“ชิงเอ๋อร์...”
เสียงใครกัน ฉันตายแล้วไม่ใช่เหรอ…
“ชิงเอ๋อร์...ตื่นเถิด”
เสียงนั้นมาจากที่ไหนกันนะ…
ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นพลางกะพริบช้า ๆ พยายามมองสภาพแวดล้อมรอบด้านซึ่งมีเพียงความมืดมิด
‘ที่นี่ที่ไหนกันแน่นรกเหรอ’
ความทรงจำสุดท้ายที่นึกได้เธอถูกรถชนเลือดอาบตัวไปหมด ถ้าอย่างนั้นสถานที่นี้คือที่ใดกัน โรงพยาบาลอะไรจะมืดขนาดนี้ ร่างเล็กค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยความลำบาก ตอนนี้สายตาเริ่มปรับสภาพได้ รอบข้างดูแปลกไปหมด เหมือนประสาทสัมผัสทั้งห้าเริ่มทำงานอีกครั้ง กลิ่นอับตีเข้ามาในจมูกจนต้องยกมือขึ้นปิด
“เจ้าตื่นแล้วเหรอชิงเอ๋อร์”
ชื่อนี้อีกแล้วเรียกใครกันนะ เด็กสาวพยายามเพ่งเข้าไปในความมืดจึงเห็นสตรีผู้หนึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ มองใบหน้าไม่ชัดแต่สภาพดูมอมแมมและน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นขาดห้วงคล้ายคนใกล้จะขาดใจ
“ชิงเอ๋อร์ของแม่ แม่ขอโทษที่อยู่กับเจ้าได้เพียงเท่านี้” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
ชิงเอ๋อร์...ชื่อนี้รู้สึกคุ้นมาก ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ความทรงจำของใครบางคนถูกถ่ายโอนเข้ามา มันเต็มไปด้วยความอดสู ไม่ใช่แค่เห็นภาพในหัวเท่านั้นร่างกายและจิตใจยังรู้สึกเจ็บเหมือนถูกกระทำเช่นนั้นจริง ปวดในอกจนแทบกระอักเลือด ความทรงจำของเด็กคนนี้ผุดขึ้นมาไม่หยุดราวกับเขื่อนกั้นน้ำที่พังทลาย ทุกอย่างเริ่มเรียบเรียงเป็นเรื่องราวทำให้เข้าใจได้ว่า…
มันคือเรื่องราวในนิยาย!
ใช่แล้ว นิยายแนวย้อนยุคที่ติดงอมแงมแล้วก็ตายตอนกำลังอ่านอยู่ด้วย แทบไม่อยากเชื่อ นี่กำลังฝันอยู่หรือเปล่า คิดได้ดังนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองแรง ๆ
“โอ๊ย! เจ็บชะมัด” นี่มันไม่ใช่ฝันนี่นา
“ชิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นอะไรไป” เสียงขาดห้วงของสตรีที่อยู่ข้างกายเรียกความสนใจอีกครั้ง
“ท่านแม่” เสียงเบาหวิวเรียกสตรีที่อยู่ข้างกายด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีตื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นความโศกเศร้าของร่างเดิมหรือตัวนางเองกันแน่ หากเป็นไปตามเนื้อเรื่องในบทพิเศษฟางกวงหลี่คือมารดาของเด็กคนนี้
นี่นางกลายเป็นลูกสาวของนางร้ายในนิยายจริง ๆ หรือ ความทรงจำเมื่อสักครู่หลั่งไหลเข้ามาตั้งแต่แรกเกิดถึงตอนนี้ มันอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวทรมาน ไม่มีสักเสี้ยววินาทีเลยที่เจ้าของร่างจะมีความสุขซ้ำร้ายยังนอนตายท่ามกลางความหนาวเหน็บ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางถึงเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้
ทว่า…
ทำไมได้เกิดใหม่ทั้งทีไม่อยู่ในร่างที่มันดีกว่านี้หน่อยล่ะ!
ชีวิตก่อนหน้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาแค่สิบแปดปีเท่านั้น ไม่ได้มีความหวือหวาแถมรู้สึกแปลกแยกกับคนอื่น ได้เกิดใหม่แทนที่จะเป็นคุณหนูสักตระกูลที่ได้อยู่อย่างสุขสบาย ไยสวรรค์ถึงให้นางมาอยู่ในร่างที่สุดแสนรันทดเช่นนี้ด้วย
“แม่แทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว ชิงเอ๋อร์ลูกรักเจ้าต้องมีชีวิตรอดต่อไปนะ” แม้ร่างกายจะโรยแรงแต่สิ่งแรกที่นางนึกถึงกลับเป็นบุตรีเสมอ
“ท่านแม่อย่าได้กังวลรีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” มือบางขยับเศษผ้าผืนบางเพื่อเพิ่มไออุ่นให้สตรีตรงหน้า หวังว่ามันจะช่วยได้บ้าง
เด็กคนนี้มีนามว่าหรงยวิ่นชิงวัยสิบห้าหนาว หากอิงตามคำโปรยของนิยายเล่มสองที่นักเขียนกำลังมีแพลนทำภาครุ่นลูกต่ออีกไม่นานมารดาของนางก็จะสิ้นใจ เด็กสาวพยายามนึกถึงเนื้อเรื่องของตัวละครซึ่งไม่ได้ถูกกล่าวถึงมากนักนอกจากบอกว่าเป็นบุตรีของนางร้าย เมื่อพระเอกรู้สิ่งที่นางร้ายอย่างฟางกวงหลี่ทำร้ายเมิ่งอี้เจียซึ่งขณะนั้นมีสถานะเป็นภรรยารองก็ได้ลงโทษด้วยการไล่ไปอยู่ที่เรือนท้ายจวนโดยไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์ ทารกน้อยถูกคลอดที่นี่และไม่มีบทอีก
กระนั้นในความทรงจำของเด็กคนนี้มีบางอย่างให้ชวนตงิดใจ ตั้งแต่เล็กจะมีช่วงเวลาที่นางแกล้งหลับทำให้หลายครั้งได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของมารดาที่แอบร้องไห้เพียงลำพัง ประโยคที่พร่ำบอกออกมานั้นเหมือนกันทุกครั้งคือฟางกวงหลี่ไม่ได้ทำร้ายเมิ่งอี้เจียแต่ถูกใส่ความต่างหาก น่าเสียดายเหลือเกินที่บุรุษผู้นั้นไม่เคยคิดจะเชื่อในคำของภรรยาเอกเช่นนาง
ตั้งแต่ร่างนี้ลืมตาดูโลกก็ไม่เคยได้ออกไปจากที่นี่ สภาพความเป็นอยู่อนาถายิ่งกว่าขอทานข้างถนน ข้าวก็อดมื้อกินมื้อ น้ำก็ไม่มีให้อาบ เรือนที่เล็กและแคบถูกปิดตายไม่ให้หนีได้ อีกทั้งมารดายังสั่งให้นางหลบอยู่ในมุมมืดทุกครั้งที่มีการเดินตรวจตราจากเวรยามในจวน เพราะหากเรื่องนี้ถึงหูหรงเฉาหมิงเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนางสองแม่ลูก
“…จะทำเช่นไรดีนะ” เด็กสาววัยสิบห้าจะทำอะไรได้ แม้มีความรู้เดิมจากชาติที่แล้วก็ใช่ว่าจะนำมาใช้กับที่นี่ได้เสียเมื่อไหร่ ยุคโบราณห่างกันหลายพันปี เทคโนโลยีอะไรก็ล้าหลัง ที่เล่าเรียนมาล้วนเป็นสิ่งที่ทำได้ในโลกปัจจุบันทั้งสิ้น แบบนี้แทบมองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร
“ข้าอาจกลายเป็นหรงยวิ่นชิงไปแล้วก็ได้” เมื่อพิจารณาให้ดีในหัวกลับมีแต่ความทรงจำของร่างเดิมอัดแน่นอยู่รวมถึงความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังที่มีต่อหรงเฉาหมิงผู้เป็นบิดา เด็กหญิงไม่เคยเห็นหน้าตาบิดามาก่อนแต่ยามนี้นางมีความทรงจำในชาติที่แล้วติดมาด้วยจึงพอคาดเดาโครงหน้าและรับรู้ถึงอุปนิสัยต่าง ๆ ของตัวละครได้บ้าง
หรงเฉาหมิงเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม ก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพราะความสามารถ เก่งรอบด้าน เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ อุปนิสัยส่วนใหญ่ก็เหมือนพระเอกทั่วไป เงียบขรึมเย็นชาทว่าอ่อนโยนกับคนรัก แน่นอนว่านั่นไม่ได้รวมนางกับมารดาเข้าไปด้วย ในขณะที่เริ่มจับต้นชนปลายได้กายบางก็รับรู้ถึงความหนาวเข้ากระดูก มือผอมแห้งควานหาเศษผ้ามาห่อหุ้มร่างกาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงสิ้นใจโดยไม่รู้ตัว อยู่ที่นี่ไม่รู้วันรู้คืนจะได้เห็นแสงก็ต่อเมื่อมีคนนำข้าวและน้ำมาให้ มารดาของนางไม่เคยกินอิ่มเพราะต้องแบ่งครึ่งส่วนให้บุตรีได้กินเพื่อประทังชีวิต
ภาพความทรงจำที่แสนหดหู่ผุดขึ้นมาตอกย้ำ วันชุนเจี๋ย (ตรุษจีน) ที่เพิ่งผ่านไปมีคนใช้นำอาหารมาหลายชนิดล้วนเป็นของเหลือจากเรือนอื่นทั้งสิ้น กระนั้นมันกลับมีค่ามากสำหรับฟางกวงหลี่ นางยกทุกอย่างให้ลูกสาวกินเพราะตนเองแทบไร้เรี่ยวแรงที่จะเคี้ยวไหว ทุกวันทำได้แค่ดื่มน้ำประทังชีวิต คนตัวเล็กมีของกินมากมายแต่ไม่ดีใจสักนิด ทั้งที่มารดาของนางกินไม่ได้แต่นางจำต้องกินทั้งน้ำตาเนื่องจากไม่อยากเป็นภาระให้ท่านแม่
นอกจากเห็นภาพในห้วงคำนึงแล้วตอนนี้ความรู้สึกที่เจ้าของร่างเดิมเคยได้รับยังท่วมท้นจนล้นปรี่ ยามนี้หยาดน้ำใสไหลอาบสองแก้มนุ่มประหนึ่งว่ากำลังเผชิญสถานการณ์นั้นอยู่ ทุกครั้งที่มีความทรงจำฉายแวบเข้ามานางก็จะรับรู้ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นไปด้วย
คนพวกนั้นช่างโหดร้ายกับมารดาของนางเหลือเกิน
“ท่านแม่โปรดอดทนอีกสักนิด ข้าจะหาทางพาท่านออกไปจากที่นี่” มือบางเอื้อมไปกุมมือผอมแห้งของคนป่วยเอาไว้ ตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีแรงจะขยับตัวแล้ว ร่างกายที่ควรอุ่นกลับเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง
ไหน ๆ ก็ได้มาอยู่ในร่างนี้แล้วไม่ว่าสถานการณ์จะน่าเวทนาแค่ไหนก็ต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ เพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่การเดินไปตามเนื้อเรื่องนิยายเล่มสองของนักเขียน นางจะไม่ยอมเป็นนางร้ายที่มีบทบาทไว้ให้นางเอกคอยเหยียบย่ำเหมือนที่มารดาเคยโดนกระทำ!
......................................................................................
จะมีชีวิตที่สองทั้งทีดูจะลำบากกว่าชาติที่แล้วเยอะเลยลูกก
จุดจบของนางร้ายในนิยายไม่เคยสวยหรูอยู่แล้ว
ชีวิตก่อนน้องอายุสิบแปด ชีวิตนี้ร่างใหม่อายุสิบห้า ยัยน้องจะฟันฝ่าอุปสรรคยังไงน๊ออ