ชะตาเก่าหรือจะแปรผัน(จบ)

2321 Words
  เพราะจู่ๆโลหิตจากลำคอที่ไร้ศีรษะพุ่งกระฉูดสาดกระจายไปทั่ว เฉียวปิงเซียวนางหันกลับมามองด้านหลังตั้งแต่เสียงดัง’ ฉับ’ นั่นแล้ว ภาพที่ศีรษะคนขาดตกลงพื้นเด็กน้อยจึงเห็นเต็มสองตายิ่งโลหิตที่พุ่งมาจนเต็มกายเต็มหน้าด้วยแล้วเด็กน้อยจึงกรีดร้องเพราะทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว “ปลอดภัยแล้ว…ชินหวางเฟยปลอดภัยแล้ว” เป็นเฉินเซิอารักขาที่เห็นตั้งแต่แรกเขาแลเห็นไอ้ขันทีชั่วผู้นั้นมันเตรียมจะลงมือสังหารชินหวางเฟยตัวน้อยเขาจึงลงดาบสังหารมาทิ้งทันทีมิสนใจสิ่งใดคิดแต่เพียงจะปกป้องคนตัวเล็กไม่ให้นางต้องบาดเจ็บหรือมีภัยร้ายนั้นได้แตะต้องสัมผัสนางเด็ดขาด! “ไม่! ...กรี๊ด! ...อย่าเข้ามา!” เพราะภาพขององครักษ์หนุ่มตวัดคมกระบี่เด็ดขาดสังหารคนต่อหน้าเด็กน้อยจึงหวาดกลัวขยับถอยหนีอย่างเสียขวัญ ก็นางเพียงเด็กน้อยวัยหกหนาวเท่านั้น จะทนทานต่อภาพสยดสยองเช่นนี้ได้อยู่หรือ? “ชินหวางเฟยระวัง!” “กรี๊ด!” …ตูม! ...ซ่า… เพราะเฉียวปิงเซียวนั่งอยู่บนปลายสะพานเกือบกลางบ่อปลาพอนางขยับถอยเพียงเล็กน้อยกายน้อยของนางจึงตกลงไปทันทีโดยที่เฉินเซินเองยากจะพุ่งตรงไปคว้านางเอาไว้ได้ทัน “เสี่ยวปิง!” …ตูม! ...ซ่า… หัวใจของเฉินเซินเหมือนถูกกรีดแล้วกระชากออกไปจากหัวอกเพราะขนาดเขารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายต่อให้เขาสังหารนักฆ่าได้แต่ชะตา เดิมกลับไม่อาจเปลี่ยน! …ไยจึงเป็นเช่นนี้?! ... หานไท่หมิงหรือบัดนี้เขาคือองครักษ์นามเฉินเซินที่ได้โอกาสและชีวิตที่สองหรือกล่าวให้ถูกต้องก็คือเป็นเขาที่ยินดีขายวิญญาณให้แก่ราชาจอมมาร'อวี่จงเจี้ยน'จนได้กลับมาอีกครั้งในช่วงเวลาซึ่งชินหวางกำลังมีอำนาจและทุกสิ่งสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาถูกเตือนจะเป็นจริงโดยมิอาจผิดไปเสียแล้ว ชะตาชีวิตคนเราให้พยายามเพียงใดก็มิอาจหลีกหนีความเป็นไปของมันพ้น! เขาดำผุดดำว่ายเพราะบ่อปลานี้ไม่ใช่ตื้นเขินและมีเพียงปลาหลากหลายชนิดแต่ยังมีกอบัวอยู่มากพอสมควรยิ่งเวลานานหัวใจเขาก็ยิ่งหวาดกลัวแต่…ครานั้นเฉียวปิงเซียวนางรอดไปจนถึงวัยสิบหกห้าหนาวคราวนี้…หากชะตานั้นมิอาจจะแก้ไขหรือเปลี่ยนได้จริงนางก็ย่อมจะต้องรอดสิ! "กรี๊ด...ท่านองครักษ์เฉิน ชินหวางเฟยน้อยเล่า...ชินหวางเฟยน้อยของข้าอยู่ที่ใดกันเล่า?! " เสี่ยวเตี๋ยที่ออกตามหานายน้อยของนางมาจนถึงในส่วนท้ายของตำหนักกลับพบซากศพศีรษะและกายไม่สามัคคีกันด้วยกายหันไปอีกทางส่วนศีรษะนั้นหันมาทิศที่นางยืนอยู่ ต่อให้มีจิตใจกล้าแกร่งเพียงใดก็ย่อมต้องกรีดร้องเสียขวัญ ทว่าเพียงครู่นางเห็นท่านองครักษ์เฉินนั้นเขากำลังดำผุดดำว่ายที่กลางบ่อปลาสติของนางกำนัลคนสนิทของชินหวางเฟยเลยกลับคืน และคนแรกที่สาวใช้คนงามนางนึกถึงก็คือเฉียวปิงเซียวูท่านหญิงหกของนางนั่นเอง "ชินหวางเฟยถูกลอบสังหาร" เขาหันมาตะโกนตอบเพียงเท่านั้นแล้วจึงหันไปค้นหาคนตัวน้อยต่อ ส่วนเสี่ยวเตี๋ยรู้แจ้งจึงเร่งไปตามซางเหนียงจือ และตามคนมาช่วยกันงมหานายน้อยของนางทันที "เสี่ยวปิง! " สุดท้ายเขาก็หานางจนพบ เฉินเซินไม่รอช้าเร่งพานางขึ้นมาจากน้ำแบกกายสิ้นสติขึ้นหัวไหล่หวังให้นางสำลักเอาน้ำออกมา "เฉินเซิน! " ไทเฮาเสิ่นลี่เหยาในวัยสี่สิบเจ็ดหนาวเร่งซอยเท้าตรงมาหาองครักษ์ที่กำลังพยายามช่วยชีวิตลูกสะใภ้ตัวน้อยของนางอยู่ ซางเหนียงจือและเสี่ยวเตี๋ยเองก็เร่งพุ่งตรงเข้าไปหาเช่นกัน มีเพียงจางหลานเย่ที่แสร้งหลบอยู่ด้านหลังชินหวางผู้เป็นพระสวามีเท่านั้น ซึ่งเขาเองทำเพียงยืนกอดอกมองดูเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยยากจะคาดเดาอารมณ์ใดไปได้ว่าที่แท้ชินหวางหนุ่มแน่นเขาคิดหรือกำลังรู้สึกอันใดอยู่บ้าง เพราะสำหรับเขาแล้วจะตายก็ดี หรือจะอยู่ก็ช่าง ชีวิตของเฉียวปิงเซียวไม่ได้มีค่ามีความหมายต่อเขาเลยก็เพียง...เด็กน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น...จะมีค่าใดต่อชินหวางเช่นเขาอยู่ที่ใดกัน...แน่หรือ?...ประโยคคำถามนี้มันสะท้านดังกว่าทุกประโยคที่หานไท่หมิงคิดขึ้นมาทั้งหมด... "ชินหวางเจ้าจะยืนทึ่มทื่ออยู่ไยเร่งไปสั่งคนตามหมอหลวงเร็วเข้า" ไทเฮานางหันมาพบว่าบุตรชายยืนมองเฉยจึงตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดลืมรักษากิริยาอันดีไปจนสิ้น เพราะสำหรับนางแล้วชีวิตของเด็กน้อยในอ้อมแขนองครักษ์หลวงแสนจะมากคุณค่าเทียมฟ้า! "ไทเฮาให้เป็นเหนียงจือเป็นผู้ไปตามเถิดพ่ะย่ะค่ะ" เพราะเขาย่อมรู้แจ้งว่าในยามนี้ชีวิตของเฉียวปิงเซียวในสายตาของชินหวางหานไท่หมิงไร้ค่ายิ่งกว่าหมาแมว ให้เขาไปตามหมอหลวงก็มีแต่จะหนีหายกลับตำหนักเท่านั้น "เช่นนี้เจ้าเร่งไป" ไทเฮาที่มองแววตาขององครักษ์หนุ่มรุ่นลูกเล็กน้อยก็หันไปสั่งความกับแม่นมของเฉียวปิงเซียวแทน ส่วนเฉินเซินพยายามอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดคนตัวเล็กนางก็สำลักน้ำออกมาจนสำเร็จ "แค่ก...แค่ก...แค่ก...ฮึก...กรี๊ด! " พอคืนสติภาพที่นางเห็นเฉินเซินสังหารคนก็พุ่งเข้าหาเด็กน้อยจึงกรีดร้องลั่นตะกายหนีออกจากอ้อมแขนขององครักษ์หนุ่มดูลนลาน ไทเฮาเสิ่นลี่เหยานางจึงอ้าแขนออกมากอดรัดแล้วกล่าวคำปลอบโยนเด็กน้อยไม่ขาดปากจึงถูกเอ่ยออกมาทันใด ...เฉินเซินจึงต้องถอยห่างออกมา เพียงนางปลอดภัยก็พอแล้ว...เท่านี้เขาก็ดีใจเหลือเกิน...นางปลอดภัยเขายิ่งกว่ายินดี... "เช่นนั้นกระหม่อมขอไปตรวจสอบโดยรอบ เพื่อจะได้ค้นดูว่ายังมีสิ่งใดน่าสงสัยอีกหรือไม่" เสิ่นลี่เหยานางจึงเร่งโบกมืออนุญาต กายที่ยังเปียกปอนจึงโค้งกายแล้วถอยห่างออกไป แต่ในช่วงหนึ่งที่เดินผ่านสองหนุ่มสาวสายตาคมดุเหี้ยมโหดก็สาดเข้าใส่จางหลานเย่โดยไม่ปิดบัง จนกายโฉมสราญถึงกับเบียดเขาหาหานไท่หมิงเพราะรู้สึกกลัวสายตาขององครักษ์ผู้นี้อย่างยิ่ง "มองนางด้วยเหตุอันใดมิอยากมีดวงตาเอาไว้ดูชมสิ่งสวยงามหรือไรจึงมาสองสตรีของเปิ่นหวางด้วยสายตาเช่นนี้" ชินหวางหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำคล้ายเสียงของสิงโตตัวผู้กำลังหวงตัวเมียในฝูงของตน ซึ่งหากเป็นผู้อื่นคงเสียขวัญใช่น้อยทว่า เฉินเซินเขาเพียงมองตอบอีกฝ่ายนิ่งจากนั้นก็โค้งกายแล้วเดินจากไป ทันที ...ช่างน่าแปลกนัก มันผู้นั้นก็ดูแสดงความเคารพยำเกรงต่อเขาทว่าไยเขาจึงรู้สึกไปได้ว่าล้วนไม่จริงใจสักน้อย... หานไท่หมิงมอารักขาตามเฉินเซินไปจนลับตา ในใจมีแต่ความกังขา เพราะทุกครั้งที่เขาพบหน้าองครักษ์ผู้นี้ มันมีแต่ความรู้สึกว่าในยามที่เขาเผลอสายตาของมันผู้นั้นกลับคล้ายจะมีแววกึ่งชิงชัง กึ่งสมเพชคอยจะถูกส่งมาให้แก่เขาอยู่เสมอ แต่มันจะเป็นไปได้เช่นไรกัน ก็ในแผ่นดินหนานสุ่ย นอกจากองค์จักรพรรดิผู้เป็นพี่ชายเขาก็อยู่เหนือทุกผู้แล้ว คงไม่ต้องไปนับเลยว่าแค่องครักษ์หลวงผู้หนึ่งจะมาสมเพชเวทนาหรือสงสารคนเช่นเขาไปได้ "ชินหวาง" หลิวฮั่นองครักษ์ข้างกายคนสนิทของชินหวางเร่งเข้ามาทรุดกายคุกเข่าลงห่างออกไปเล็กน้อยดูสีหน้าเคร่งเครียด ลางสังหรณ์บางอย่างกระตุ้นเตือนให้หานไท่หมิง รู้ว่าคงมีเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต้องหารือด้วยเป็นแน่ "เฟิ่งเหล๋ยเจ้าอารักขานำพา พระชายารอจางนั้นกลับตำหนักไปก่อน เปิ่นหวางมีข้อราชการจะหารือกับฝ่าบาทต่ออีก" หานไท่หมิงเรียกองครักษ์คนสนิทมือซ้ายมาสั่งการ จางหลานเย่ทั้งที่อยากจะออดอ้อนสวามีต่อแต่นางย่อมรู้ดี ชินหวางนั้นในยามที่เขามีราชกิจ ต่อให้นางคือคนโปรดก็อาจจะถูกปฏิเสธมิไหว้หน้าได้เช่นกัน เช่นนั้นหากนางอยากให้เขาโปรดปรานนางมากขึ้นและ...มากขึ้น...นางจะต้องแสร้งว่าเป็นพระชายารองผู้สงบเสงี่ยมเจียมตนและแสนจะน่าสงสารเอาไว้ให้มาก "เช่นนั้น...หลานเย่ทูลลาเพคะ" นางย่อกายงดงามให้แก่พระสวามีก่อนที่จะก้าวเดินเนิบนาบไปยังที่ไทเฮาและเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายกำลังวุ่นวายอยู่ที่ลานใกล้บ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่คล้ายบึงหลวง "ไทเฮาเพคะ..." เสิ่นลี่เหยาที่กำลังกอดปลอบขวัญเด็กน้อยหันกลับมามองคนที่เอ่ยเรียกอย่างเสียมิได้ จางหลานเย่ให้ชิงชังยัยเฒ่าสมควรตายผู้นี้เสียนัก แต่ที่นางทำได้คือการเก็บเล็กและหางให้มิดหาไม่โอกาสยิ่งใหญ่จะสิ้นเอาได้ "ชินหวางต้องเสด็จไปพบฝ่าบาท หลานเย่จึงมาทูลลาไทเฮากลับตำหนักก่อนเพคะ" นางย่อกายหลังจากกล่าวประโยคอ่อนหวานปั้นแต่งเรียบร้อย "ไปเถิด...รั้งอยู่ก็...มิใช่หมอคงมาช่วยอันใดเสี่ยวปิงมิได้ หรือหากช่วยได้ก็คง...ช่วยให้สะใภ้เปิ่นกงตายเร็วขึ้น! " เจอวาจาเท่าทันจางหลานเย่ก็เดือดดาลในหัวอกเพิ่มขึ้นเกินเจ็ดส่วนทว่าสภาพภายนอกนางกลับยิ้มแย้มอ่อนหวาน แล้วย่อกายถวายพระพรลาด้วยกิริยาชดช้อยอย่างยิ่งอีกหนึ่งครั้ง ...นังเฒ่ารอก่อน...วันของข้ามันต้องมีแน่! ... ทว่าพอกายงดงามของโฉมสะคราญแห่งเทียนคงเฉิงพ้นไป ไทเฮาจึงเรียกหาขันทีเส้าคุนมาช่วยอุ้มกายเล็กกลับเข้าไปภายในตำหนัก มิอาจแลเห็นสายตาอาฆาตชิงชังรุนแรงที่พระชายารองจางมีให้กับตนเองสักเพียงนิด “ทะ…ไทเฮา…” มือเล็กกำชายอาภรณ์ของสตรีสูงศักดิ์แน่นหนึบเพราะยังเสียขวัญไม่หายบัดนี้เฉียวปิงเซียวนางมีแต่คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นจากมารดาผู้ล่วงลับเท่านั้นเพราะคนโดยรอบนางล้วนไม่วางใจไม่เชื่อถือทั้งหมด “ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรเด็กดี เปิ่นกงจะไปกับเจ้าด้วยดีหรือไม่...อย่ากลัว...อย่ากลัวนะเด็กน้อย” เสิ่นลี่เหยากุมทับมือเล็กไม่แกะออกจากอาภรณ์ ต่อให้เส้าคุนกงกงอุ้มอยู่ก็ตาม แต่กว่าท่านหมอหลวงจะมา และกว่าจะจัดยาก็ก้าวเข้าสู่ปลายยามเว่ยเสียแล้ว เด็กน้อยเริ่มมีไข้หนาวสั่น เสิ่นลี่เหยาจึงกำชับทั้งซางเหนียงจือและเสี่ยวเตี๋ยให้คอยดูแลอย่าได้ห่าง จากนั้นนางจึงเรียกเฉินเซินมาพบเพื่อจะสืบความให้รู้แจ้งว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเช่นไรกันแน่ “เจ้ายังจะปล่อยพวกมันต่อไปหรือ” พอทราบว่าบัดนี้ในตำหนักตนเองมีคนของสกุลจางแอบแฝงอยู่เกินสิบชีวิตทั้งแต่นางกำนัลไปจนถึงขันทีแม้แต่ชนชั้นทาสก็ล้วนมีคนของฝ่ายนั้นไทเฮาก็โมโหเดือดแทบอยากจะออกคำสั่งให้ทหารและเหล่าองครักษ์ในอำนาจของพระนางให้ไปกุมตัวและกุดหัวพวกมันให้สิ้นเสียเดี๋ยวนี้ “ขอไทเฮาจงทรงสงบพระทัย และยับยั้งโทสะสักนิดพ่ะย่ะค่ะ หากลงมือในยามนี้พวกมันย่อมเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เช่นนั้นหากพระองค์ทรงแสร้งไม่ทราบหรือเท่าทันให้พวกมันตายใจเช่นนี้จะมิใช่ว่าพระองค์จะยังทรงได้ประโยชน์แล้วพอคุ้มจึงค่อยลงมือรวบเอาไว้ได้ทั้งหมดเช่นนี้จะมิดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ” สตรีสูงศักดิ์ได้ฟังคำแนะนำเรียบง่ายก็นิ่งคิด ซึ่งก็เริ่มเห็นจริงก็หลายครั้งลงมือเก็บกวาดพวกคิดการใหญ่เหล่านี้แต่ก็ได้แต่กำจัดได้เพียงปลาเล็กปลาน้อย เหล่าผู้บงการอยู่ด้านหลังสุดท้ายก็ไม่เคยสาวเข้าไปถึงมากว่าหลายหนาวแล้ว “ได้ เอาไว้ข้าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับฮ่องเต้อีกครั้ง เจ้าก็ไปจัดการกระจายกำลังคนของ'เฮยเฟิ่ง' (หงส์สีดำ) ให้คอยสอดส่องพวกมันให้ดีสักหน่อยเช่นไรคราวนี้จะต้องกระชากหน้ากากคนชั่วคิดล้มล้างราชวงศ์หานให้จงได้ในเร็ววันนี้" “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” กายสูงใหญ่ถอยห่างเตรียมก้าวพ้นไปจากห้องทรงพระอักษรวูบหนึ่งที่เสิ่นลี่เหยานางคล้ายจะเห็นเงาของบุตรชายคนเล็กซ้อนทับคู่กับแผ่นหลังขององครักษ์ใต้ปกครองขึ้นมาแต่เพียงพระนางกะพริบตาหนึ่งครั้งภาพนั้นกลับเป็นเฉินเซินเช่นเดิม จึงระบายลมหายใจ แล้วส่ายศีรษะคาดว่าตนเองคนเป็นห่วงเป็นใยหานไท่หมิงมากไปจึงรู้สึกไม่ดีเช่นนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD