ตอนบทนำ
บทนำ
น่านนาราประจักษ์แจ้งแก่ใจกับประโยคที่ว่าคนไว้ใจมักจะร้ายที่สุดก็ในตอนที่พ่อแท้ๆ ของเธอขายทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดแล้วหนีไปกับผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยที่พ่อซุกซ่อนเอาไว้มานานปีโดยที่เธอและแม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องและมาถึงบ้านเพื่อประกาศให้เธอกับแม่รู้
นั่นจึงทำให้หนึ่งสัปดาห์ต่อมาบ้าน รถและที่ดินอีกจำนวนหนึ่งที่พ่อกับแม่สร้างมาร่วมกันถูกขายและโอนให้กับนายหน้าอย่างรวดเร็วราวกับทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้ว
“ถ้าอยากจะได้บ้านหลังนี้คืนก็หาเงินสามล้านมาให้ฉันภายในหกเดือน ไม่อย่างนั้นพวกเธอสองคนแม่ลูกก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
นั่นคือคำพูดของนายหน้าที่ซื้อต่อบ้านหลังนี้จากพ่อ นายหน้าที่เป็นญาติห่างๆ ของพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังเป็นลุงของเมียน้อยของพ่อเธอคนนั้นอีกด้วย
จะว่าไปแล้วก็น่าแปลก หลานเป็นเมียน้อย ส่วนลุงก็เป็นนายหน้ากว้านซื้อดินราคาถูก ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนกับทำงานกันเป็นขบวนการอย่างไรอย่างนั้น
“แม่คะ? แม่จะอยู่ที่นี่ต่อหรือว่าเราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่อื่น?”
คนเป็นแม่เงียบไปครู่ใหญ่ “น่าน แม่ขอโทษนะลูก”
“ขอโทษ? ขอโทษทำไมคะ แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” น่านนาราเอ่ยบอกมารดา เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ดี หลังจากเกิดเรื่องคนเดียวที่เธอจะกล่าวโทษก็คงเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักพอคนนั้น
“ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ยังผ่อนธนาคารไม่หมด ต่อให้พ่อของลูกจะขายมันไปแต่เราก็ยังมีหนี้ติดตัวอยู่ดี”
“อะไรนะคะ? ไหนพ่อบอกว่าบ้านหลังนี้ผ่อนหมดตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วไงคะ แล้วตอนนี้ทำไมถึงได้...” น่านนารามดคำจะพูดต่อ หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินยอดหนี้คงเหลือจากปากมารดา
“สี่ล้านสองคือหนี้ที่เราติดธนาคารอยู่”
“...”
สี่ล้านสองแสนคือตัวเลขกลมๆ ที่น่านนาราฟังแล้วอยากจะสบถคำว่าให้ตายเถอะออกมาดังๆ แต่ติดตรงที่ว่าเธอไม่สามารถเอ่ยมันออกมาเพื่อทำร้ายจิตใจของมารดาได้
“ถ้าอย่างนั้นเราหาที่อยู่อื่นกันเถอะค่ะ ถ้าต้องหาเงินมาผ่อนแบงค์พร้อมๆ กับหามาซื้อบ้านคืนจากนายหน้าน่านคิดว่าน่านคงไม่ไหว” คนเป็นลูกเอ่ยบอกก่อนจะพยุงมารดากลับเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มเสแสร้งที่ปั้นแต่งขึ้นมาทั้งๆ ที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะหาเงินจากไหนมาผ่อนจ่ายธนาคาร...
...งานพิเศษ
แล้วอยู่ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเพื่อนคนหนึ่งกับงานอย่างหนึ่งขึ้นมา