ตอนที่ 7 เอาคืน

2425 Words
แสงเทียน ตะเกียงไฟวับๆ แวมๆ ส่องแสงวูบวาบผ่านมาตามรอยแยกของฝาไม้ ฝาเรือน ประตู หน้าต่างทุกบานถูกดึงปิดสนิท เสียงท่องบ่นสวดมนต์บูชาพุทธคุณดังไปทั่วทั้งหมู่บ้าน แข่งกันกับเสียงหมาหอนโหยหวนชวนขนพองสยองขวัญ ลูกเด็กเล็กแดงนอนลืมตาแป๋วไม่มีเสียงร้องไห้กระจองอแงให้ได้ยินสักแอะเดียว ป่าช้าฝังผีห่างไกลบ้านเรือน หมอเก่งอาคมยืนมองหลุมศพลูกชาย ด้วยดวงตาแข็งกร้าว ไอ้ครั้นเดินไปปักหมุดเสาไม้ตั้งข่ายทำเขตอาคมไปด้วย สะอื้นสะอึกร้องไห้ไปด้วย ตามปกติมันต้องลงแรงขุดดินลากผีขึ้นมาจากหลุม แต่หนนี้หลุมดินถูกขุดถูกคุ้ยกระจุยกระจาย เหลือให้เห็นเพียงผ้าขาวสีหม่นสำหรับห่อศพกับโครงกระดูกชิ้นใหญ่ก้นหลุมไม่กี่ชิ้นเท่านั้น “ฮึก ไอ้ทอง ไอ้คนชาติชั่วจัญไรคนไหน มันทำมึงอย่างนี้” ท่อนแขน สีคล้ำถูกดึงยกขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างอาลัยเมื่อเห็นสภาพหลุมและซากศพที่ ไอ้พวกคนจัญไรมันเหลือไว้ให้ดูต่างหน้า “ใครมันบังอาจทำลูกกู กูจะเอาคืนมันให้สาสมทีเดียว” เสียงเข้มคำรามเหี้ยม หมอเสน่ห์ทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิอยู่ต่อหน้าหลุมศพของลูกรัก ชักมีดลงอาคมออกมาจากบั้นเอว แล้วกรีดลงบนท่อนแขนในฉับพลัน เสียงฟ้า เสียงลม ดังลั่นสั่นป่าดังโครมๆ มาจากทิศทั้งสี่ หากแต่เปลวเทียนกลางเขตสายสิญจน์กลับไม่มีกระดิกไหวให้ดับสูญ เลือดข้นหยดลงบนกะโหลกกลวงของลูกชายคนเดียว กระดูกบางส่วนถูกเจาะ ถูกงัดเอากระดูกส่วนสำคัญหายไปจนสิ้น ผมเผ้าเส้นนุ่มเหลือติดหนังหัวพันกันยุ่งเหยิงน่าอเนจอนาถ ลูกตาแดงเหลือกถลนปลิ้นค้างจ้องนิ่ง มองตรงมายังคนเป็นพ่อ หมอเสน่ห์วางฝ่ามือลงไปกลางกระหม่อมกลวง ท่องบ่น มนต์คาถางึมงำ ปลายมีดแหลมนั้นขีดเขียนไปบนผ้ายันต์แดงแสดงเห็นเป็นภาษาขอมโบราณ “ใครหน้าไหน มันก็เอาวิญญาณลูกกูไปไม่ได้” เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าลงมากลางหลุมผีทั้งที่ไร้เงาเมฆฝน ลมพายุแรงพัดเหวี่ยงยอดไม้เอนจนเกือบหัก ไอ้ครั้นนั่งลงกอบเศษเลือด เศษเนื้อ เศษกระดูกขึ้นมาจากหลุม ใช้ผ้าขาวที่เตรียมมาอย่างดีห่อรองเอาไว้ ก่อนจะเอาใส่ลงไปในหม้อดินเผาใบใหม่ซึ่งมันไปเลือกหามาเป็นใบสวยที่สุด “เนื้อทอง” หมอเสน่ห์เอ่ยเรียกชื่อลูกชาย “ฮืออออ” เสียงเหมือนคนร้องไห้ครางต่ำอยู่เบื้องหน้า เงาดำไร้รูปปราศจากร่างลอยวนไปวนมาละเลียดอยู่กับซากกระดูกในหม้อผี “ไป! ไปเอาของทุกชิ้นกลับคืนมาให้หมด” “ฮึ่มมมม” วี๊ดดดด เสียงหวีดแหลมสูงดังจนหูดับลอยหายไปในอากาศ ไอ้ครั้นแหงนคอมองตามเสียงนั้นไปทั้งน้ำตา เพราะรู้ว่าคนที่โตมาด้วยกันบัดนี้กลายสภาพเปลี่ยนสถานะไปสิ้นแล้ว “ไอ้ทอง” หยดน้ำตาแห่งความอาลัยไหลบ่าลงมาท่วมใบหน้าเด็กหนุ่ม “ไอ้ครั้น แต่นี้ไปมึงอย่าลืมจัดเครื่องเซ่นให้มันด้วย” “ขอรับพ่อครู” แววตาอาวรณ์มองลงไปในหม้อดินใหญ่ หวนนึกถึงประโยคคุยหัวเล่นกันครั้งสุดท้ายว่า หากเนื้อทองตายมันจะจัดเครื่องเซ่นผีให้ ใครจะไปคิดว่าวันนี้มันต้องมาเลี้ยงดูผีเนื้อทองจริงๆ ตึง ตึง ตึง เสียงฝาเรือนแผ่นใหญ่คล้ายถูกอะไรบางอย่างฟาดซ้ำๆ ร่างสั่นของหมอผีอาคมอ่อน นั่งเหงื่อตกอยู่กลางวงสายสิญจน์ เทียนเล่มเล็กเปลวสะบัดเหมือนมีลมพัดเข้ามาทั้งที่ประตูหน้าต่างทุกบานนั้นปิดสนิท เงาดำร่างใหญ่ยืนเยื้องยกร่างสูงชะโงกหน้าเข้ามาจนติด ดวงตาแดงก่ำเหลือกค้างจ้องมองกระดูกชิ้นเล็กบนผ้ายันต์ขาว “ฮึ่มมม” “เอาไปเลย เอากระดูกมึงคืนไป กูไม่เอาแล้ว” หมอผีสะบัดมือปัดผ้ายันต์นั้นออกไปให้ไกลตัว “ฮือออ” เสียงครางต่ำพร้อมกลิ่นน้ำเลือดน้ำหนองเหม็นคลุ้งตลบไปทั่วเรือน “เนื้อทองกูคืนให้แล้ว ปล่อยกูไปเถิด กูกลัวแล้ว” เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลจนท่วมหน้า “ฮึ่มมม” “อย่าทำพ่อหนูนะ” วิญญาณกุมารทองตัวน้อยโผล่พรวดออกมายืนเท้าเอวถลึงตามองวิญญาณแปลกหน้า ผัวะ โครม! ฝ่ามือใหญ่ตบผัวะจนวิญญาณเด็กน้อยกระเด็นไปติด ฝาเรือน ตุ๊กตาดินปั้นรูปเด็กตัวเล็กล้มลงจากแท่นบูชาหักครึ่งในทันที ครึก ครึก ครึก “อึก” ร่างหมอผีล้มลงไปนอนหงาย กระดูกซี่โครงส่วนหน้าอกยุบลงไปเป็นรอยฝ่าตีนใหญ่ เหมือนมีใครเหยียบกระทืบลงไปซ้ำๆ ตามมาด้วยเสียงกระดูกหักดังกร๊อบ เลือดข้นทะลักออกจากทั้งปาก ทั้งจมูก ตาเหลือกค้างนอนดิ้นพล่านๆ ถีบมือถีบตีนทุรนทุรายก่อนจะแน่นิ่งไปอยู่กลางเรือน “ตอนกูเป็น พวกมึงมีหรือเห็นหัวกู บัดนี้แม้กระดูก เส้นผม ขน หนังของกู เน่าจนมีหนอนชอนไช พวกมึงถึงขนาดตีรันฟันแทง แก่งแย่งฉกชิง ยกขึ้นหิ้งบูชา เลือดนี้ กายนี้ กูไม่ยกให้ผู้ใดทั้งสิ้น” แกรก แกรก แกรก กระดูกผีชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกเติมคืนใส่ลงไปในหม้อดินทีละชิ้น ทีละชิ้น จนเมื่อยามฟ้าสางหม้อดินใหญ่ก็อัดเต็มไปด้วย กระดูกผีเนื้อทอง ซึ่งเมื่อคืนวานนั้นถูกแย่งชิงไปคนละทิศ คนละทาง ทว่าบัดนี้มันได้กลับคืนสู่เจ้าของร่างครบทุกชิ้นอัน เว้นไว้แต่เพียงแผ่นหนังลงอาคม “แผ่นหนังลงนะเนื้อทอง” กับ “ปั้นเหน่งหน้าผาก” เท่านั้นที่ยังไม่กลับคืนมา “ไป กลับบ้านเราเถอะลูก” “ฮืออออ” เงาดำคลานต่ำพันวนอยู่ตรงข้อเท้าของหมอเสน่ห์ โดยมีไอ้ครั้นเดินอุ้มเอาหม้อดินใหญ่ร้องไห้สะอึกฮึกๆ ตามมาด้านหลัง “โยม” หลวงตาแก่น ภิกษุชรามากพรรษาอุ้มบาตรเก่าเดินออกมาจากเขตวัด ด้านหลังนั้นคือเด็กหนุ่มผิวเข้มถือย่ามเดินตามมาห่างๆ “นั่นจะพาเนื้อทองไปไหน” “เนื้อทองมันลูกข้า ข้าจะพาลูกกลับบ้าน” “เนื้อทองมันสิ้นบุญไปแล้ว อย่าได้ไปเหนี่ยว อย่าได้ฉุดรั้ง ให้มันอยู่สร้างเวร สร้างกรรมต่อไปเลยนะโยม ปล่อยให้มันไปผุดไปเกิดตามบุญ ตามกรรมของมันเถิด” “ถ้ามันเจ็บไข้ได้โรคล้มตาย ข้าจะปล่อยมันไป แต่นี่หลวงตาก็เห็นมิใช่หรือว่าพวกมันทำอะไรกับลูกข้าบ้าง” ดวงตากร้าวมองผ่านเลยไปยังเด็กวัดอายุคราวลูกด้านหลัง “แต่หากโยมทำอย่างนี้ คนที่ต้องเจ็บปวดทรมานก็มีแต่ลูกชายโยมเท่านั้น ชาตินี้เนื้อทองชีวิตมันอาภัพมามากแล้ว ปล่อยให้มันได้ไปพบความสุข ความสงบในโลกหน้าเถอะนะโยม” “เรื่องนี้มันไม่ใช่ธุระของหลวงตา อย่ายุ่งดีกว่า” หมอเสน่ห์เดินห่างไปยังทางเปลี่ยวอันมืดสนิท เงาดำลอยละเลียดต่ำหมุนพันไปถึงชายจีวรเห็นเป็นเงาคล้ายคนกำลังหมอบกราบ จากนั้นมันจึงอันตรธานหายวับกลับไปเคลียอยู่กับผู้เป็นพ่อ “เฮ้อ อนิจจา เวรกรรมของเอ็งแท้ๆ เนื้อทอง” ภิกษุชราถอนหายใจยาว “หลวงตาขอรับ หลวงตาทราบหรือไม่ขอรับว่าคนที่ฆ่าเนื้อทอง เป็นผู้ใด” ไอ้รุ่งมองตามหลังเงาดำหมอเสน่ห์ซึ่งหายลับไปก่อนจะขยับเดินตามหลวงตาซึ่งบ่ายหน้าไปยังอีกทิศหนึ่ง “รู้แล้วอย่างไร ไม่รู้แล้วอย่างไร เรื่องบางเรื่องต่อให้รู้ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องรอเวลาให้กรรมมันทำงาน เอ็งรู้หรือไม่ไอ้รุ่ง ความลับไม่มีในโลก อย่างน้อยตัวคนทำชั่ว ทำบาปนั่นแหละรู้ดี” “ไอ้ครั้น มึงไปเอาเครื่องเซ่นมาเปิดทางให้ไอ้ทองขึ้นเรือน” หมอเสน่ห์เจ้าของเรือนยืนรั้งรออยู่ตีนกระได หันไปสั่งศิษย์เอก ไอ้ครั้นเดินอุ้มหม้อใส่กระดูกผีไปวางลงบนแคร่ไม้ไผ่ จากนั้นเดินขึ้นเรือนไปหยิบชามสังกะสี ตักข้าวใส่จนล้นถ้วย เทเหล้าขาวใส่ชามกระเบื้องอีกใบ จัดทุกอย่างใส่ถาดถือลงมาวางไว้ข้างหม้อดิน แล้วเดินอ้อมไปหลังบ้านคว้าไก่อุ้มขึ้นมาได้ตัวหนึ่งใช้มีดปาดคอรองเลือดไก่สดๆ ใส่ลงไปในชาม “ไอ้ทองขึ้นเรือนนะ ตอนเป็นมึงหาข้าวให้กูกิน ต่อไปนี้...