ตอนที่ 2 ร่างทอง

2239 Words
วี๊ดดด ใบหน้างามสะบัดกลับไปยังทิศใต้ เมื่อหูทิพย์แว่วยินเสียงผิวปากบาดลึก กรีดลงไปในห้วงแห่งความทรงจำของวาระจิตสุดท้าย ก่อนดวงวิญญาณจะถูกฉีกกระชากออกมาจากกายหยาบ เนื้อทองจำเสียงนี้ได้ดี พริบตาเดียวร่างขาวโปร่งใสอันตรธานหายวับจากยอดไม้ใหญ่ ลงมาเหยียบยืนบนพื้นดินอันเฉอะแฉะ เบื้องหน้านั้นคือร่างของชายชุดดำสามสี่คนกำลังเดินจ้ำเร่งฝีเท้าเร็วๆ ไปตามทางเปลี่ยว “เร็วๆ สิวะ ประเดี๋ยวพ่อมึงก็ได้มาเหยียบอกเข้าให้ นี่มันถิ่นหมอคุ้ม มึงก็รู้อยู่” หนึ่งในสามเอ่ยปากอ้าเอ่ยเร่งเพื่อนร่วมทาง “พวกมึงหยุดนะ” มือยาวไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อข้อเท้าเล็กถูกด้ายสายสิญจน์สีแดงฉุดไว้มิให้ก้าวไปเบื้องหน้า แผ่นหลังและกลิ่นสาบเหงื่อไคล อันเนื้อทองจำได้แม่นยำว่าพวกมันคือคนที่ทำร้ายตน เดินหายไปในเงามืดนอกเขตอาคมของคนเป็นพ่อ “กลับมา พวกมึงกลับมา” กลีบปากสีพลับพลึงพยายามร้องเรียกออกไป ปลายนิ้วเรียวเป็นปล้องสวยสั่นเพราะห่างไปเพียงไม่กี่ช่วงแขนเท่านั้น เนื้อทองจะสามารถมองเห็นและจับพวกมันได้ “พ่อ พ่อ พ่อไปเร็ว เนื้อทองเจอพวกมันแล้ว” กายละเอียดน้อยก้าวพ้นประตูเรือน ตรงเข้าไปฉุดแขนหมอเสน่ห์ ผู้เป็นพ่อให้ลุกขึ้นจากเสื่อรองสำหรับนั่งเข้าฌาน เปลือกตาคล้ำสะบัดเปิดขึ้นในทันที สัมผัสไอเย็นจากดวงวิญญาณแสนอาภัพแผ่ซ่านจนอากาศโดยรอบพลันหนาวยะเยือกราวกับลมหนาวพัดมาก่อนฤดูกาล “พ่อไปเร็ว เดี๋ยวพวกมันหนี” “เอ็งเจอมันที่ใด” “ชายทุ่งฝั่งวัดขอน พ่อเร็วเข้าสิ รีบไปมันจะหนีแล้ว” “ฝั่งวัดขอนอย่างนั้นหรือ” “พ่อไปเร็ว พ่อไปสิ” “ฝั่งวัดขอน?” “พ่อ...” เปลือกตาหนากดทับปิดกลับลงที่เดิม ร่างใหญ่โปร่งแสงสีคล้ำขยับลุกขึ้นจากที่นั่งละทิ้งกายหยาบไว้เบื้องหลัง แล้วหายวับไปกับดวงวิญญาณของบุตรชาย ชายป่าติดทุ่งนาโล่งกว้าง ทั่วทุกที่รอบด้านนั้นมืดสนิท หากแต่ดวงตาทิพย์ของสองพ่อลูก กลับมองทุกสิ่งประหนึ่งมันคือช่วงเวลากลางวัน “มันไปทางนั้นพ่อ” แขนเรียวสีขาวดั่งจันทร์นวลชี้ทางบอกพ่อในทันที “เอ็งรอพ่ออยู่นี่” “พ่อ เนื้อทองขอไปด้วยมิได้หรือ พ่อเอาสายสิญจน์ออกสิ เนื้อทองจะไปจับมัน” “อย่าดื้อกับพ่อ รอตรงนี้” หมอเสน่ห์อาคมแกร่งก้าวข้ามเขตอาคมหายวับไปต่อหน้าดวงวิญญาณลุกชาย