หึๆ ก็แค่...ต้องหาคู่หมั้นให้ลูกเจ้าเท่านั้นเอง..
ฉันกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมกับความอับโชคมากที่สุดในโลก และฉันก็คิดว่าแม่ตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ...เพราะคิดว่าสาเหตุที่ฉันเป็นเยี่ยงนี้มันมาจากคุณไสยที่ฝังรกรากอยู่ในตัว
“แม่หมอเจ้าคะ ช่วยเอาของออกจากตัวลูกสาวเดี๊ยนด้วยนะเจ้าคะ เดี๊ยนทนไม่ไหวแล้ว“
“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวขออัญเชิญเจ้าแม่เข้าทรงร่างก่อน โอม~ มะงองมะแงง...”
ฉันนอนมองผู้หญิงวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นมารดาบังเกิดเกล้านั่งลุ้นด้วยสีหน้ากังวล สายตาจับจ้องไปยังหญิงชราที่นุ่งขาวห่มขาว หรือที่คนแถวนี้รู้จักกันในนาม “ยายเมี้ยน” เจ้าแม่ร่างทรงที่ขึ้นชื่อเรื่องการไล่ผี และเพราะเหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้แม่ต้องลากสังขารพาฉันมานอนแบ็บบนเขียงรอชำแหละ ท่ามกลางชาวบ้านนับสิบที่อยากเห็นพิธีคลายคุณไสย ซึ่งฉันก็ไม่อาจทราบได้ว่าพิธีที่ว่านี่เชื่อถือได้หรือไม่
เพียงเวลาไม่นาน หลังจากท่องคาถาจบ ร่างเหี่ยวๆ แห้งๆ ของหญิงชราก็สั่นระริกอย่างกับเกิดแผ่นดินไหวไม่ต่ำกว่าสิบริกเตอร์ พร้อมกับท่องคาถาบางอย่างงึมงำอยู่คนเดียวอีกระลอก ก่อนจะเบิกตาโพลงแล้วชี้นิ้วอันสั่นเทามาทางฉันที่นอนอยู่ตรงหน้า
“ข้ารู้...ข้าเห็น หึๆ...“
“เห็นอะไรเจ้าคะแม่หมอ“ แม่ส่งเสียงถาม ดวงตาเบิกโพลงด้วยความอยากรู้เสียเต็มประดา
“ข้าเห็น...ข้าเห็น! หึๆ“
แต่ยัยป้าหมอนี่กลับไม่ให้คำตอบ ได้แต่หัวเราะหึๆ แทน เฮ้อ~ ดูก็รู้แล้วว่าหลอกลวงน่ะ แม่นี่ก็เชื่ออะไรงมงายชะมัด
“เห็นอะไรคะ แม่หมอเห็นอะไรคะ!”
“ข้าเห็น... ข้าเห็นลูกเจ้าโดนของ”
แม่หมอว่าพลางชันขาข้างหนึ่งขึ้น มือทั้งสองจีบหมากแล้วกลั้วหัวเราะในลำคอ ทำให้ฉันอดไม่ได้โพล่งถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความท้าทาย
“โดนของอะไรเหรอคะแม่หมอ...”
แม่หมอชะงักกึก เบิกตาโพลงมองฉันที่บังอาจขัดการวางท่าทางขลังของแก ก่อนจะตวาดแว้ดดังลั่น
“บ๊ะ! บอกว่าโดนของก็โดนของสิ จะถามทำไมว่าของอะไร เดี๋ยวเจ้าแม่ก็พิโรธเสียนี่!”
จ้าๆ ไม่ถามก็ได้ แค่สงสัยก็กลายเป็นผิดซะงั้น =_=
พอสิ้นเสียงแม่หมอ แม่ก็รีบแทรกขึ้นทันทีราวกับกลัวว่าจะโดนแย่งพูด
“แล้วมีวิธีแก้มั้ยคะ”
“หึๆ มีสิ...”
“มีเหรอเจ้าคะ วิธีไหนเหรอเจ้าคะ”
“ก็แค่...”
ว่าแล้วยัยแม่หมอจอมลวงโลกก็เบนสายตามาทางฉันอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่แม่ก็ส่งเสียงถามไม่หยุด
“แค่อะไรคะแม่หมอ”
“หึๆ ก็แค่...ต้องหาคู่หมั้นให้ลูกเจ้าเท่านั้นเอง...”
ว่าไงนะ!
“แม่คิดอะไรอยู่ถึงจะหาคู่หมั้นให้ยัยคริสตัลเนี่ย!”
เสียงแหวจากปากพี่ชายสุดที่รักที่ฉันคลานตามก้นออกมาเกิดดังลั่นห้องนั่งเล่นทันทีที่ฟังเรื่องเล่าทั้งหมดจากปากของผู้เป็นมารดา ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าทำไมคนของบริษัทจัดหาคู่ถึงได้ยกโขยงมากันเต็มบ้าน
งานนี้ฉันรอดตายจากการรุมทึ้งของทีมแม่สื่อแม่ชักที่พยายามนำเสนอแฟ้มประวัติชายหนุ่มมากหน้าหลายตามาให้พิจารณา เพราะพี่คริสเตียนไล่ตะเพิดจนแตกฮือกันไปคนละทาง และคงเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากฝึกงานเป็นพิธีกรรายการเรียลลิตี้ผีที่ประเทศจีนด้วยกระมัง ใบหน้าคมคายที่ทำให้สาวๆ หลงมานักต่อนักถึงได้ยับยู่ยี่เสียจนเตารีดก็เอาไม่อยู่ เฮอะ ก็แน่ล่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ยังไม่ทันได้พักก็เจอคุณนายประจำบ้านหางานให้ต้องปวดหัวอีกยกใหญ่ ไม่หงุดหงิดก็แปลกล่ะ...
แต่ทว่าท่ามกลางความหงุดหงิดของลูกชาย แม่กลับชำเลืองมองสีหน้าบูดบึ้งของพี่คริสเตียนเล็กน้อย ก่อนจะตวัดขาขึ้นไขว่ห้างแล้วจีบปากเปล่งเสียงออกมาด้วยท่วงท่าสบายๆ
“กลับมาถึงบ้านได้ก็เสียงดังเชียวนะ แล้วจะยังมาวุ่นวายธุระของแม่จนเสียงานเสียการอีก เสียมารยาทเสียจริงเจ้าลูกคนนี้”
“ธุระที่ว่าของแม่นี่คือการหาคู่หมั้นให้ยัยคริสตัลเหรอครับ จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว!”
“เอ๊ะ! แม่ก็แค่หวังดีกับยัยคริสเท่านั้นเอง ดูน้องเราสิ จู่ๆ จากเด็กน่ารักๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่แม่พาไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ยังอยู่ในสภาพนี้ อีหรอบนี้โดนของแน่ๆ”
“ผมก็เห็นยัยนี่เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ครับ แม่อย่างมงายหน่อยเลย“
“ตาคริสเตียน!”
แม่ขึ้นเสียงอย่างชักมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง ปกติแม่จะเรียกเราทั้งคู่ว่า “คริส” เฉยๆ แต่คราวนี้เรียกเสียเต็มยศ บ่งบอกให้รู้ว่างานนี้ไม่ตายก็อย่าหวังจะได้โต = = แล้วสงครามน้ำลายระหว่างแม่และพี่ชายก็บังเกิด โดยมีฉันนั่งคั่นกลาง ฟังทั้งคู่แผดเสียงใส่กันข้ามหัวฉันไปมา เพียงครู่เดียวแม่ก็ตบะแตก หยิบแก้วน้ำมาเขวี้ยงใส่พี่คริสเตียน ทำเอาทั้งฉันทั้งพี่คริสเตียนต้องค้อมตัวลงเพื่อหลบโดยอัตโนมัติ
“ผมพูดเรื่องจริงมันผิดตรงไหนเหรอครับ”
พอพี่คริสเตียนตั้งหลักได้ก็ย้อนกลับอย่างไม่รักตัวกลัวตาย ฉันล่ะอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนั้น ยิ่งเหลือบไปเห็นหน้าแม่ที่พยายามเก็บกลั้นอารมณ์สุดฤทธิ์ด้วยแล้วก็ยิ่งมั่นใจได้เลยว่า หากแม่สวมวิญญาณนางพญามีดบินเมื่อไหร่ พี่คริสเตียนโดนเจี๋ยนไม่เหลือซากแน่
ทว่าโชคยังเข้าข้างพี่คริสเตียน ที่แม่ทำเพียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเชิดใส่อย่างไม่ไยดี
“เฮอะ แม่ไม่เถียงกับแกแล้ว ไม่รู้ล่ะ ยังไงแม่ก็ยังยืนยันคำเดิม แม่จะไม่ยอมเห็นยัยคริสในสภาพนี้อีกแล้ว”
“ผมก็เบื่อที่จะต้องเถียงกับแม่แล้วเหมือนกัน และผมก็ยังยืนยันที่จะคัดค้านการดูตัวอะไรนี่ด้วย ยัยคริส มากับพี่”
พี่คริสเตียนหันมาคว้าแขนฉันให้ลุกขึ้นเดินตามแรงลากของเขาไป จนแม่ที่มัวแต่เชิดหน้าอยู่ตั้งตัวไม่ทันจึงได้แต่ตะโกนไล่หลังอย่างโมโห
“คริสเตียน! แกจะพาน้องไปไหนน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
แต่ก็อย่างที่เห็น พี่คริสเตียนไม่สนใจเสียงตะโกนของแม่เลยสักนิด เพราะตอนนี้พี่แกลากฉันมาที่รถแล้วจัดแจงโยนฉันเข้าไป ก่อนจะรีบวิ่งมาเข้าประจำที่คนขับแล้วบึ่งรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
“พะ...พี่คริสเตียนจะพาหนูไปไหนคะ”
และแล้วโอกาสที่ฉันได้มีบทพูดก็เริ่มขึ้นสักที คนถูกถามเหลือบหางตามามองฉันนิดๆ ก่อนจะกลับไปตั้งใจขับรถต่อ
“พี่จะพาเราไปอยู่ที่หอพักที่พี่เช่าทิ้งไว้ ไปอยู่จนกว่าแม่จะล้มเลิกความคิดบ้าๆ นี่ละกัน เฮอะ บ้าหรือเปล่า จู่ๆ จะให้ลูกสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหมั้น ประสาทชะมัด”
ความจริงฉันก็เห็นด้วยกับพี่ชายนะ แต่ว่า...เรื่องเรียนฉันล่ะ ฉันจะไปเรียนยังไง ในเมื่อหอพักที่ว่าของพี่คริสเตียนอยู่ห่างจากโรงเรียนฉันเป็นโยชน์ๆ แบบนี้ -_-;
ดูเหมือนว่าพี่คริสเตียนจะอ่านสายตาของฉันออก เพราะเขาเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนหรอก เดี๋ยวพี่จัดการให้ ย้ายๆ มันไปเลยโรงเรียนเนี่ย ยิ่งอยู่ห่างจากบ้านเท่าไหร่เราก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ขืนแม่มาเจอคงโดนลากกลับไปหาคู่ดูตัวอีกแน่”
ฉันพยักหน้ารับทราบนิดๆ แล้วเสมองวิวนอกรถ ก่อนจะหลับตาลงให้ความทรงจำเก่าๆ ย้อนฉายอยู่ในหัวอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แทนที่ภาพความสับสนวุ่นวายในวันนี้อย่างระอาใจ