กรุงเทพมหานคร สำนักงานทนายความ เลิศวัฒนากิจ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้ทนายความกำลังเรียบเรียงเอกสารของลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระเงินกู้ไว้ให้เจ้านายพิจารณา
แดนไทย เลิศวัฒนากิจ เจ้าของ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำนักงานตรวจสอบบัญชี โรงแรม หลายสาขากระจายไปตามจังหวัดใหญ่ๆของประเทศไทย พ่อกับแม่เขาได้รับมรดกมาจากปู่กับย่า เรียกว่ารวยมาตั้งแต่เกิด พ่อกับแม่เขาวางมือทางธุรกิจปล่อยให้เขากับน้องสาวบริหารงาน น้องสาวเขารับหน้าที่ดูแลการเงินทั้งหมด ส่วนเขารับหน้าที่ดูแลงานบริหารทั้งหมด พ่อกับแม่เขาวางงานไว้ดี พนักงานเก่าไว้ใจได้เกือบทุกคน เขากับน้องสาวทำงานสบายๆ จะยุ่งเวลาสิ้นเดือนเท่านั้นเพราะต้องเซ็นเอกสาร เขากับน้องเดินทางไปทั่วเมืองไทยเพื่อตรวจดูธุรกิจ ทรัพย์สินที่มีมากมายใช้ชาตินี้ก็ไม่หมด รวยแบบเงียบๆไม่ฟุ้งเฟ้อไม่หรูหรา ทุกคนยังคงใช้ชีวิตปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
ทั้งสองพี่น้องโสดมาก แดนไทยโสดเพราะเขาไม่รักใคร มีผู้หญิงจำนวนมากที่ยอมเป็นแค่คู่นอนของเขา แดนไทยไม่เอาเปรียบใคร มีสัมพันธ์กัน เขาก็ตอบแทนทุกคนไม่ว่าจะเป็นเงินทอง บ้าน รถ ที่ดิน และสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องเจรจากับผู้หญิงของเขาทุกคนทุกครั้ง คือการป้องกันตลอดไม่มีพลาด เคยมีผู้หญิงที่พยายามจะมาเป็นเจ้าของเขา แต่ไม่สำเร็จบอกว่าท้องกับเขา ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ค่อนข้างระวังตัวไม่บ้าผู้หญิงเหมือนสมัยวัยรุ่น ถ้าไม่ถูกใจจริงๆเขาจะไม่ยุ่งด้วยเลย หลังๆมาเขาเริ่มเบื่อเก็บตัวเงียบๆ ไม่ทำตัวฮอตเหมือนเมื่อสิบปีที่ผ่านมา เขาเบื่อผู้หญิงบางคนสวยถูกใจ แต่พอได้ใกล้ชิดหลายคนก็ไร้สาระเกินไป
เขาเป็นคนใจร้อนมาก พูดคำไหนคำนั้น อารมณ์ร้อนใครอย่าได้มีปัญหากับเขาและถ้าสิ่งไหนเขาไม่ผิด เขามักเอาคืนอย่างเจ็บแสบ ในแวดวงคนที่ทำธุรกิจด้วยกัน ส่วนมากจะรู้จักนิสัยของเขาดี ไม่ค่อยมีใครอยากมีปัญหากับเขา ประกอบกับรวยมาก เวลามีเรื่องขัดแย้งกันทางธุรกิจไม่ค่อยมีใครอยากบวกกับเขา เพราะถ้าไม่ผิดเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด และไม่สนใจว่าคู่กรณีเป็นใครและใหญ่แค่ไหน ความใจร้อนความบ้าของเขาทำพ่อกับแม่เดือดร้อนหลายครั้ง สมัยเป็นเด็กกระทั่งวัยรุ่น
แดนไทยไม่ใช่คนหล่อเลย รูปร่างเขาสูงใหญ่เหมือนพ่อ ผิวเข้มแต่เนียน หน้าดุมีแผลเป็นที่แก้มข้างขวา สมัยพ่อกับแม่ส่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศ เพราะความใจร้อนเขามีเรื่องกับคนผิวดำ พลาดท่าถูกมีดกรีดหน้า สามรุมหนึ่งเขาสู้ไม่ถอยคนผิวดำบาดเจ็บหนักมาก เขาก็แทบไม่ไหวดีที่ดำรวจมาก่อน พ่อเขาไปเคลียร์ให้ และพาเขากลับเมืองไทย ย้ายไปเรียนอีกประเทศ ก็ยังไม่วายก่อเรื่องเพราะความใจร้อน นี่เป็นสาเหตุแรกที่พ่อกับแม่ ส่งเขาไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก มีคนเคยถามเขาว่าทำไมไม่ทำศัลยกรรม เขาตอบว่าไม่จำเป็น เอาไว้เตือนตัวเองว่ามันเกิดจากความใจร้อนและความวู่วามของเขาเก็บไว้เตือนใจตัวเองได้ดี
“คุณอำพลครับ เข้ามาหาผมหน่อย”
“ครับคุณแดนไทย มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“บริษัทฯตรวจสอบบัญชี เรามีหุ้นอยู่เท่าไหร่ครับ”
“80% ของหุ้นทั้งหมดครับ”
“งั้นผมขอรายละเอียดทั้งหมดของ บริษัทฯรับตรวจสอบบัญชีหน่อยนะครับ ไม่รีบ”
“ได้ครับ สัปดาห์หน้าผมจะเข้าไปประชุมผู้ถือหุ้น คุณแดนไทยจะเข้าไปด้วยกันไหมครับ”
“ไป แต่คุณอำพลไม่ต้องบอกใครนะครับว่าผมเป็นใคร ไม่มีใครรู้จักผมหรอก”
“ได้ครับ” คุณอำพลเข้าใจเจตนาของเจ้านายว่าทำไมถึงไม่อยากเปิดเผยตัว ความที่เจ้านายเขายังโสดมีผู้หญิงมากมายที่อยากเข้าหา เวลามีงานที่จะต้องไปติดต่อ เจ้านายทำตัวเหมือนเป็นบอดี้การ์ดของเขา บางทีเขาก็ขำเจ้านายเขาแสดงได้เหมือนจริงๆหน้าตาและหุ่นก็ให้ บางทีเจ้านายของเขาก็พกปืนไปด้วย บางบริษัทฯสงสัยว่าทำไมเขาเป็นแค่ทนายความ แต่มีบอดี้การ์ดติดตามคุ้มครอง และดูเหมือนว่าเจ้านายจะสนุกกับหน้าที่นี้มาก และครั้งนี้ก็เช่นกันคุณอำพลยิ้ม
"คุณอำพล ผมขอข้อมูลของบริษัท คุณพายัพหน่อยนะครับ เห็นว่าผิดนัดชำระเงินเราหลายรอบแล้วใช่ไหม"
"ผมใส่ซองสีน้ำตาลวางไว้บนโต๊ะในห้องทำงานหลายวันแล้วนะครับ"
“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมดูเอง”
“ เมื่อไหร่คุณแดนไทยจะเปิดเผยตัวสักทีครับ คนจะลืมหน้าหมดแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แบบนี้แหละดีแล้ว”
“เดี๋ยววันเวลาผมจะแจ้งมาอีกครั้งนะครับคุณแดนไทย”
“เออ...คุณอำพล บริษัทฯคุณพายัพ นี่เป็นยังไงบ้าง ผมหมายถึงยอดขาย และกำไร”
“ไม่ดีครับ ดูเหมือนว่ารายรับกับรายจ่ายไม่ค่อยดี”
“เท่าไหร่ที่เขากู้เงินเราไป”
“ผมจำตัวเเลขและรายละเอียดไม่หมดครับ เอาแบบตัวเลขกลมๆนะครับประมาณห้าสิบแปดหรือห้าสิบเก้าล้านบาท”
“โอเค เดี๋ยวคืนนี้ผมดูเอง แต่ตอนนี้ผมขอไปธุระสักหน่อย คุณอำพลจะทำอะไรก็ตามสบายนะ”
แดนไทยขับรถสี่ประตูของเขาออกไปแล้ว วันนี้เขานึกอยากกินอาหารบางอย่างที่ร้านอาหารชื่อดัง บางทีเขาก็อยากไปไหนมาไหนคนเดียว การที่เขาไม่เอาหน้าตาออกหน้าในเรื่องธุรกิจ ทำให้คนทั่วไปจำเขาไม่ค่อยได้ แดนไทยกับดารณีนิสัยเหมือนกัน ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า
เขาสั่งอาหารและเริ่มกิน เลือกนั่งมุมที่เป็นส่วนตัวที่สุด แต่ก็มองเห็นเวลาที่มีคนเดินเข้ามาภายในร้านอาหาร เสียงพูดคุยที่ค่อยๆดังขึ้นจากโต๊ะถัดไป ดังจนเขาได้ยินทุกคำพูด อดไม่ได้ที่จะมองดูเจ้าของเสียง ลูกค้าสองคนน่าจะเป็นแม่กับลูก สองคนนั่นไม่เห็นเขา และถ้าไม่ได้สนใจคนรอบข้างก็จะไม่รู้ว่ามีเขานั่งอยู่ตรงนี้ แดนไทยคุ้นหน้าคนเป็นแม่มาก แว่นดำกับหมวกแก๊ปที่เขาใส่ พรางตัวและพรางหน้าเขาได้ดีทีเดียว ไม่ได้ตั้งใจฟ้งแต่เพราะเสียงคุยของสองแม่ลูกนั่นดังเหลือเกินทำให้เขาได้ยินทั้งหมด
“แม่คะ เดือนนี้ทิพย์ขอเงินเพิ่มอีกสองแสนนะคะ ทิพย์จะไปเที่ยวภูเก็ต”
“ไปแค่ภูเก็ต ทำไมใช้เงินเยอะจังเลยลูก”
“แม่คะ สองแสนนี่แป๊ปเดียวก็หมดแล้วนะคะ เงินพ่อกับแม่ตั้งเยอะแยะแค่ให้ลูกสาวคนเดียวไม่เห็นเป็นไร อีกอย่างนานแล้วนะคะที่ทิพย์ตามใจพ่อกับแม่ เก็บตัวอยู่บ้านไม่ออกไปไหน”
“สายทิพย์ แม่อยากจะเตือนหน่อยนะ ช่วงนี้บริษัทเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“แม่คะ ก่อนที่แม่จะบอกทิพย์ ให้ไปบอกนังพายก่อนเถอะค่ะ เงินที่ส่งให้มันทุกเดือนมากี่ปีแล้ว สู้เอาเงินนั้นมาจ้างคนสวนคนใช้จะดีกว่า”
“แม่ทิพย์ นี่อย่าพูดแบบนี้ให้พ่อเขาได้ยินนะ ทิพย์เองก็ได้เยอะกว่าเขาอีก แม่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“ทำไมคะแม่ จริงๆคุณพ่อไม่ต้องส่งเสียเขาด้วยซ้ำ งานการก็มีทำก็ใช้เงินของตัวเองไปซิ ทำไมต้องมาใช้เงินของครอบครัวเราด้วย”
“ทิพย์ก็รู้ว่าคุณพ่ออยากให้เขาเอง เด็กนั่นก็ไม่ได้อยากได้เท่าไหร่หรอก”
“ทิพย์ไม่เชื่อหรอกค่ะแม่ นังพายมันฉลาดเงินที่พ่อให้มันก็เอาไปใช้จ่ายกับยายของมัน สุขสบายกันจะตายไหนจะคอนโดไหนจะรถ ทำไมคุณพ่อถึงต้องดูแลขนาดนั้นก็ไม่รู้”
“ไม่เอาๆพอแล้วลูก เดี๋ยวแม่โอนเพิ่มให้เป็นห้าแสนล่ะกันนะ แล้วห้ามพูดถึงเด็กนั่นให้คุณพ่อได้ยินนะ”
“แม่คะ บางทีมันก็ห้ามไม่ได้หรอกนะคะ ทิพย์นี่หมั่นไส้มากเลยแต่ยังไงทิพย์ก็ขอบคุณแม่นะคะ คุณแม่สายสมรใจดีที่สุดเลย กินข้าวกันเถอะค่ะทิพย์หิวแล้ว”
“นี่ทิพย์เดือนหน้าแม่จะไปญี่ปุ่น จะไปกับแม่ไหมแม่จะไปเที่ยวพักผ่อนสมองสักสองอาทิตย์”
“ไม่เอาค่ะแม่ ทิพย์จะไปสวิตทิพย์เบิกเงินสำหรับเที่ยวด้วยนะคะ ยังไม่รู้ว่าจะไปกี่วันรอเพื่อนสรุปค่ะ”
“แม่ทิพย์ นี่เมื่อไหร่จะเข้าไปเรียนงานกับคุณพ่อสักที เรียนจบแล้วนะลูก”
“ไม่เอาหรอกค่ะแม่ เรื่องอะไรอย่างทิพย์นี่ต้องทำงานด้วยเหรอคะ ลูกสาวคนเดียวของท่านประธาน ต้องทำงานด้วยเหรอคะแม่”
“มันก็ไม่ต้องขนาดนั้น แต่แม่อยากให้เขาไปดูงานบ้าง เดี๋ยวเราจะไม่เหลืออะไร ถ้าเกิดพ่อเขาดึงตัวลูกสาวเขามาทำงานด้วยล่ะแย่เลยนะ ได้ข่าวว่าเขาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีด้วยนะ ทำงานเก่งด้วย”
“แม่คะจะมาพูดอะไรตอนนี้คะ แม่จะมาชมแม่นั่นต่อหน้าทิพย์ได้ยังไงใครจะมาสำคัญเท่าลูกคะแม่ ก็ลองดูถ้าคุณพ่อพาแม่นั่นเขามายุ่งเกี่ยวภายในบริษัทฯทิพย์จะอาละวาด”
“แม่ก็แค่เดือนไว้ ว่าถ้าว่างทิพย์ต้องเข้าบริษัทฯบ้าง ไม่ต้องเสียงดังหรอกน่า”
“แม่เริ่มก่อนนะคะ ทิพย์ก็อยู่ของทิพย์ดีๆทีหลังทิพย์ไม่มากินข้าวกับแม่แล้วนะคะ ไม่อยากได้ยินชื่อแม่นั่น แล้วก็ไม่ต้องเอาทิพย์ไปเปรียบเทียบกับแม่นั่น”
เสียงกระแทกช้อนดังขึ้นหลายรอบ ตามมาด้วยเสียงบ่นไม่ยอมหยุด เสียงคนเป็นแม่ปลอบโยน ขอโทษลูกอยู่นั่น จากที่โอนไปห้าแสน ผู้เป็นแม่โอนเพิ่มอีกหนึ่งแสนลูกสาวถึงได้เงียบ ไม่น่าได้กินอาหารที่สั่งมาด้วยซ้ำ ผู้เป็นลูกลุกออกไปก่อน คนเป็นแม่เรียกเด็กเช็คบิลแล้วรีบเดินเร็วตามลูกสาวออกไป
แดนไทยตั้งใจมานั่งกินข้าวและคิดงานเงียบๆ กลายเป็นว่าเขาต้องมารู้เรื่องราวไร้สาระ อยู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ ผู้หญิงคนที่เป็นแม่นั่น ภรรยาของ คุณพายัพ กิจษานุรักษ์ ลูกหนี้รายใหญ่ของเขา และเขาได้กลิ่นไม่ดีเลยฐานะทางการเงินของบริษัทฯคุณพายัพ กำลังแย่ แต่ภรรยากับลูกสาวดูท่าทางจะไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ใช้เงินกันเป็นว่าเล่น ลูกสาวไม่ทำงานแม่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ นี่สองแม่ลูกไม่รู้สถานการณ์ของบริษัทฯตัวเองเลยหรืออย่างไร โอนเงินกันง่ายจังเลย คนที่เป็นลูกสาวนั่นดูท่าทางแต่งตัวเก่งมาก ทั้งตัวของแม่กับลูก แบรนด์เนมทั้งนั้น