2
ข่าวดีมั้ย
ฮ่องเต้ของราชวงศ์หวังอย่าง หวังตงฉินมีน้องชายอยู่สามพระองค์ ฮ่องเต้มีน้องชายอันเป็นที่รักมาก ๆ อยู่หนึ่งพระองค์นั่นก็คือ องค์ชายหวังตงหยาง ฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้เป็นชินอ๋อง
“วันนี้เป็นวันที่ข้าจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าอีกไม่นานชินอ๋องหวังตงหยางจะเข้าพิธีวิวาห์กับบุตรสาวของท่านแม่ทัพ นอกจากของมีค่าที่ข้ามอบให้แก่ท่านแม่ทัพนี่คืออีกหนึ่งรางวัลที่ข้าขอมอบให้ ทุกคนดื่มให้กับท่านแม่ทัพอีกแก้ว” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้นมาอย่างมีความสุขท่านแม่ทัพจางเองก็มีความสุขแต่บุตรสาวอย่างจางลู่หลินกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเพราะนางไม่อยากเข้าวิวาห์กับชายที่เย็นชาอย่างชินอ๋องผู้นี้
หวังตงหยางเองก็มีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้มีความยินดีหรือดีใจเลยสักนิด เขาไม่อยากมีชายาตอนนี้เขาอยากมีชีวิตที่โดดเดี่ยวอย่างที่เขาต้องการแต่เพราะเขาแพ้ฮ่องเต้ในการแข่งขี่ม้าทำให้เขาต้องทำตามคำสั่งของฮ่องเต้อย่างไม่มีข้อแม้
“นี่หรอคนที่ข้าต้องแต่งงานด้วย จืดชืดสิ้นดี” จางลู่หลินเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองไปที่หวังตงหยางอย่างเหนื่อยหน่าย
หวังตงหยางเองก็มองนางแล้วก็หันหน้าหนีเช่นกันเพราะเขาไม่ชอบกิริยาท่าทางของนางเลยสักนิด เขาไม่อยากได้ผู้หญิงอย่างนางเป็นชายาไม่ใช่แค่นางที่เขาไม่อยากได้เป็นชายาแต่เขาไม่อยากได้ใครเป็นชายาทั้งนั้นในตอนนี้
“ตงหยางเจ้าไม่ชวนนางไปเดินเล่นทำความรู้จักกันไว้ล่ะ อีกหน่อยเจ้ากับนางก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว เจ้าควรทำความรู้จักนางเสียตั้งแต่ตอนนี้” ฮ่องเต้เอ่ยกับชินอ๋องผู้เป็นน้องชายแต่ดูเหมือนว่าน้องชายจะไม่ได้สนใจที่เขาเอ่ยออกมาสักเท่าไร
“ฮ่องเต้ยังไงข้าก็ต้องแต่งงานกับนางไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักนางให้ยุ่งยาก” ชินอ๋องเอ่ยแค่นั้นก่อนที่จะเดินผ่านหน้าของจางลู่หลินไปโดยที่ไม่มองหน้าของนางเลยสักนิด
“นี่หรอชินอ๋องที่ข้าเขียนให้เป็นพระเอกเหตุใดเขาถึงเย็นชากว่าที่คิดไว้เนี่ย ถ้าเราไม่โดนยิงจนตายแล้วทะลุมาที่นี่เราคงเขียนให้ชินอ๋องผู้นี้หายไปจากนิยายเรื่องนี้เพราะข้าไม่อยากแต่งงานกับคนเย็นชาผู้นี้” จางลู่หลินเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองตามหลังของชินอ๋องแสนเย็นชาอย่างหมั่นไส้
“ชินอ๋องผู้นี้คือว่าที่สามีของเจ้าลู่หลิน เจ้าควรทำตัวดี ๆ กับเขา เพราะเจ้าจะได้มีความสุขตลอดชีวิตของเจ้า” บิดาของนางเอ่ยขึ้นมาเมื่อรู้ว่าบุตรสาวกำลังคิดต่อต้านการแต่งงานในครั้งนี้
“ข้าขอมีความสุขกับสิ่งที่ข้าเลือกได้น่าจะดีกว่าที่คนอื่นเลือกให้” จางลู่หลินเอ่ยขึ้นมาตามที่นางคิดเพราะจางลู่หลินคนใหม่ค่อนข้างที่จะเป็นตัวของตัวเองมาก ๆ
“พอได้ลูก อย่าต่อปากต่อคำกับท่านพ่อ อย่าทำให้ท่านพ่อไม่พอใจเจ้าไปมากกว่านี้เลย แม่คนนี้ปวดใจยิ่งนักถ้าเจ้าจะโดนลงโทษจากพ่อของเจ้า” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นเพราะรู้จักนิสัยของสามีเป็นอย่างดีว่าไม่ชอบให้ใครต่อปากต่อคำโดยเฉพาะบุตรสาวที่เขารักและหวังดีอย่างจางลู่หลิน
“ลูกไม่พูดก็ได้ ยังไงลูกก็ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว” จางลู่หลินไม่พูดแต่หน้าของนางก็ไม่ได้ยินดีที่จะต้องนั่งอยู่ตรงนี้ นางนั่งคิดไปต่าง ๆ นานา แต่สิ่งที่นางคิดและเสียดายที่สุดน่าจะเป็นการที่นางสร้างตัวละครหวังตงหยางขึ้นมา นางไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาขนาดนี้แค่เห็นหน้านางก็ไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ แล้ว
“มันคงเป็นเวรกรรมของเราสินะที่ต้องมาเจอในสิ่งที่ตั้งใจให้คนอื่นเจอแต่กลับมาเจอเองอย่างนี้” จางลู่หลินคิดขึ้นมาในใจคนเดียวแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
จางลู่หลินกลับมาที่บ้านนางโดนบิดาของนางดุเรื่องที่นางพูดจาไม่เข้าหูไม่รู้จักกาละเทศะ นางได้แต่นั่งนิ่งรับฟังในสิ่งที่บิดาของนางต่อว่าเพราะนางไม่อยากโดนลงโทษเพราะนางรู้จักนิสัยของผู้เป็นบิดาอย่างดี
“เจ้าอย่าทำให้พ่อไม่พอใจอีกจางลู่หลิน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าเป็นลูกสาวที่พ่อรักแล้วพ่อจะไม่กล้าลงโทษเจ้า แม่ทัพอย่างพ่อผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ว่าเจ้าจะคิด จะพูดยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับท่านชินอ๋องตงหยางอยู่ดี เจ้าจงรู้ไว้ว่าสิ่งที่พ่อเลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว” จางอู๋เหวินเอ่ยกับบุตรสาวแล้วก็เดินหนีไปจากตรงนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภรรยาที่ต้องสั่งสอนบุตรสาวต่อไป
“จางลู่หลินเจ้าเลิกดื้อกับพ่อสักที แม่เหนื่อยที่ต้องคอยแก้ตัวแทนเจ้าแล้วนะ แม่รู้ว่าเจ้าไม่อยากเข้าวิวาห์แต่มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องทำตามความหวังดีของคนเป็นพ่อเป็นแม่” จางลี่หลู่บอกกับลูกสาวของนางแต่ลูกสาวของนางกลับเดินหนีไปแล้วก็เข้าห้องนอนโดยที่ไม่โต้ตอบแล้วก็เดินหนีเข้าห้องเงียบ ๆ
“นั่นไง มันเป็นยังไงนะลูกคนนี้ แม่พูดอะไรไม่เคยรับฟัง ไม่รู้หรือไงว่าแม่ก็เหนื่อยแล้วนะ” จางลี่หลู่เอ่ยขึ้นมาคนเดียวพลางส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจกับบุตรสาวของนาง
จางลู่หลินทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดไปถึงวันข้างหน้าที่นางต้องเจอ
“โชคชะตาของข้าช่างเล่นตลกอะไรกับข้าอย่างนี้ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แต่ข้าก็ไม่กล้าฆ่าตัวตายเหมือนที่ข้าเขียนในนิยาย กรรมของข้าแท้ ๆ ที่ต้องมาเจออะไรอย่างนี้” จางลู่หลินเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้