่เขาจะเดินผ่านไปเลยก็ยังได้ แต่จะให้คิดเข้าข้างตัวเองเธอก็ไม่กล้าพอ เพราะเวกัสเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เขาอ่อนโยนและใจดีกับทุกคนเสมอ
เธอนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองไปได้สักพักก็แลไปเห็นนาฬิกาแขวนอยู่ข้างฝาบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง
“หิวจัง”
เธอสะบัดหัวหนึ่งครั้งเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองให้หายไป ตอนนี้เธอควรลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วไปอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สบายตัวดีกว่ามานั่งคิดเรื่อยเปลือยแบบนี้
ใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบนาทีแล้วออกมาจากห้องน้ำเพื่อประทินสารผัดครีมบำรุงแบรนด์ดังทั้งหลายที่เจ้าของแบรนด์ส่งมาสมนาคุณใหเธอแทบทุกเดือน จากนั้นเธอก็หยิบชุดใหม่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า เธอเลือกใส่ชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสายลูกไม้แล้วมัดผมครึ่งหัวแล้วติดโบลายเดียวกันกับชุด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาตรงหน้ากระจกบานใหญ่อยู่สองสามรอบเพื่อเช็กความเรียบร้อยก่อนลงไปทานมื้อเย็น
“สวย” เอ่ยชมตัวเองเสร็จก็หันไปหยิบกระเป๋าใบเล็กกะทัดรัดที่พอใส่กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือได้
สาวน้อยเดินออกมาจากห้องของตัวเองซึ่งเธออยู่ชั้นที่ยี่สิบเป็นชั้นบนสุดของหอพัก แม้เธอจะเป็นถึงลูกสาวของเจ้าของมหาวิทยาและยังเป็นทายาทโดยตรงของผู้ก่อตั้งเมืองนี้ก็ตาม ควีนไม่เคยใช้เรื่องพวกนี้ข่มขู่ใครแม้แต่คนเดียว เธอใช้ชีวิตในแบบที่เธอพอใจและไม่เบียดเบียนหรือเอาเปรียบใครทั้งนั้น หลายครั้งที่เพื่อน ๆ สงสัยว่าทำไมเธอถึงชื่อควีน ซึ่งมันเป็นทั้งชื่อของมหาวิทยาลัยและเป็นชื่อของเมืองนี้ด้วย เพราะเธอไม่เคยเอ่ยหรือแสดงบารมีอะไรต่อคนอื่น เพื่อน ๆ จึงสรุปเอาเองว่าเธอก็แค่บังเอิญชื่อเหมือนก็เท่านั้น
ติ๊ด
นิ้วเรียวสวยกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นใต้ดินเพราะเป็นโซนอาหารของหอพัก นอนจากชั้นใต้ดินจะเป็นโซนอาหารแล้วยังเป็นแหล่งรวมตัวของหนุ่มสาวในมหาลัยอีกด้วย ถึงแม้จะแยกหอพักชายหญิงแต่โซนอาหารต้องมาทานรวมกัน จุดประสงค์ก็เพื่อให้หนุ่มสาวได้พบปะและพูดคุย สังสรรค์กันบ้างพอดีพองาม เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนเป็นทายาทของเหล่านักธุรกิจที่มาจากทั่วทวีป มื้อเย็นจึงเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับพวกเขา
ควีนหวังว่ามื้อค่ำนี้จะเป็นมื้อที่แสนพิเศษสำหรับเธอ ถ้าหากได้เจอหน้าเวกัสอีกครั้ง
ติ่ง!
ยังไม่ถึงชั้นใต้ดินลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นสิบห้า ควีนเลื่อนสายตาไปมองผู้โดยสารร่วมที่กำลังก้าวเข้ามาในลิฟต์ก็เจอกับพรินเซสและเพื่อนของเธอสองคน
แม้จะรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจแต่ควีนก็ไม่แสดงออก เธอเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้เพราะไม่อยากมีปัญหากับใครทั้งนั้น
“ไปทานมื้อเย็นเหมือนกันเหรอ” พรินเซสเอ่ยทักทายควีนด้วยท่าทางเป็นมิตรซึ่งต่างจากเมื่อตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง
อะไรของเขานะ ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าตึงใส่เธออยู่เลย
แม้จะแปลกใจกับท่าทีจากหลังมือเป็นหน้ามือของพรินเซสก็ตาม ควีนจำต้องหันไปยิ้มและพยักหน้าแทนคำตอบ
“ไม่ต้องเกร็งไปหรอกควีน พรินเซสของเราใจดีนี้แหละ” เพื่อนที่มากับพรินเซสเอ่ยชมเธอ
ควีนไม่รู้จะตอบอะไรจึงทำได้แค่ยิ้มให้พวกเธอ ซึ่งพรินเซสก็ยิ้มหวานกลับมาเช่นกัน พอเจอพรินเซสในเวอร์ชันนี้แล้วทำให้เธอรู้สึกขนลุกอยู่นิดหน่อยเหมือนกันนะ หรือเธออาจจะเป็นโรคสองบุคลิกหรือเปล่า ก็เป็นไปได้...