ทิ้งให้เนื้อทองวิญญาณน้อยเดินงุ่นง่านกระวนกระวายเดินหมุนวนไปเวียนมาเพราะไม่อาจก้าวพ้นออกไปนอกอาณาเขต ร่างขาว นั่งกอดเข่าหันหน้าไปตามทางเดิน คอระหงยืดมองรอคอยการกลับมาของผู้เป็นพ่อใจจดใจจ่อ แก๊ง แก๊ง เสียงแหลมของระฆังเหล็กดังลอยมาตามสายลม ปลายเล็บสีชมพูดั่งกลีบบัว เปลี่ยนแปรเป็นดำคล้ำหลุดร่อน เนื้อหนังเต่งตึงขาวนวลดังกลีบดอกพิกุลขาว เริ่มคืนสภาพความเป็นอสุรกายร้ายน่าเกลียดน่ากลัวชวนเวทนา เนื้อหนังมังสาแดงฉานคืนร่างเหมือนครั้งแรกเมื่อตอนสิ้นใจ อนิจจาเนื้อทองเด็กน้อยผู้อาภัพ ชักเกร็งล้มร่างนอนหงายลงไป บนพื้นดิน ดวงตาสดใสเบิกโพลงถลนปลิ้นกลิ้งล้นออกมานอกเบ้า ร่องรอยของมีคมกรีดสับเต็มไปทั่วทั้งร่าง ผิวบางถูกถลกลอกเป็นแผ่นเห็นเหลือไว้แต่เนื้อแดงๆ สลับสับกับน้ำเลือดน้ำหนองไหลนองเยิ้มเปรอะผ้านุ่ง กายละเอียดกึ่งหยาบนอนสั่นดิ้นพล่านทุรนทุราย พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เสียงหวีดร้องของดวงวิญญาณอันน่าสังเวช สั่นประสาทปลุกผู้คนให้ตื่นจากหลับใหล ลุกขึ้นมานั่งพนมมือจุดไฟไหว้พระเพราะต่างรู้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงของผีเนื้อทอง เนื่องเพราะมันดังอย่างนี้มาเป็นเวลานับสิบปีแล้วไม่เคยเว้น “ฮืออออ” ผีตัวแดงไร้ผิวหนังนอนสั่น กระดูกคดนอนขดทำตัวงออยู่บนพื้น เสียงครางฮือๆ อันยากจะแยกออกว่าร้องเพราะความเศร้าโศกเสียใจในอัตภาพที่เปลี่ยนไปหรือร่ำไห้เพราะความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน กร๊อบ กร๊อบ วิญญาณน้อยผู้น่าเวทนากระตุกแขนกระตุกขาตามรอยลมหายใจสุดท้ายที่ถูกคนร้ายทุบกระดูกจนป่นไปทั้งร่าง เป็นการตายซ้ำซากเจ็บปวดแสนทรมาน อันเนื้อทองยังหาทางหลุดพ้นไม่ได้และไม่อาจหาคำตอบว่าเพราะเหตุใดตนจึงต้องตายวนซ้ำซากอยู่อย่างนี้ “เนื้อทอง” ผู้เป็นพ่อก้าวข้ามเขตอาคมคืนกลับมาเมื่อฟ้าสาง ยืนมองร่างของลูกชายด้วยดวงตาอันว่างเปล่า “พ่อ ทองเจ็บ” หยดน้ำเหลืองหยาดรินออกมาจากเบ้าตากลวงโบ๋ “ไป กลับบ้าน” “ฮืออออ” ฝ่ามือแดงเอื้อมจับข้อเท้าใหญ่ แล้วถูกลากเลื่อนไปตามพื้นเสียงดังครืด ครืด ตลอดทาง โอ่งดินเผาขนาดใหญ่ภายในบรรจุน้ำมนต์จนล้นปริ่ม ผิวน้ำสะอาดใสลอยไว้ด้วยหยดน้ำตาเทียนสีแดงอันผ่านการปลุกเสกมาอย่างดี ตั้งอยู่กลางลานบนชานเรือนด้านหลัง โอ่งใหญ่รอบล้อมด้วยเทียนแดงและด้ายสายสิญจน์ผูกล้อมมาจากแปดทิศ หมอคุ้มนั่งท่องบ่นบริกรรมคาถา เสกอาคมอยู่บนตั่งไม้ยกสูงหน้าโอ่งดินเผา ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจวบจน กระทั่งดวงอาทิตย์สีแดงดวงใหญ่ลับขอบฟ้าไปอีกรอบ ส่วนบนของศีรษะดำเหมือนตอไม้ไหม้ไฟ ค่อยๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำทีละนิด หน้าผากแคบปรากฏยันต์สีแดงสว่างวาบขึ้นมา ดวงตาอันเคยสดใสไร้เดียงสา ก่ำแดง ถลนเหลือกดูน่ากลัว อสุรกายร่างผอมเกร็งแห้งเกรียมค่อยๆ ลุกขึ้น ยื่นแขน ยื่นขาไต่ออกมาจากโอ่งใหญ่ ข้อเท้าซ้ายยังเห็นร่องรอยอาคมของด้ายแดงเปล่งแสงอยู่วูบๆ “พ่อ” “จำเอาไว้เนื้อทอง ไม่มีใครรักและหวังดีต่อเอ็งเท่ากับพ่อ อย่าดื้อ อย่าขัดคำสั่งของพ่ออีก” สิบปีก่อน หนุ่มน้อยเจ้าของเครื่องหน้าประหลาด สวมเสื้อและนุ่งโจงกระเบนขาว มือถือตะกร้าหวายเดินเที่ยวไปตามตลาด หาซื้อของที่พ่อบอกว่าอยากได้ หากแต่ไม่ว่าจะเลี้ยวแวะเข้าร้านใด มักได้รับคำด่าทอเหยียดหยามรังเกียจ “มึงจะเอาอะไรก็รีบๆ หยิบไปไอ้ทอง อย่ามายืนเกะกะหน้าร้านกู มึงมายืนอยู่อย่างนี้ ใครที่ไหนจะเข้ามาซื้อหาของร้านกู” “ทองแค่อยากได้สายบัวไปฝากพ่อ” “มึงจะเอาสายบัว มึงก็หยิบแค่นั้น อย่ามาหยิบจับของอื่น ใครเห็นเขาจะไม่กล้ากินของของกู” น้ำขันใหญ่ถูกสาดมาจากแม่ค้าใจแคบ “เฮ้ย ไอ้หน้าผีนี่พ่อหมอคุ้ม เขาปล่อยผีออกมาเดินตลาดด้วยหรือวะ มึงอย่ามาใกล้กูนะ กูมีตระกุดเจ้าคุณสมเด็จนะโว้ย” “มึงรีบกลับบ้านไปเลยไอ้ทอง กูเห็นหน้ามึงแล้วกูขนลุก แดกเหล้าไม่ลงกูจะอ้วกให้เสียดายของเปล่าๆ” “ไอ้ทอง พ่อมึงก็เป็นหมอเสน่ห์ ทำไมมึงไม่ให้พ่อหมอทำเสน่ห์ให้มึงบ้างวะ” “หมอคุ้มหรือจะทำเสน่ห์ให้มัน อัปลักษณ์ออกปานนี้ใครเล่าจะรัก จะหลงมันได้ลงคอ” “ไปไกลๆ กูชังหน้ามึงเหลือเกิน” สายตาเยาะเย้ยหยามหยันทำให้ยิ้มสดใสสลดหมองลงในทันใด จากนั้นเจ้าของความรังเกียจน่าชังจึงเดินก้มหน้าเพื่อกลับบ้าน เสียงหัวเราะเยาะเย้ยถากถางยังคงดังไล่หลังมาไม่ห่าง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเปราะบางประดุจปีกแมลงปอฉีกขาดเพราะคำคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่หนต่อกี่หน “เนื้อทอง” เสียงนุ่มดึงฝีเท้าช้าให้ชะงักหยุด “พี่เทพหรือ” “มาซื้อของที่ตลาดหรือ ได้อะไรไปทำกับข้าวให้หมอคุ้มเล่า” พรเทพ ศิษย์เอกหลวงตาแก่นเจ้าอาวาสใหญ่ร้องทัก เด็กหนุ่มวัยพ้นสิบแปดปีเครื่องหน้าหล่อเหลางดงาม ต่างจากเด็กวัดหรือลูกศิษย์ก้นกุฏิ คนอื่นๆ แถมยังฉลาดหลักแหลม วาจาพาทีนุ่มนวลอ่อนหวานน่าฟัง พรเทพเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยพูดจาถากถาง แสดงความรังเกียจให้เนื้อทองต้องรู้สึกน้อยใจ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กวัดคนนี้ยังมีน้ำจิตน้ำใจหยิบยื่นทั้งขนม ข้าวต้มของอร่อยให้เนื้อทองอยู่เสมอ “ทองได้สายบัวกับปลาขาวจ้ะ ตอนเย็นทองจะเอาไปทำแกงให้พ่อกิน” เด็กน้อยวัยสิบห้าปีแหงนคอขึ้นไปมองเด็กหนุ่มโตกว่าแววตาชื่นชมหลงใหลอย่างเปิดเผย “อย่างนั้นหรือเป็นเด็กดีเหลือเกินนะเนื้อทองของพี่ จริงสิทอง เอาขนมนี่กลับบ้านไปกินด้วยนะ พี่ให้” “ขนมหรือ” มือสั่นยื่นออกไปรับห่อใบตองสองสามห่อเล็กๆ นั้นมาทั้งน้ำตา มุมปากบางยิ้มจนแก้มยกบ่งบอกความดีใจอย่างที่สุด “เมื่อเช้าพี่ตามหลวงตาไปบิณฑบาตที่บ้านคุณหลวง เขามีงานบุญทำขนมใส่บาตรมาเยอะเชียว พี่นึกถึงเนื้อทองเลยเอามาฝาก พี่ต้องกลับวัดไปเรียนก่อนนะ เนื้อทองเดินกลับบ้านดีๆ ล่ะ” “จ้ะ” “เอาไว้หนหน้า ถ้าพี่ได้ขนมอร่อยๆ มา พี่จะเอามาฝาก” มือนุ่มวางลงบนเรือนผมสะอาดขยี้เบาๆ ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปตามทางรก มุ่งหน้าไปตามเสียงกลองเพล “ขนม...” มือบางประคองกอดขนมห่อใบตองคาดด้วยใบจาก จนกระทั่งมาถึงรั้วหน้าบ้าน เด็กน้อยจึงซุกขนมห่อเล็กซ่อนลงไปใต้ตะกร้าหวายจากนั้นจึงค่อยๆ ย่องขึ้นเรือน สายตาหวาดระแวงกวาดมองไปโดยรอบ เพื่อมองหาพ่อซึ่งเข้มงวดเหลือประมาณ ควับ! เพียะ! ร่างเล็กสะดุ้งโหยง กระโดดวิ่งไปหลบหลังเสาเรือน ตะกร้าหวายใบเล็กถูกตีนหยาบเตะกระเด็นจนขนมหวานอันถูกซุกไว้ข้างใต้ ตกออกมาหล่นอยู่บนพื้นต่อหน้าพ่อหมอทำเสน่ห์ “ไอ้ทอง!” “โอ๊ย พ่อทองเจ็บ” “กูบอกมึงกี่ครั้งแล้ว ว่าห้ามรับของจากคนแปลกหน้า” แส้หางกระเบนคมสะบัดเฉือนเนื้อน่องขาดเป็นริ้วๆ “พี่ เขาเอาให้ทอง” น้ำตาหยดโตร่วงเผาะไหลลงมาอาบแก้ม “เขาให้...มึงก็รับมาอย่างนั้นหรือ มึงจำคำกูไว้เนื้อทอง ไม่มีใครเขารักและหวังดีต่อมึงอย่างจริงใจเท่าพ่อมึงคนนี้ดอก” มือหยาบคว้าขนมขึ้นมา จากนั้นกระทืบตีนย่ำโครมๆ เข้าไปในครัวไฟแล้วโยนขนมใส่ไส้สามห่อเล็ก เข้าไปในเตาไฟสำหรับหุงข้าวต่อหน้าลูกชาย “นับแต่นี้ไป ถ้ามึงกล้ารับของจากมือใครอีก กูจะตีมือมึงให้ขาดทีเดียว” สายตาผิดหวังเจ็บปวดมองตามหลังคนเป็นพ่อ ซึ่งเดินพ้นออกไป จากครัวไฟ จากนั้นเด็กน้อยใช้เหล็กเส้นเขี่ยขี้เถ้าซึ่งหลงเหลือจากการเผา ห่อขนม เศษใบตองสีดำไหม้เกรียมชิ้นเล็กๆ ถูกเด็กน้อยหยิบออกมาเคียนเก็บเอากับผ้าคาดเอว “พี่...ขนมของพี่” ภายในเงาสะท้อนจากกระจกส่องหน้า เด็กน้อยเจ้าของร่างอรชรบอบบาง กำลังนั่งพับเพียบอยู่หน้าตั่งตัวเตี้ย ดวงตากลมโตหวานฉ่ำพราวไปด้วยหยดน้ำตา ไหลรินรดตกลงมาจากขอบตาช้ำ กลีบปากอันเรียวงามสีดอกเล็บมือนางชมพูระเรื่อเข้มจัด กัดเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เนื่องจากกลัวว่าพ่อจะได้ยิน ดวงหน้าขาวผ่องนวลเนียนดั่งแสงจันทร์ ในคืนเพ็ญ งดงามราวเทพบุตรน้อยๆ ลงมาเดินเล่นในเมืองมนุษย์ ท่อนแขนเรียวดังลำอ้อย ยกขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาทิ้งไป “ทำไม ไม่มีใครรักทองเลย เนื้อทองน่ารังเกียจนักหรือ” ลูกนัยน์ตาสีดำขลับรับกับขนคิ้วขนตากะพริบช้าๆ อย่างสงสัย มองผ่านเลยเข้าไปในเงาสะท้อนของกระจกเล็ก ทั้งที่รูปหน้า รูปกายอันสะท้อนฉายกลับมานั้นหาได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดไม่น่ามอง “ไอ้ทอง พ่อมึงให้ไปทำกระทงรับขันธ์” เสียงขานจิกหัวเรียกใช้ ไอ้ครั้น ศิษย์เอกหมอเสน่ห์เรียกหา ดึงให้เนื้อทองเลื่อนมือดึงปิดกระจกส่องหน้าแล้วขยับลุกเดินออกมาจากห้องนอน ร่างงองุ้มหลังโค้งคดเหมือนกุ้ง ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำคล้ำหยาบ ค่อยๆ คลานลุกขึ้นจากที่ ตีนแปเดินเอียงยกไหล่พิกลพิการ เหยียดยิ้มริมฝีปากแหว่งฟันห่างมีกลิ่นเหม็นขี้ฟัน เหมือนคาวปลาคละคลุ้ง สันจมูกแบป้านบานใหญ่ดูน่าชัง หางตาตกลู่เหล่ เอียงข้าง จนไม่รู้ว่าเจ้าของร่างอุบาทว์นั้นกำลังเพ่งมองใคร ผิวหน้าปุปะมีแต่ ฝ้าหนอง มองแล้วชวนขนลุกขนพองสยองหัว “ไอ้ทอง มึงอย่ามัวชักช้า ประเดี๋ยวกูถีบตกเรือน เร็วๆ เข้าเห็นหรือเปล่าคนเขามารอกันเต็มลานนั่น” “รู้แล้วน่า” หน้างอหันไปค้อนใส่ศิษย์เอกของพ่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD