อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า ถ้าตัดเรื่องเพศและความเป็นหญิงชายออกไป นิยายวายก็ลึกซึ้งละเอียดอ่อน บางเรื่องที่เราเคยอ่านอารมณ์โคตรฟินยิ่งกว่านิยายหญิงชายอีกนะ… ”
หมวยแสดงความเห็นเกี่ยวกับนิยายที่ผมไม่อาจเข้าถึง ผมจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ…
“เตี่ยหมวยเป็นไงบ้าง… ตอนนี้ที่ร้านน่าจะกำลังยุ่งนะ… ”
ที่ผมถามก็เพราะรู้มาว่าตอนเย็นๆ แบบนี้ลูกค้าที่ร้านของหมวยน่าจะเยอะ โดยเฉพาะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่มีตลาดนัดเช่นวันนี้
“ใช่… วันนี้คนเยอะมาก แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เตี่ยเก่งรับมือไหว… ”
หมวยตอบ เถ้าแก่หวังเตี่ยของหมวยมีร้านขายข้าวสารอยู่หลังตลาด เป็นร้านใหญ่ที่ผู้คนในย่านนี้รู้จักเป็นอย่างดี เพราะว่าเปิดขายมานานจนป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านกลายเป็นสัญลักษณ์ของตลาดแห่งนี้ไปแล้ว
ทุกวันนี้เตี่ยของหมวยขายของอยู่คนเดียวเพราะเป็นพ่อม่าย หลังจากแม่ของหมวยตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน เถ้าแก่หวังก็เลี้ยงดูหมวยมาเพียงลำพังโดยไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานใหม่
“เออ… แม่เราฝากห่อหมกมาให้เตี่ยหมวยด้วยนะ… ”
ผมไม่ลืมยื่นถุงห่อหมกพุงปลาช่อนสองห่อในถุงพลาสติกให้กับหมวย
แม่ผมรู้จักกับเตี่ยของหมวยเพราะว่าเคยไปซื้อข้าวสารที่ร้านนั้นบ่อยๆ
ไม่ใช่แค่ซื้อข้าวสาร เพราะว่ามีหลายครั้งที่ครอบครัวของผมต้องไปกู้เงินเถ้าแก่หวัง ซึ่งแกก็ให้ความเมตตาช่วยเหลือทุกครั้งที่แม่ต้องบากหน้าไปหา ในภาวะที่รายได้ของครอบครัวผมชักหน้าไม่ถึงหลัง
“ขอบใจจ้ะ เตี่ยชอบกินห่อหมก แล้วชลล์หิวหรือยัง… กินก๋วยเตี๋ยวกันนะ เดี๋ยวมื้อนี้หมวยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง… ”
หมวยกล่าวพลางเอื้อมมือรับถุงห่อหมกไปวางลงบนโต๊ะ ตะโกนสั่งเมนูเดิมเหมือนทุกครั้ง
“ป้าแดง… เอาเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำใสเหมือนเดิมสองชามจ้ะ… ”
หมวยร้องสั่งคนขาย โดยที่ไม่ถามสักคำว่าผมอยากจะกินอะไร ผมรู้ว่าหมวยคงอยากบอกเป็นนัยว่าเธอรู้ใจผม…
ซึ่งก็จริง… เพราะว่าทุกครั้งที่มาร้านนี้ผมไม่เคยสั่งเมนูอื่นเลย นอกจากเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำใส
ใช่… หมวยเป็นผู้หญิงที่รู้ใจผม ติดก็ตรงที่ตัวผมนี่แหละที่ยังสับสนไม่เข้าใจตัวเอง
“ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ… ”
ผมแกล้งทำเสียงตัดพ้อ ทั้งที่ก็รู้ว่าในช่วงปิดเทอมแบบนี้หมวยต้องเรียนกวดวิชา
หมวยเรียนเก่งมาก ผลการเรียนดีเลิศมาตลอด และผมเชื่อว่าหมวยจะสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ตามที่เธอใฝ่ฝัน
“ถ้าอยากเจอก็แวะมาที่ร้าน… แต่ต้องเป็นช่วงเย็นๆ นะ เพราะว่าตอนนี้หมวยติวหนักมาก… ”
หมวยตอบแล้วถามผม
“แล้วชลล์ล่ะ… ตัดสินใจหรือยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน… ”
ทั้งผมและหมวยเราเพิ่งเรียนจบชั้นมอหกมาหมาดๆ เราเรียนคนละที่ ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะเรียนต่อที่ไหน
หมวยถามเหมือนผมเลือกได้ ทั้งที่ความจริงชีวิตผมมีทางเลือกไม่มากนัก
“เราคิดว่าจะเรียนมหาลัยเปิด… จะได้ทำงานหาเงินไปด้วยในระหว่างเรียน… ”
ผมตอบตามที่คิดเอาไว้
“อันที่จริงเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าตั้งใจก็จะพบความสำเร็จได้เช่นกัน… ”
หมวยให้กำลังใจผมเหมือนเช่นหลายๆ ครั้งที่ผมอยู่ในช่วงเวลาต้องตัดสินใจ
“เราก็คิดอย่างนั้น หมวย… เอ่อ… เราขอบใจมากนะ… สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะเรื่องเรียน ถ้าไม่ได้หมวยช่วยติวเราคงเรียนไม่จบ… ”
ผมกล่าวออกมาจากใจจริง
“ไม่เป็นไร… อย่าคิดมากน่ะ… เพื่อนกันช่วยได้เราก็อยากช่วยเพื่อน… ”
หมวยเอื้อมมือมากุมมือผม บีบเบาๆ ให้กำลังใจ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่อุ้งมือเธอสัมผัสกับหลังมือของผม แต่มันช่างทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นลงไปถึงหัวใจ
“แค่เพื่อนเท่านั้นหรือ… ”
ผมลองถาม…
ก็เขินแหละ แต่ก็จ้องตาหมวยเขม็งราวกับว่ามีคำตอบที่ผมอยากรู้อยู่ข้างใน
แต่ทว่าไม่ทันที่หมวยจะตอบอะไร… ก็โดนขัดจังหวะเสียก่อน
“ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วจ้ะ… ”
เสียงแม่ค้าดังขึ้นพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวสองชามถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวจนหมดแล้วคุยกันต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะแยกจากกันโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก…
อีกสัปดาห์ต่อมา
ตอนใกล้ค่ำของวันศุกร์ ที่บ้านชั้นเดียวหลังเล็กของผม ตั้งอยู่ท้ายซอยแห่งหนึ่งหลังวัดย่านบางพลี
“แม่… ได้ยินไหม นั่นเสียงอะไร… ”
ผมมองหน้าแม่มะลิ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านจนน่าตกใจ
“นั่นสิ… เสียงอะไร… ”
แม่รีบทิ้งงานในครัว…
ผมนึกสังหรณ์ใจเพราะตาข้างขวากระตุกมาตั้งแต่เช้า เห็นแม่รีบเดินลิ่วๆ ออกมาหน้าบ้าน ผมก้าวตามมาติดๆ
“นั่นมันอะไรน่ะ… ”
ผมตกใจกับภาพที่เห็น…
พ่อกำลังยืนโต้เถียงกับชายแปลกหน้าสองคน ก่อนที่เสียงดังตุ๊บตั๊บจะตามมาพร้อมการลงไม้ลงมือชกต่อยอย่างไม่ปรานี
“อย่า… อย่าทำพ่อผม… ”
ผมตกใจ วิ่งเข้าไปห้าม เอาตัวเข้าขวางทั้งเท้าทั้งหมัด ขณะที่พ่อผมล้มลงไปนอนกับพื้นในสภาพเมามายไม่ได้สติ
“พ่อ… ”
ผมก้มลงกอดพ่อ เอาตัวบังพ่อจากเท้าของพวกมัน เนื้อตัวพ่อมีแต่กลิ่นเหล้า ผมสงสารพ่อที่ต้องโดนชกจนเลือดกำเดาไหล
“หยุดนะไอ้พวกอันธพาลสารเลว… ”
แม่ด่าพวกมันแล้วเข้ามาประคองพ่อ
“นี่มันอะไรกัน… ทำไมพวกมึงต้องลงไม้ลงมือกับพ่อกู แบบนี้มันเกินไปแล้วนะไอ้สัตว์… ”
ผมลุกขึ้นยืน กำมือแน่น
“พวกมึงทำตัวเป็นอันธพาลเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ถ้าพวกมึงไม่หยุดกูจะโทรแจ้งตำรวจ… ”
แม่ด่าซ้ำ…
ผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ด่ากราดใส่ผู้ชายหน้าเหี้ยมสองคนอย่างไม่กลัวเกรง ทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่นำมาสู่เหตุการณ์หมาหมู่เมื่อสักครู่
“ถ้ามึงเข้ามา… กูฟาดไม่ยังแน่… ”
ไอ้คนหนึ่งทำท่าว่าจะเดินเข้ามา…
ผมไม่รอรี รีบวิ่งออกไปคว้าท่อนไม้ขนาดเท่าแขน วางอยู่ข้างรั้ว ซึ่งบังเอิญเหลือบตาไปเห็นพอดี
เพราะรู้ดีว่าผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างผม ไม่มีทางที่จะสู้ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์อย่างพวกมันได้ แม้จะตัวต่อตัวก็