เมื่อต้าหลงมาถึงตำหนักหวายกงของพระสนมซูเฟย ขันทีที่เฝ้าประตูตำหนักขานพระนาม พร้อมกับคุกเข่าลงหมอบกราบทันใด
“ฝ่าบาทเสด็จ”
เจิ้งกูกูรีบออกมาถวายบังคมโดยการหมอบกราบลงเช่นกัน
“เงยหน้าขึ้น”
“ขอบพระทัยเพคะ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”
“ไม่ต้องมากพิธีกับข้าแล้ว สนมรักของข้าเป็นเช่นใดบ้าง”
เจิ้งกูกูจึงตอบว่า
“หมอหลวงแจ้งว่าเพราะช่วงนี้อากาศไม่ค่อยคงที่ จึงทำให้เกิดอาการเลือดลมภายในเดินไม่สะดวก หายพระทัยติดขัดเพคะ แต่ก่อนหน้าพระสนมได้เสวยโอสถบรรเทาไปแล้วจึงทำให้หายพระทัยได้ดีขึ้นเพคะ”
“หมอหลวงเล่า”
“พระสนมให้กลับไปแล้วหลังจากเสวยยาเพคะ”
“อืม เช่นนั้นเปิดประตูให้เรา”
นางกำนัลที่คุกเข้าเฝ้าประตูชั้นในอยู่จึงรับทำตามรับสั่ง ฝ่าบาทข้ามธรณีประตูเข้าไปด้านในแล้วพวกนางจึงรีบปิดอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเจิ้งกูกูมีรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด สายตามีแววพึงพอใจอย่างห้ามไม่อยู่
วันนี้เป็นวันที่ฝ่าบาทต้องร่วมหอกับฮองเฮา ทว่าเพียงมารยาเล็กน้อยของซูเฟยก็ทำให้พระองค์ต้องหยุดรถม้าแล้วตรงมาที่ตำหนักหวายกงในทันใด
เรื่องดี ๆ เช่นนี้คงไม่อาจเก็บเอาไว้แค่ในตำหนักหวายกงแล้ว เจิ้งกูกูจึงสั่งนางกำนัลผู้หนึ่งให้ขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงกระซิบสั่งการแผ่วเบา
“เจ้าจงไปป่าวประกาศเงียบ ๆ ว่าบัดนี้ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหวายกงแทนที่จะเสด็จไปร่วมหอกับฮองเฮาที่ตำหนักชิงกง ทำให้แนบเนียนอย่าให้ผู้ใดจับได้ว่าเรื่องนี้เป็นการจงใจให้คนนอกได้รู้”
“เจ้าค่ะกูกู”
เรื่องลับที่ไม่ลับได้ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเรื่องราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาที่ถูกขังไว้ที่หลังวังหลวงนั้นผู้ใดก็ย่อมสนใจ
กระทั่งในวันวิวาห์ฝ่าบาทยังไม่เสด็จไปประทับยังตำหนักใหม่ของนาง ช่างน่าอดสูโดยแท้
ต้าหลงในใจย่อมรู้ว่านี่คือแผนการของซูเมิ่งที่ต้องการไม่ให้เขาไปหาหญิงจากแดนสู่ผู้นั้น ในใจของเขาจึงอยากรู้ว่านางจะมีวิธีการใดที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้ทั้งคืน
นั่นเป็นเพราะว่าหากพระสนมเจ็บป่วยย่อมไม่เป็นการดีที่ฮ่องเต้เช่นเขาจะคลุกคลีใกล้ชิดเพราะต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดไข้มาจากนาง
เมื่อเข้าไปถึงแท่นนอนของซูเมิ่ง ต้าหลงมองเห็นเพียงเงาเลือนลางของนางที่นอนอยู่หลังผ้าโปร่งบางที่กั้นอยู่ ในห้องนี้แสงจากโคมไฟไม่สู้จะสว่างนัก กลับเป็นประกายสีทองเรืองรองรวมทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานเจืออยู่ในอากาศที่ทำให้คนร้อนรุ่มได้โดยง่าย