กูจะหาข้าวให้มึงบ้าง” ธูปกำใหญ่ปักลงไปบนดินแข็งจากนั้นหันไปอุ้มหม้อกระดูกเดินขึ้นกระไดเรือนตามหลังพ่อครู ละห่างจากแผ่นหลังไปเล็กน้อยควันธูปลอยต่ำตามมันไปติดๆ บนเรือนใหญ่หมอคุ้มตั้งแท่นทำพิธีขนาดใหญ่ ผ้าขาวปูราดเต็มลานกลางบ้าน มีกระดูกลูกชายวางเรียงต่อกันจนเห็นเป็นโครงร่างบางส่วน บางชิ้นยังมีเลือด มีเนื้อที่ถูกเลาะออกไปไม่หมดติดอยู่ กะโหลกส่วนหัวยังเห็นผมเผ้า ยุ่งเหยิงพันกันรุงรัง ดวงตาแดงก่ำเหลือกค้างปิดลงไม่สนิท กระดูกฟันถูกเลาะออกจากกรามหายไปจนหมด แม้ตามคืนมาได้ในภายหลังก็เกินกำลังจะตอกต่อมันคืนไปยังขากรรไกรเดิม มันจึงถูกนำมาเรียงต่อๆ กันกองไว้ด้านข้างแทน เศษเนื้อหนังส่วนเล็กส่วนน้อย ซึ่งถูกเลาะ ถูกแล่ออก ไอ้ครั้นเอาใบตองมาปูรองกันเลือดไหลเปรอะพื้นเรือนแยกไว้ส่วนหนึ่ง เสื้อกับผ้านุ่งโจงกระเบนเปื้อนเลือดถูกนำมาวางไว้ข้างกัน “นะเนื้อทอง มึงเป็นใครถึงกล้ามาชิงของของกู” หมอเสน่ห์กวาดตามองทั่วจนครบทุกชิ้นส่วน เห็นมีเพียงกระดูกกลางหน้าผากกับแผ่นเนื้อส่วนที่ ลงอาคมนะเนื้อทองเอาไว้ สองอย่างเท่านั้นที่เรียกแล้วมันไม่คืนกลับมาและดูเหมือนวิญญาณของเนื้อทองก็หาพวกมันไม่พบ คล้ายมีมนต์ดำอำพรางไว้ “พ่อครูไม่รู้แน่หรือว่าใครเป็นคนทำไอ้ทอง” “ไม่ใช่คนถิ่นนี้ ร่องรอยอาคมมันข้าไม่เคยเจอ มันร่ายมนตร์ลบรอยอาคมทิ้ง ตามไม่ได้ มองไม่เห็น” “ฮือออ” เงาดำครางฮือลอยต่ำลงมาเคลียบนตักของพ่อ “มึงตามมันไม่เจอหรือวะไอ้ทอง ใครทำมึงอย่างนี้ มึงบอกกูสิ กูจะไปฆ่ามันให้” ไอ้ครั้นก้มหน้าลงไปมองเงาดำ “ฮือออ” เสียงครางต่ำตอบกลับมาไม่เป็นภาษามนุษย์ “กูต้องรู้ให้ได้ว่าใครมันทำลูกกู” ภายในโอ่งดินใบใหญ่หม้อคุ้มสั่งให้ไอ้ครั้นบรรจุน้ำมนต์ลงไปจนเต็มปริ่ม แช่กะโหลกผีลูกชายเอาไว้ข้างใน ถูกหมอเก่งอาคมร่ายคาถาเรียกรวมดวงวิญญาณอันแตกดับให้กลับมาคงรูปคงร่างอย่างเดิม มนต์ดำเสกสะกดวิญญาณขังครอบผูกไว้ด้วยด้ายสายสิญจน์อีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณดื้อรั้นเที่ยวท่องล่องไปไกลหูไกลตา จากขอบเขตฌานรู้ ฌานเห็นของคนเป็นพ่อ “ผูกด้ายแดงทำไมหรือพ่อ” วิญญาณน้อยกระตุกด้ายแดงตรงส่วนข้อเท้าถามเอาเหตุผล “ด้ายแดงนี้จะทำให้เอ็งอยู่ในสายตาพ่อตลอดเวลา แม้ใครเก่งกาจอาคมกล้าก็ไม่อาจพาเอ็งไปได้ นอกเสียจากพ่อจะถอนคลายมนต์ให้ แล้วจำไว้นะเนื้อทอง พ้นเขตอาคมของพ่อไปแม้เพียงก้าวเดียว เอ็งจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่าถูกแส้หางกระเบนเฆี่ยนร้อยเท่าพันทวี อย่าได้ฝืนขัดคำสั่งพ่ออีกเข้าใจหรือไม่” “จ้ะพ่อ ทองไม่กล้าแล้ว” ร่างขาวโปร่งใสเอนกายลงไปนอนหนุนตักใหญ่อย่างว่าง่าย ปัง! แกรก แกรก เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างร่วงกราวตกลงมาบนหลังคาเรือน ข้างฝานั้นไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนมากระโดดถีบมันโครมๆ ปลุกให้คนบนเรือนท่านขุนศรีตื่น ต่างวิ่งออกมายื่นถือคบ ถือไต้จุดไฟสว่างไปทั้งเรือน คุณหญิงใหญ่เปิดประตูวิ่งเข้าไปดึงลูกชายเพียงคนเดียวให้มาอยู่กลางวงล้อมของสายสิญจน์อันศักดิ์สิทธิ์ ตึง เปรี๊ยะ เสียงเสา ฝากระดาน พื้นเรือนแตกลั่นดังสนั่นหวั่นไหว บนหลังคาคล้ายมีคนเดินย่ำวนไปวนมาไม่หยุด เสียงสวดมนต์บทสรรเสริญพุทธคุณคุ้มภัยกันผีดังแข่งมาจากทั้งฝั่งพระ ฝั่งพราหมณ์ ผูกล้อมโยงด้ายสายสิญจน์รอบเรือน “พรเทพ ลูกแม่” คุณหญิงใหญ่นั่งสะอื้นมองลูกชายด้วยความสงสารพาลสาปแช่งไปถึงผีร้ายที่ตนมองไม่เห็น “ทอง นั่นเนื้อทองของพี่หรือ อ๊ากกก” เด็กหนุ่มใบหน้าหมองคล้ำร้องทักออกไป “พรเทพ ลูก” “เนื้อทองของพี่” ลูกชายโทนขุนศรีหงายหลังล้มลงไปนอนแผ่กลางพื้นมือหงิก ตีนงอ คอแข็งเส้นเลือด เส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมาเห็นเป็นริ้วเหมือนมีรากไม้ชอนไชไปทั่วร่าง คนเป็นพ่อยืนมองลูกชายอกสั่นขวัญผวา ส่วนมารดานั้นถึงกับเป็นลมล้มพับไป พราหมณ์เฒ่านุ่งขาวห่มขาวไว้หนวดเคราแต่รวบมัดสะอาดสะอ้านลุกจากแท่นที่นั่ง ชี้ปักไม้เท้ากระทุ้งลงไปกลางอกแกร่ง จากนั้นนั่งลงท่องมหามนต์ตราบทพิชิตมาร เพื่อปรามผี “ฮึ ผีอย่างพวกมึง อย่ามากำแหงกับกู” ไม้เท้ายาวสะบัดหวดลมเสียงดังหวืด เงาดำของผีตายโหงร่างใหญ่ปลิวไปกระแทกฝาเรือนเสียงดังโครม ฝาไม้แผ่นใหญ่หักทะลุเหมือนมีใครเอาเสาไม้ไปกระทุ้งมัน “ไป! กลับไปหาพ่อมึง” พราหมณ์แก่ร้องไล่ วี๊ดดดด เสียงหวีดดังผ่านข้ามหลังคาเรือนลอยหายไป ทันใดเด็กหนุ่มวัยเพิ่งพ้นสิบแปดปีกลับอาเจียนออกมาเป็นน้ำเลือด น้ำหนอง ทั้งหนัง ทั้งขน ผมเผ้าของอัปรีย์กลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด “เดรัจฉานวิชชา มันกะเอาถึงตายทีเดียว” “มันจะทำของใส่พรเทพทำไมกัน ลูกข้าไม่รู้เรื่องการตายของเนื้อทองลูกมันสักหน่อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD