“ฮะ” ฉันสะดุ้งเมื่อถูกแทนสรรพนามว่าแฟนของใครบางคนในกลุ่ม คนถูกเรียกชื่อหัวเราะแล้วหันมามองฉัน
“ถ้าเธออยากเล่น เธอควรเปลี่ยนรองเท้าก่อนนะ” เขาว่าก่อนจะเดินตรงมา ทำหน้าลังเลว่าจะคว้ามือฉันดีรึเปล่า “เดี๋ยวผมพาไปเช่ารองเท้าก่อนดีไหม”
“ต้องเช่ารองเท้าด้วยเหรอ?”
“อืม ถ้าเธอใส่รองเท้าอื่น เดี๋ยวเธอลื่นแล้วมันจะอันตราย แต่ถ้าเธออยากหัวแตกก็ไม่เป็นไร ใส่คู่นี้เล่นได้เลย” เอสยิ้มตอบหน้าตาเฉย ทำให้ฉันย่นคิ้ว เริ่มจะกวนตีนฉันละ...
“เราไม่เล่นหรอก ไม่ต้องเปลี่ยนรองเท้าก็ได้ เรานั่งดูเฉยๆ ก็พอ”
“นั่งดูเฉยๆ เธอไม่เบื่อเหรอ?”
“เราเล่นไม่เป็น” ฉันบ่ายเบี่ยงที่จะเล่น พร้อมกับจินตนาการว่าถ้าฉันยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเกิดการเหวี่ยงพลาดขึ้นมา หน้าใครสักคนก็น่าจะแหก... เพราะลูกโบว์ลิ่งแต่ละลูก ประเมินจากสายตาน่าจะหนักเอาการ
“ผมสอนไง” เขาหัวเราะ “มันเล่นไม่ยากหรอก เธอลองดูสิ”
“ไม่ดีกว่า”
“ถ้าเธอไม่ลอง เธอก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดี” เขาว่าแล้วสบตาฉัน
“หมายถึงลูกโบว์ลิ่ง?” ฉันเลิกคิ้วแล้วมองเขากลับ... “หรือหมายถึงตัวเอง”
“โบว์ลิ่ง”
“อ้อ...”
คำพูดกับสายตานายไม่ได้หมายถึงโบว์ลิ่งเท่าไหร่นะ คนตัวสูงดึงแขนฉันไปเช่ารองเท้า และพาเปลี่ยนรองเท้าดูเชี่ยวชาญเหมือนเป็นพนักงานร้านมาเทรนด์เอง ดูแบบนี้ เขาก็ปกติดี...
ไม่เห็นเหมือนที่พ่อพูดเลย
เอสเดินไปตรงลูกโบว์ลิ่งที่วางเรียงกันหลายลูก ชี้ไปที่พวกมันก่อนจะอธิบายเหมือนคุณครู
“ลูกโบว์ลิ่งมีหลายขนาด เธอควรเลือกขนาดที่น้ำหนักพอเหมาะกับเธอ ถ้าเบาหรือหนักไปจะควบคุมได้ยาก” เขาพูดเสียงเรียบแล้วเอานิ้วเคาะเบาๆ ก่อนทอยจะตะโกนแทรก
“เลือกโบว์ลิ่งก็เหมือนเลือกผู้ชายอะเธอ ต้องเลือกอะไรที่เหมาะ เช่นไอ้เอส วู้ๆ”
วู้พ่อง... ฉันสบถในใจแต่ไม่แสดงอาการออกทางสีหน้า ยืนกอดหน้าอกเหมือนสร้างปราการเล็กๆ ป้องกันตัวเองจากคนตรงหน้า
“มึงควบคุมง่ายสำหรับคนสวยปะเอส” เทมป์ชงอีกแรง ทำให้คนตัวสูงยิ้มตาหยี
พวกบ้าเอ๊ย...
“ต้องเทสต์ก่อนนะแก” มายมินท์ก็เอากับเขาด้วย ฉันเริ่มไม่แน่ใจละว่ามาโยนโบว์ลิ่งหรือมาฟังพวกมันล้อเลียนกันแน่ เหมือนคนหน้าหวานจะรู้ว่าฉันอึดอัดเขาเลยกระแอมเบาๆ ให้คนอื่นหยุดแล้ววนกลับมาที่โบว์ลิ่งอีกรอบ
“เธอดูผมก่อนก็ได้ มันไม่ยากหรอก” คนตัวสูงว่าก่อนจะเมียงมองเล็กน้อยแล้วชี้ลูกโบว์ลิ่งลูกหนึ่ง “เธอเห็นรูบนโบว์ลิ่งไหม มันมีสามรู รูใหญ่สุดสำหรับนิ้วโป้ง เวลาเล่นเราจะสอดนิ้วเข้าไปในรู”
“รูอะไรๆๆ” เสียงตาบ้าทอย
“รูโบว์ลิ่ง” เอสหัวเราะ
“การเล่นโบว์ลิ่งก็เหมือนการเล่นกับผู้ชายอะเธอ สอดเข้าไปในรูเหมือนกัน” หมอนั่นยังคงปากหมาและพูดจาชวนจินตนาการ ฉันสูดหายใจเพื่อควบคุมสติเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะขำขันของพวกเขา
“ไอ้ทอยแม่งโคตรเหี้ย” เทมป์หัวเราะ
“กวนตีน” ฉันจิ๊ปากพลางตวัดตามองพวกเขาถลึง
“ดุว่ะ” ทอยยิ้ม ไม่สำนึกสักกะผีก
“อีทอย ทุเรศ” มายมิ้นท์ส่ายหัว ซึ่งฉันเห็นด้วย
“แล้วยังไงต่อ สอด เอ่อ เอามือเข้าไปในรูนี้แล้ว” ฉันพยายามหลีกเลี่ยงคำพูดสองแง่สามง่าม แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าประเด็น พอมองหน้าเอสที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ฉันก็ทำอะไรไม่ถูก
เออ ทำไมฉันต้องมาทรมานตัวเองที่นี่ด้วยวะเนี่ย!
เอสส่ายหัวให้กับความประสาทของเพื่อนเขาแล้วสอดนิ้วสามนิ้วให้ฉันดูก่อนจะอธิบายต่อ
“ใส่แค่ปลายนิ้วพอนะครับ ถ้าแน่นหรือลึกไปเดี๋ยวมันจะควบคุมยาก”
“สอดไปลึกๆ เลยเธอ ไม่ยากหรอก ดีจะตาย ฟินๆ” คนข้างหลังตะโกนคิกคัก “กริ๊วๆ”
“สัสทอย” เทมป์
“ต่อไปก็โยนตรงลู่ใช่มั้ย” ฉันพยายามไม่ฟังเสียงนกเสียงกา แต่ก็ปรายสายตาไปมองคนขี้แซวเล็กน้อย เอสพยักหน้าตอบรับก่อนที่ฉันจะพูดต่อ “ให้เราโยนตอนนี้อาจจะไม่เข้าลู่นะ อาจจะเข้าหน้าทอย”
“เชี่ยละ” คนถูกพาดพิงสะดุ้ง
“ล้อเล่น” ฉันยิ้มขำเมื่อเห็นทอยทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะไหวไหล่ “แต่ก็ไม่แน่ มือใหม่ไง คงควบคุมทิศทางยากหน่อย”
“เบอร์รถฉุกเฉินเบอร์อะไรนะ เรียกเผื่อกูหน่อย” ทอยหัวเราะเมื่อรู้ว่าโดนฉันกวนตีน
“ไม่ยากขนาดนั้นหรอก” เอสเอ่ยขึ้น ยังคงยิ้มอยู่ เขามองฉันกับทอยนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัว เดินนำฉันไปที่ลู่ วางเท้าแล้วจัดตำแหน่งร่างกายอย่างชำนาญ “ไม่ต้องเหวี่ยงเยอะ แค่ทำให้ลูกมันตรงไปข้างหน้า”
ฉันกอดอกมองคนตัวสูงสาธิต เอสกวาดมือที่ถือลูกโบว์ลิ่งแล้วเหวี่ยงมัน ทว่าแทนที่ลูกจะมุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อกระแทกพินสีขาวมันกลับพุ่งมาทางฉันแทน!
“แอล!”
เสียงร้องตกใจที่อยู่ใกล้ดังก้อง นัยน์ตาของฉันเห็นลูกโบว์ลิ่งพุ่งเข้ามาเหมือนสโลว์โมชั่น จู่ๆ หูก็ไม่ได้ยินอะไร ร่างกายไม่ขยับแม้จะเห็นชัดว่ามันพุ่งมาทางฉัน
เอ๊ะ...
“เชี่ย!”
ตุบ!
เสียงโบว์ลิ่งหล่นกระแทกพื้นพร้อมกับเสียงสบถของใครหลายคน
ตุบ ตุบ ครึ่ก ครึ่ก
มันหล่นกระแทกแล้วกลิ้งขลุกขลัก ทุกอย่างเงียบ สายตาทุกคู่ตรงมาทางฉันที่ยืนอึ้งกับสถานการณ์เมื่อกี้อยู่ องศาของมันโค้งลงก่อนจะถึงหน้าฉันแล้วเฉียดแขนไปนิดเดียว ไม่รู้ห่างถึงครึ่งเซนติเมตรไหม ใจฉันเหมือนหล่นไปที่ตาตุ่ม ทอยเบี่ยงตัวไปทางนึงแล้วทำท่าเหรอหรา
“เอส มึงทำเหี้ยไรเนี่ย ระวังหน่อยดิวะ เกือบโดนกูละเนี่ย” เขาโวยวาย ท่าทางหัวเสีย
ฉันใช้เวลาหลายวินาทีในการตั้งสติแล้วดึงสีหน้ากลับมาปกติก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่คนต้นเหตุ กำลังจะเอ่ยปากปรามาศกับความประมาทของเขาบ้าง
สีหน้าของเอสเรียบเฉย ก่อนจะสับเปลี่ยนเป็นตกอกตกใจในนาทีต่อมา
“ขอโทษที” เขาสบตาฉัน “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“...” ฉันส่ายหัว
“ผมตื่นเต้นไปหน่อย” เขาเกาหัวแกรกๆ ทำหน้าสำนึกผิด
“ฉันไม่เป็นไร” ฉันตอบเสียงเรียบ ทุกคนถอนหายใจดังฟู่ “แค่ตกใจนิดหน่อย คราวหลังก็ระวังกว่านี้นะ มันอันตราย”
“ขอโทษนะ” นัยน์ตาใสนั่นกะพริบช้าๆ
“ระวังหน่อย ลูกโบว์ลิ่งมันหนักนะ กระแทกหัวขึ้นมาตายห่าทำไง” เทมป์ดุเพื่อนที่เอาแต่ยืนขอโทษขอโพยด้วยใบหน้าเจื่อนๆ มือเขาเกาหัวแกรกๆ “มึงก็ออกจะเล่นบ่อย ทำไมพลาดวะ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ” เขาหัวเราะเจื่อนๆ ก้มโค้งขอโทษขอโพย
...ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าฉันไม่ได้มองผิดไป ในตอนที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายเพราะลูกโบว์ลิ่งเกือบจะพุ่งใส่ฉัน วินาทีนั้น เขายืนด้วยสีหน้านิ่งมาก
นิ่งจนฉันชักจะสงสัยว่ามันคืออุบัติเหตุหรือจริงๆ แล้วเขาตั้งใจโยนใส่ฉันกันแน่