ต้าหลงจึงเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงที่คล้ายจะห่วงใย
“อ้ายเฟยของข้าไม่สบายตรงที่ใดหรือ”
เพียงเขาถามคำนี้ขึ้นมาต้าหลงก็ได้ยินน้ำเสียงร่ำสะอื้นดังออกมา
“ฝ่าบาทเพคะ ไยเสด็จมาที่นี่เพคะ แล้วฮองเฮาเล่าเพคะ”
ต้าหลงยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“เราแวะมาหาสนมรักด้วยได้ยินข่าวว่าเจ้าไม่สบาย จึงยังไม่ได้ไปที่ตำหนักชิงกงของฮองเฮา”
“ฝ่าบาท เมิ่งเมิ่งผิดต่อฮองเฮาแล้วทั้งยังทำให้ฝ่าบาทต้องไม่สบายพระทัยอีกเพคะ”
“สุขภาพของสนมรักย่อมสำคัญกว่าสิ่งใด ไม่ต้องสนใจผู้อื่น สนมรักอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ดวงตาของซูเมิ่งเป็นประกายด้วยความยินดีจนปิดไม่มิด ผู้ใดกันเล่าจะมีความสำคัญเกินหน้าของนาง
แม้จะเป็นฮองเฮาก็ต้องสำคัญตัวเสียใหม่ว่าไม่อาจเปรียบเทียบกับพระสนมผู้นี้ได้แม้แต่น้อย
ซูเมิ่งปรับสีหน้าลงให้ดูเศร้าหมอง เอ่ยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจู่ ๆ ก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพคะ แต่ยามนี้หลังจากได้ดื่มยาที่หมอหลวงจัดให้แล้วก็รู้สึกดีขึ้นแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นให้เราดูหน่อยเถิด”
กล่าวจบฝ่าบาทก็เปิดเลิกผ้าผืนบางขึ้นสายพระเนตรเพ่งพิศไปที่ร่างของสนมรัก และภาพที่เห็นต่อหน้าก็ทำให้ฝ่าบาทถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายโดยพลัน
“ฝ่าบาทเพคะ”
พระสนมเปลือยกายร่างขาวผ่องกำลังนอนตะแคงข้างสองมือชูขึ้นเหนือศีรษะใบหน้าแนบอยู่กับลำแขนเรียว และขาข้างหนึ่งก็ตั้งขึ้นจึงทำให้เห็นเนินโยนีที่มีไรขนอ่อนปกคลุมอยู่ได้อย่างชัดเจนยิ่ง
“สนมรัก ยะ ไย นอนท่านี้”
“ภายในการร้อนยิ่งนักก่อนหน้าที่กินยาจึงจำเป็นต้องถอดอาภรณ์เพคะ บ่าวของหม่อมฉันช่วยเช็ดตัวให้แล้วทว่ายังคงรู้สึกรุ่มร้อน”
สายพระเนตรจับจ้องไปที่กลีบงามในยามที่นางขยับแยกขากว้างขึ้น
นิ้วเรียวชี้ไปยังเนินโยนีตรัสน้ำเสียงแหบพร่า
“ตรงนี้ของสนมรักร้อนหรือไม่”
ในหัวใจของซูเฟยลิงโลด ฝ่าบาทติดกับดักนางแล้ว
“ร้อนเหลือเกินเพคะ หากได้น้ำช่วยดับร้อนคงดีขึ้น”
ต้าหลงปลดผ้าคาดเอวปักลวดลายมังกรดิ้นทองลงพื้นแล้วถอดเกงเกงออกโดยไม่รอช้า
“อ้ะ ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮายังรอพระองค์อยู่นะเพคะ อย่าเพคะ”
นางเห็นมังกรตัวเขื่องของฝ่าบาทลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า ในใจพลันระริกและร้อนเร่าขาของนางแยกออกกว้างขึ้นทั้งนิ้วยังค่อย ๆ แหวกกลีบเนื้อของตนเองออก
ทว่าปากยังเอ่ยด้วยวาจาคล้ายตนเองเป็นคนดียิ่งนัก
“เราบอกแล้วว่ายามนี้อาการของสนมรักหนักหนา ให้เราช่วยทำให้คลายร้อนเถิด”
“ฝ่าบาทเพคะ อื้อ”
ต้าหลงไม่อาจรอช้าแล้ว เขาจับขาเรียวของซูเฟยให้อ้าออกโดยมิได้เล้าโลมตะโบมจูบก็ดันหัวมังกรยักษ์เข้าไปในโพรงหวานแล้วขยับสะโพกอย่างรุนแรง
ปัก ปัก ปัก
“ฝะ ฝ่าบาทเพคะ อื้อ เสียวเหลือเกินเพคะ”
“ซี้ด อา เราก็เสียวเหลือเกิน”
ต้าหลงยิ่งกระแทกเร็วขึ้น เขารู้สึกเสียวไปทั่วลำมังกรจนน้ำแทบจะแตกออกมา ร่างกายของซูเมิ่งเริ่มบิดไปมาเมื่อเริ่มเสียวซ่านจนเกือบจะเสร็จสม
“ซี้ด เสียวเพคะ อ้า เสียวยิ่งเพคะ”
และในยามนั้นคนทั้งสองก็ขึ้นสู่สรวงสวรรค์แทบจะพร้อมกัน ต้าหลงครางแหบโหยดึงแท่งมังกรของตนเองออกมาจับรูดคลึงแล้วปลดปล่อยน้ำรักละเลงจนทั่วกลีบผกา
“เรามอบน้ำจากหัวมังกรของเราให้เจ้า ทาให้ทั่วกลีบเนื้อของเจ้า หวังว่าเจ้าจะหายในเร็ววัน”
“ฝะ ฝ่าบาท”
นางคิดจะล่อลวงให้เขาอยู่ต่ออีกสักหน่อย ทว่ายามนั้นกลับมีเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูตำหนักชั้นใน
“ฝ่าบาท กระหม่อมจูกงกงขอรายงานพ่ะย่ะค่ะ”
ต้าหลงขยับกายลุกขึ้นเอ่ยเสียงดัง
“รอเราประเดี๋ยว”
ต้าหลงยิ้มให้กับพระสนมคนงามของตนเองแล้วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน
“สนมรักเจ้ารีบพักผ่อนเถิด”
“ฝะ ฝ่าบาทจะเสด็จกลับแล้วหรือเพคะ”
สีหน้าของซูเฟยนั้นแสดงออกว่าผิดหวังอย่างชัดเจน ต้าหลงเพียงแต่ยิ้มทว่าเขาไม่ตอบคำจากนั้นจึงเดินออกจากตำหนักชั้นในของนางออกไปทั้ง ๆ ที่ส่วนล่างเปลือยเปล่า
ซูเฟยกำมือแน่นด้วยความรู้สึกแค้นเคืองในใจ วันนี้นางคิดว่าตนเองสามารถรั้งให้ฝ่าบาทอยู่กับตัวแล้วทว่าจูกงกงผู้นั้นกลับมาขัดขวางได้
จูกงกงมักจะเป็นเช่นนี้หลายคราแล้ว ไม่ได้มีความเคารพนางแม้แต่น้อย เห็นทีว่านางและจูกงกงคงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว
ฝ่าบาทกลับไปแล้วทว่าซูเฟยยังคงมีความรู้สึกต้องการจนระงับเอาไว้ไม่ไหว นางเป็นสตรีที่ชื่นชอบในเรื่อกามารมณ์ยิ่งนักเกินผู้ใดจะคาดได้
นางเป็นสตรีที่ไม่อาจขาดบุรุษได้ ในแต่ละวันหากนางมิได้ถูกทิ่มแทงด้วยแท่งหยกจนทำให้น้ำหลั่งออกจากกายไม่น้อยกว่าสามครั้งนางไม่อาจนอนหลับได้สนิท
ด้วยฝ่าบาทพระองค์เดียวที่มีพระสนมในวังนับพันคนมีหรือที่จะตอบสนองนางได้ ดังนั้นซูเฟยจึงต้องหาทางช่วยตนเองโดยที่ฝ่าบาทไม่มีวันรู้
“ฝ่าบาทในเมื่อพระองค์ตอบสนองหม่อมฉันได้ไม่เต็มที่ ก็นับเป็นความผิดของพระองค์แล้ว”
นางลุกขึ้นสั่งนางกำนัลคนสนิทให้เข้ามาพบ
เจิ้งกูกูรับคำแผ่วเบาก่อนจะเดินออกไปที่หน้าประตู ในยามนั้นซูเฟยก็ทนไม่ไหวแล้วนางค่อย ๆ คลำมือไปที่ปลายเตียงของตนเองแล้วเปิดช่องลับที่มีของบางอย่างซ่อนอยู่ก่อนจะดึงออกมา