“แต่งงานกับผมนะนวล” ร่างสูงใหญ่คุกเข่ากับพื้นทรายขณะเดินชมพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็นที่ชายหาด
“ภู” เธอหยุดเดินเรียกชื่อชายคนรักที่คบหากันมานานได้สองปีกว่า เธอยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นเขาล้วงแหวนวงเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตฮาวาย
“แต่งงานกันนะครับ” น้ำเสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยขอหญิงสาวที่รักอีกครั้ง
“ภูแน่ใจแล้วนะคะ?” เธอถามแฟนหนุ่มอีกครั้งเพื่อให้เขามั่นใจว่าหากสวมแหวนให้เธอแล้วไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนใจไปจากเธอแล้วนะ
“แน่ใจครับ ในชีวิตของผมไม่มีอะไรแน่ใจไปกว่าการขอนวลแต่งงานแล้วครับ”
เสียงทุ้มแต่หนักแน่นเอ่ยบอกแฟนสาวของตัวเอง เขาภูเบศพบเจอนวลพรรณที่งานเลี้ยงของบริษัทเพื่อน เขาจำได้ดีเสียงหวานนุ่มยามร้องเพลงบนเวที ยามเธอร้องเพลงเธอยิ้มมีความสุข และผู้คนที่ได้ฟังเธอร้องเพลงก็มีความสุข เมื่อเสียงนุ่มละมุนขับบรรเลงเพลงรักซึ้งๆ
“ตกลงแต่งงานกันนะครับนวล”
“ค่ะ นวลจะแต่งงานกับภู” เธอตอบตกลงเสียงสั่นเครือ
ภูเบศสวมแหวนให้นิ้วมือเรียวงามที่ยื่นมือให้ทันที ภูเบศไม่ปล่อยโอกาสแห่งความสุขนี้หลุดมือไป เขาสวมแหวนให้เธอแล้วบรรจงจูบหลังมือนุ่มอ่อนโยน ก่อนจะผละออกมาแล้วแหงนเงยขึ้นบอกรักหวานซึ้งกับเธอ
“ผมรักนวลนะครับ”
“นวลก็รักคุณภูค่ะ” เธอบอกรักเขาพร้อมย่อตัวประคองร่างสูงที่คุกเข่ากับพื้นทรายให้ลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ตกลงแต่งงานกับผม” ภูเบศโอบกอดร่างบางในชุดเดรสสีขาวที่ปลิวไสวไปกับลมทะเลยามเย็นไว้หลวมๆ พร้อมผละออกมาจุ๊บหน้าผากมนของว่าที่เจ้าสาวตัวเองแล้วบอกรักเธออีกครั้ง
“ผมรักคุณนะนวล”
“ฉันก็รักคุณค่ะภู” เธอแหงนหน้าขึ้นบอกคนตัวสูงที่ตัวเองก็โอบกอดเอวไว้หลวมๆ เช่นกัน
เมื่อตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วทั้งสองก็ยืนโอบกอดกันมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า และลมทะเลก็พัดอ่อนๆ ปะทะผิวทั้งสองทำให้รู้สึกหนาว ภูเบศจึงโอบกอดว่าที่เจ้าสาวตัวเองไว้แน่นเมื่อเห็นเธอห่อตัวซุกอกตัวเอง ส่วนนวลพรรณก็โอบกอดว่าที่เจ้าบ่าวตัวเองไว้แน่นเช่นกันเมื่อลมทะเลพัดต้องผิวกายจนหนาวยะเยือก