คุณหมออนุญาตให้ยายออกจากโรงพยาบาลได้ ไพลินและบัวชมพูพายายกลับบ้านสวน ชมพูนอนพักที่บ้านของยายจันหนึ่งคืนสองสาวพูดคุยกันสมกับที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนแค่ได้พูดคุยกันเพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้วสำหรับชีวิตของคนธรรมดาที่ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนกัน
บ้านของยายเป็นบ้านไม้ทรงไทยโบราณใต้ถุนสูงหลังใหญ่ ปลูกอยู่บนเนื้อที่ยี่สิบไร่ ตัวบ้านแยกออกมาปลูกในเนื้อที่ห้าไร่ แบ่งห้าไร่ไว้ปลูกทุกอย่างที่อยากกิน อีกสิบไร่ยายให้คนเช่า สมัยก่อนอยู่กันครบพร้อมหน้าพร้อมตา มีตา ยาย แม่และพ่อของเธอ แต่หลังจากที่แม่เธอแต่งงานกับพ่อ ทั้งสองคนก็ย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพฯด้วยธุรกิจของพ่อเธออยู่ในกรุงเทพฯทั้งหมด กลับไปหายายกับตาบ้างเดือนละครั้ง กระทั่งตาเสียชีวิตแม่เธอตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่บ้านกับยาย พ่อเธอเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯและบ้านยาย หลังๆมาพ่องานเยอะมากขึ้น กลายเป็นแม่ที่ขับรถพาเธอไปหาพ่อที่กรุงเทพฯ หลังแม่เธอเสียชีวิตไพลินอยู่กับยาย กระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยเรียนจบได้ทำงานที่กรุงเทพฯทุกเย็นวันศุกร์เธอขับรถกลับมาหายายเกือบทุกสัปดาห์
สมัยที่เธออยู่ด้วยยายเลี้ยงไก่ หมา แมว ไว้เป็นเพื่อน พอเธอไม่อยู่ พวกมันก็ค่อยๆแก่และทยอยตายไปหมด ยายก็ไม่เลี้ยงสัตว์อีกเลยแค่ลงสวนก็เกือบหมดวันแล้ว นี่คือสิ่งที่ไพลินห่วงมาก ยายเคยเป็นลมในสวนจนฟื้นขึ้นมาเอง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำยายไม่เล่าให้ฟัง เพิ่งมาเผลอพูดเมื่อไม่นานมานี่เอง หญิงสาวพยายามห้ามยายไม่ให้ลงสวนแต่ก็ไร้ผล เธออยู่กรุงเทพฯยายอยู่ต่างจังหวัด มีหรือคนแก่จะฟังยังคงเข้าสวนไปทำโน้นทำนี่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไพลินกับบัวชมพูเข้าไปกราบพระในห้อง สมัยเด็กยายพาสองสาวสวดมนต์บ่อยๆแต่ด้วยเพราะยังเด็กและเป็นวัยรุ่นทั้งไพลินและบัวชมพูไม่ค่อยมีเวลาสวดมนต์มากนัก ทั้งสองคนเหมือนกันคือ ใช้เวลาไม่มากในวันพระสวดมนต์ก่อนนอน
บ่ายๆไพลินขับรถไปส่งบัวชมพูที่โรงพยาบาล แล้วรีบกลับบ้านมาพายายออกไปซื้ออาหารสดเพื่อมาทำกับข้าวกินกัน ยายจันเหมือนคนไม่เคยป่วย คงเพราะได้กำลังใจจากหลานสาว ไพลินเริ่มเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของยายบางส่วนใส่กระเป๋าเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
“หนูพายมาหายายหน่อยลูก”
“มีอะไรจ๊ะยาย ลืมอะไรหรือเปล่าพายมีกระเป๋าว่างอีกใบมีอะไรก็ใส่เข้าไปเพิ่มได้”
“มานี่มานั่งบนตั่งใกล้ๆยายหน่อยลูก”
ยายจันนั่งอยู่บนตั่งตัวใหญ่ข้างๆตัวมีหีบไม้สักใบใหญ่สองใบวางอยู่ข้างตัว หนึ่งใบเล็กหนึ่งใบใหญ่ หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งลงบนตั่งใกล้ๆยาย มองดูหีบไม้ใบใหญ่ที่เปิดฝาแล้ว เอกสารโฉนดที่ดินหลายใบรวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิตหลายใบ รวมถึงเอกสารการเงินหลายอย่างวางไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ในหีบ ยายเปิดหีบอีกใบที่เล็กกว่าใบแรก ภายในมีกล่องเครื่องประดับเล็กใหญ่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ดูจากสภาพภายนอกกล่องกำมะหยี่เหมือนกับว่า ไม่ได้เปิดออกมาทำความสะอาดเลย ฝุ่นผงเกาะเต็มไปหมด
“หนูพายช่วยยายทำความสะอาดหน่อยสายตาพร่ามัวเหลือเกิน ใส่แว่นแล้วก็ยังไม่ชัดสงสัยจะเสื่อมตามกาลเวลาแล้วล่ะ”
“ยายจ๋า พายว่าหาผ้าขาวมารองดีกว่าพายกลัวว่าจะทำของยายเสียหาย เผื่อตกหล่นไปแย่เลย”
ตู้ไม้สักใบใหญ่แบ่งเป็นสองฝั่งเป็นกระจกใสแบ่งเป็นสามชั้น ภายในมีเสื้อผ้าพับเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบชั้นบนสุดเป็นพวกผ้าผืน ชั้นที่สองเป็นเสื้อพวกผ้าลูกไม้ ชั้นที่สามเป็นผ้าถุง อีกฝั่งที่เป็นกระจกเงาเป็นราวสำหรับแขวนมีชุดผ้าไหมของยายหลายชุดแขวนเรียงไล่สีกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านล่างมีผ้าแพรสำหรับห่ม และผ้าฝ้ายหลายผืน เธอเลือกสีขาวมาหนึ่งผืน
“หนูพายเอาออกมาทำความสะอาดให้หมดเลยนะลูก แล้วช่วยตรวจให้ยายหน่อยตามรายการในสมุดบัญชีเล่มนี้ว่ายังอยู่ครบไหม”ยายจันวางสมุดบัญชีเล่มใหญ่ไว้ข้างๆไพลินก่อนที่จะเอนหลังมองหลานสาวนั่งทำความสะอาดเครื่องประดับ หลานสาวคนเดียวถอดแบบแม่มาทุกอย่าง แม่ของไพลินเป็นคนสวยแต่เศร้าอายุไม่ยืน เสียชีวิตไม่นานสามีก็มีภรรยาใหม่ โชคดีเหลือเกินที่ไพลินไม่ใช่คนคิดมาก หลานสาวคนนี้เป็นคนไม่ยึดติดอะไรพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
ยายจันรู้ว่าเงินที่คุณพายัพโอนให้ไพลินทุกเดือนจำนวนสามหมื่นบาทหลานสาวไม่เคยเอาออกมาใช้เลย เก็บฝากธนาคารทุกบาททุกสตางค์ถึงเวลานี้คงมีจำนวนมากแล้ว ไพลินใช้เงินที่เป็นส่วนของแม่ที่ฝากไว้ให้และเงินของยายจันเอง ลำพังยายจันอยู่คนเดียวไม่ต้องใช้อะไรมาก ข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ อาหารการกินซื้อเพียงแต่เนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผักผลไม้นี่น้อยมากที่จะได้ซื้อ เพราะในสวนของยายมีทุกอย่างเกือบครบ
“ยายจ๋าทำไมเครื่องประดับพวกนี้มีมากจัง ล่าสุดพายจำได้ที่เคยทำความสะอาด ยังไม่เยอะขนาดนี้นี่นา ยายซื้อเพิ่มหรือจ๊ะ”ไพลินถามยายมือก็ง่วนทำความสะอาดเครื่องประดับของยาย เธอรู้ว่าบางชุดราคาแพงมากสมัยยายยังสาว รับมรดกมาจากยายทวดอีกที ยายเป็นลูกสาวคนเดียวเช่นกันเลยทำให้สมบัติทุกอย่างไม่มีใครมาแย่ง และยายยังคงรักษาไว้อย่างดี
“ไม่หรอกลูกหนูพายดูดีๆบัญชีเล่มที่สอง ชั้นล่างเป็นของยายชั้นบนเป็นของแม่หนูพายไงลูก”
“ทำไมเยอะจังเลยจ๊ะยาย พายไม่เคยเห็นของแม่เลย”
“ของพวกนี้แม่ของหนูเขาฝากยายไว้ สั่งไว้ว่าให้เก็บไว้ให้หนูพายมีบางส่วนที่ยายให้เขา หลังๆมาเขาก็ซื้อเองบ้างงามๆทั้งนั้นล่ะลูก เหมาะกับหนูพายเวลาไปงานจะได้ไม่อายใครเขา เดี๋ยวเอาพวกชุดผ้าไหมไปไว้ใส่ด้วยนะลูก ของแม่เราทั้งนั้นแหละเก็บไว้ก็ไม่มีคนใส่”
“เอกสารพวกนี้ยายเพิ่งไปเอามาจากธนาคารก่อนหน้าที่หนูพายจะกลับบ้าน เอกสารพวกนี้เหมือนกันของแม่เราบางส่วน ของยายบางส่วน “
“อ้าวแล้วเอาออกมาทำไมจ๊ะยาย อยู่ในธนาคารก็ดีแล้ว”
“ยายอยากให้หนูพายรู้เห็นว่าบ้านเรามีอะไรบ้าง และยายทำพินัยกรรมไว้หมดแล้วนะ ทรัยพ์สมบัติทุกอย่างเป็นของหนูพายคนเดียว”
“ยายจ๋าพายยังไม่รับหรอก เก็บไว้ที่ยายดีแล้วยังไงเราก็อยู่ด้วยกันเดี๋ยวพายทำหายล่ะแย่เลยค่ะ”
“ไม่หรอกจะหายได้ยังไงทุกอย่างเป็นของดีคนมีบุญและเหมาะสมเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง สมบัติทุกอย่างยายกับแม่ได้มาด้วยความสุจริตไม่ได้คดโกงใครมา และต้องเป็นหนูพายเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของรับไว้เถอะลูก ยายให้ทนายทำเอกสารมอบให้หมดแล้วหนูพายก็แค่เซ็นชื่ออย่างเดียว”
“ยายจ๋าไม่เอาจะรีบยกให้พายทำไมจ๊ะ ยังไงยายก็อยู่กับภายอยู่แล้วไม่เห็นต้องรีบโอนให้เลย”
“เอาเถอะน่ารับไปเถอะลูกไม่งั้นยายจะไม่สบายใจ”
“ยายจ๋าเดี๋ยวพายก็กลับมาอยู่ที่นี่กับยายแล้ว ไม่ต้องหรอกค่ะพายว่ามันเยอะเกินไป”
“หนูพายรับไปเถอะลูกยายตั้งใจให้หลานอยู่แล้ว แม่ของหลานเขาก็ตั้งใจมอบให้หลาน”
ไม่ว่าไพลินจะปฏิเสษยังไงยายจันก็ยังยืนยันว่าต้องยกทุกอย่างให้เธออยู่แล้ว ทำเสียตั้งแต่วันนี้ให้เสร็จเรียบร้อย และรับปากว่าจะไปอยู่ที่กรุงเทพฯกับเธอ ไพลินถึงยอมเซ็นรับทุกอย่างจากยาย หลังจากทำความสะอาดเครื่องประดับและตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว ยายยกหีบไม้ทั้งสองใบให้ไพลินเก็บไว้และให้นำไปไว้ที่กรุงเทพฯด้วย
“เอาล่ะยายสบายใจแล้วทุกอย่าง เรื่องที่ดินไม่ต้องห่วงยายทำรั้วรอบขอบชิดชัดเจน ไม่เคยมีปัญหากับที่ข้างเคียง ท้ายสวนปานกับเมียเขายังอยู่กับเรานะหนูพาย ยายยกที่ดินให้เขาห้าไร่แยกออกไปต่างหาก จ้างเขาให้ดูแลสวนให้ และให้เขาเช่าที่เราทำกิน ดีกว่าปล่อยที่ดินไว้เฉยๆต้องดูแลเขานะ ลูกเขายังเล็ก เห็นว่าลูกสองคนกำลังเรียนมัธยมด้วยกันทั้งคู่ เขาก็ดีช่วยยายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นคนซื่อทั้งผัวทั้งเมีย ยายก็ได้อาศัยพวกเขา”
“พายจำได้จ๊ะยาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก่อนเข้ากรุงเทพฯพายว่าจะแวะไปหาลุงกับป้าเขาสักหน่อยจะฝากสวนฝากบ้าน ให้เขามาดูให้บ่อยๆ”
“ดีๆลูกนี่ยายลืมไปเลยนะว่าเราจะไม่อยู่บ้านเกือบเดือนจริงอย่างที่หนูพายพูดไปบอกเขาให้แวะมาดูบ้านให้เราสักหน่อย คนสมัยนี้ไว้ใจยากไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
ไพลินเก็บสมบัติที่ยายให้ใส่ตู้เซฟไว้อย่างดี ยายออกไปทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็น ยายจันรู้ว่าหลานสาวไม่ค่อยได้กินของอร่อยๆนักที่กรุงเทพฯทุกเวลาเป็นเวลาเร่งด่วนทั้งวัน อาจจะทั้งคืนด้วยก็ได้ ไม่เหมือนต่างจังหวัด ที่มีเวลาเร่งด่วนก็แค่ช่วงเช้า เด็กๆไปโรงเรียน และช่วงเด็กเลิกเรียน คนจะเยอะอีกครั้งก็พนักงานโรงงาน และข้าราชการเลิกงาน
ยายจันสงสารหลานสาว หญิงชรารู้ว่าไพลินมีโครงการกลับมาอยู่บ้าน หลานสาวไม่ได้อยากอยู่ในเมืองใหญ่ แค่เพียงอยากหาประสบการณ์โชคดีที่ทำงานไพลินเป็นที่รักของทุกคน ด้วยนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ก้าวร้าวทำให้คนที่พบเห็นเมตตา
ที่เห็นว่ามีปัญหากับหนูพายของยายก็คือแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงเพียงสองคนเท่านั้น แน่นอนอยู่แล้วคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของหลานสาวที่ต้องมาเจอสองคนนั่น คนเราต้องมีเรื่องราวผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อนชาตินี้ถึงได้มาพบและรู้จักกัน ยายจันสบายใจแล้วที่ได้มอบทรัยพ์สินทุกสิ่งทุกอย่างให้หลานสาว ต่อไปถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ห่วงอะไรแล้ว สิ่งที่ไพลินเพิ่งได้รับรวมกับเงินสดในธนาคารรวมๆแล้วก็หลายสิบล้านเลยทีเดียวมีใช้ไปจนเฒ่าจนแก่ก็ไม่มีวันหมด เพราะยายจันรู้ว่าหลานสาวคนเดียวเป็นประหยัดไม่ฟุ้งเฟ้อ