บริเวณริมรั้วไม้อันเป็นขอบอาณาเขตเรือนหมอเสน่ห์ เช้านี้ไร้เงาคนที่บอกว่าจะทำขนมมาใส่บาตร ดวงตาฉงนของเด็กวัดหนุ่มรุ่นกระทงเงยมองเลยขึ้นไปบนชานเรือนอันเงียบสงัดแต่ไม่เห็นเงาผู้ใด ก่อนหลวงตาจะพาเดินพ้นโค้ง ใบหน้าคมยังเหลียวกลับไปมองหน้าต่างบนเรือนไม้ยกใต้ถุนสูงเห็นมันปิดสนิทเงียบเชียบ
“สงสัยมันคงทำอะไรผิดอีก” หลวงตาแก่นพูดเปรยออกมาเบาๆ
“ทำผิดอย่างนั้นหรือขอรับหลวงตา”
“เห็นมันอัปลักษณ์อย่างนั้น แต่พ่อมันหวงนักหนา เอ็งอย่าไปยุ่งกับมันให้มากนักล่ะ”
“แต่...ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่งามนี่ขอรับ”
“ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่หากรู้ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเป็นภัยต่อลูกตัว คนเป็นพ่อแม่มีแต่จะหาทางป้องกันภยันตรายให้เท่านั้น เนื้อทองมันบุญน้อย เกิดมาไม่นาน แม่มันก็ตายจาก เหลือเพียงหมอคุ้มผู้เป็นพ่อคนเดียว ถึงมันจะรูปชั่วตัวพิการ แต่พื้นฐานจิตใจมันใฝ่ดี หมอคุ้มถึงได้ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งเป็นห่วงมันนัก”
“ไอ้ทอง พ่อมึงบอกให้ไปเตรียมโอ่งน้ำมนต์” ไอ้ครั้นเปิดประตูเข้ามายืนถอนหายใจมองร่างงองุ้มนั่งกอดเข่าซุกอยู่ตรงมุมห้อง
“อือ” มือบางถอดสลักกลอนหน้าต่างแล้วผลักมันให้เปิดกว้างรับแสงจันทร์ในคืนเพ็ญ ใบหน้าเศร้าแหงนมองข้ามยอดไม้นั้นไปเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่ลอยเด่นอยู่เพียงเดียวดาย มือนุ่มลูบไล้หลังมือ ข้อแขนไปจนถึงเนื้อตัวซึ่งเต็มไปด้วยรอยแส้ จากนั้นหันหลังกลับเดินลับไปเตรียมสิ่งที่พ่อบอก
ไอ้ครั้นขยับก้าวถอยหลังแล้วเดินออกมายืนพะว้าพะวังอยู่ชานเรือนด้านหน้า มันอยู่รับใช้ช่วยงานหมอคุ้มมานานหลายปี ได้มีโอกาสเรียนวิชาคุณไสยหลายคาถา ถึงจะยังไม่เก่งกล้าเท่าอาจารย์ แต่มันก็พอรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อทองผิดปกติไม่เหมือนคนทั่วไป ติดแค่มันไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่มันรู้สึกนั้นเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่
เนื้อทองจัดการผลัดผ้าแล้วเดินไปยังด้านหลังเรือน เพื่อชำระล้างคราบเหงื่อ ฟอกตัวถูไคล จนมั่นใจว่าร่างกายนี้สะอาดหมดจด จากนั้นหนุ่มน้อยเปลี่ยนผลัดเป็นนุ่งขาวห่มขาว เดินหายเข้าไปยังประตูไม้ ซึ่งกั้นไว้สำหรับทำพิธีชุบตัวลงนะเนื้อทอง
“เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน นะเนื้อทอง นี้จะฝังลงไปในเลือดเนื้อและวิญญาณของเอ็ง”
เทียนชัยนับร้อยเล่ม ปักอยู่ทั่วทุกมุมเรือน เสียงท่องบ่นบริกรรมคาถาดังลอดมาจากบานประตูทึบ ไอ้ครั้นวางหูแนบสนิทติดไปกับประตู คิ้วหนากระตุกเข้าหากันเหมือนพยายามเงี่ยหูฟังให้ถนัดว่าคาถาที่หลุดลอยดังมาเป็นคาถาบทใดแน่
ขณะเดียวกันใต้ถุนเรือนไม้ยกสูง มีร่องกระดานอันไม่สนิท ดวงตาคู่หนึ่งส่องมองไปยังร่างขาวผุดผ่องในโอ่งน้ำมนต์ ซึ่งเนื้อทองกำลังนั่งหลับตาพนมมืออยู่อย่างตั้งใจ เบื้องหน้าไซร้ พานบายศรีตั้งมั่น พร้อมพานขันธ์ เครื่องบูชา อีกทั้งตั่งวางขันน้ำมนต์แช่ว่านมหาเสน่ห์เก้าอย่างเตรียมพร้อมทุกขั้นพิธี
เมื่อเดือนเต็มลอยเด่นพาดตกทาบเงามากลางหน้าผาก หมอเสน่ห์อาคมแกร่งใช้นิ้วหัวแม่มือแตะแผ่นทองจากผอบทองเหลืองขึ้นมาทาบลงบนหน้าผากเล็กของลูกชาย จากนั้นท่องบ่นมนต์ขลังก่อนจะเป่าคาถาทับลงไป แผ่นทองคำเปลวสุกสว่างหายวับไปกับตา หมอคุ้มทำซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ โดยขยับย้ายตำแหน่งในการแปะแผ่นทอง จนครบทั้งเก้าตำแหน่งมหามงคล อักขระสีทองเรืองรองส่องสว่างทะลุเนื้อ ทะลุหนัง เคลือบร่างงามให้ผ่องผาดแข่งกับแสงจันทร์ในคืนเพ็ญวันพระใหญ่ เมื่อแว่วเสียงไก่ขันรับอรุณแรกของวันใหม่ ดวงตาสดใสเปิดขึ้นพร้อมกับร่างบางขยับยืนลุกขึ้นจากโอ่งน้ำมนต์ หยิบผ้าใหม่เคียนเอวพันกาย ก้มลงหมอบกราบเบื้องหน้าหมอเสน่ห์ผู้เป็นพ่อ มือต่อยก พานบายศรีเปิดออกก่อนจะกราบจรดหน้าผากติดหลังเท้า
“เนื้อทอง เอ็งจำคำพ่อนะ ถึงพ่อจะดุด่า เฆี่ยนตีเอ็งอย่างไร แต่เชื่อเถิดว่าไม่มีใครรักและหวังดีต่อเอ็งเท่าพ่อคนนี้อีกแล้ว”
“ทองขอโทษที่ทองดื้อกับพ่อ”
“ลูกเอ๋ย ขอให้เอ็งจำใส่ใจเถิดว่าพ่อนั้นรักลูกนักหนา คำพ่อที่สอนสั่งแม้นมันอาจฟังไม่หวานหูเท่าใดนัก หากแต่พ่อนั้นรักและหวังดีต่อเอ็งนะลูก”
“ทองรักพ่อ ทองจะเป็นเด็กดีของพ่อจ้ะ”
“เนื้อทอง”
“พี่พรเทพ” แววตาหม่นสดใสขึ้นในทันใด เมื่อเหลียวหน้าหันไปเห็นชายที่ตนรักมายืนเกาะรั้วบ้านส่งยิ้มมาให้ หลังจากถูกพ่อลงโทษขังให้อยู่แต่บนเรือนนานถึงกึ่งเดือน ไม่มีโอกาสได้พบหน้ากัน
“พี่พรเทพมาทำไมหรือ” เด็กหนุ่มเหลียวหันหลังกลับไปทางเรือนตัว หวาดกลัวระแวงพ่อจะเดินออกมาเห็น
“พี่ก็มาหาทองไง ทองเป็นอะไร เจ็บไข้ไม่สบายหรือเปล่า พี่ไม่เห็นทองไปทำบุญที่วัดเลย”
“เอ่อ ทองไม่ได้เป็นอะไร แต่พ่อไม่ให้ทองออกไปข้างนอก”
“พ่อทองนี่ก็แปลก ทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วย”
“ถึงพ่อจะดุ แต่ทองก็รักพ่อนะ”
“ช่างเถิด จริงสิวันพระใหญ่ที่จะถึงนี้ ที่วัดใต้มีงานบุญกฐินนะเนื้อทอง
งานบุญใหญ่ปีหนึ่งมีแค่หนเดียว หนึ่งวัดจัดได้คราวเดียวเท่านั้น ทองอย่าลืมไปถวายผ้ากฐินกับพี่นะ”
“จ้ะ รอให้พ่อใจดีอีกหน่อย ทองจะไปขออนุญาตพ่ออีกที”
“จริงสิทอง วันนี้พี่มีขนมมาฝากทองด้วยนะ” มือหนาเลื่อนลงไปดึงห่อผ้าสะอาดออกมาจากชายพก เปิดออกด้านในเป็นขนมเสน่ห์จันทร์ชิ้นน้อยบิดเบี้ยวแตกหักอยู่ภายในห่อผ้า
“ขนมหรือ”
“ใช่ ขนมเสน่ห์จันทร์ พี่แย่งมาได้เท่านี้แหละ ที่เหลือคนอื่นเอาไปกินเสียหมดแล้วเป็นขนมหากินยาก ทองกินสิ” เด็กวัดรูปงามยิ้มออกมาก่อนจะยื่นขนมมงคล อันมีความหมายให้เด็กน้อยตรงหน้า
“แต่ถ้าทองกินขนมของพี่ พ่อจะโกรธ”
“อ้าปากเร็ว พี่จะป้อน”
“พี่พรเทพ...”
คำสอน คำห้ามของพ่อดังก้องอยู่เต็มสองหู แต่เสียงกระซิบจากห้วงแห่งความรู้สึกในส่วนลึกว่าใจรัก มันดังสะท้อนสลับอยู่เต็มหัวใจไม่แพ้กัน เนื้อทองทำได้แค่ยืนมองขนมสีทองสดใสทั้งน้ำตา แต่ไม่กล้าอ้าปากรับสิ่งที่เด็กวัดใจดีหยิบยื่นให้
“ทำไม หรือว่าทองรังเกียจขนมก้นบาตรของพี่”
“เปล่าจ้ะ ทองไม่ได้รังเกียจสักนิดเดียว แต่ว่าพ่อห้าม...”
“ไอ้ทอง!”
เปรี๊ยะ! แส้หางกระเบนสะบัดลงบนน่องเรียว เสียงเนื้อบางแตกสนั่นลั่นดังเปรี๊ยะเต็มสองหู ร่างคดทรุดลงไปขดตัว งอแขน งอขา หลบอาญาจากแส้อาคมของคนเป็นพ่อ
“พ่อหมอทำอะไร หยุดนะ อย่าตีทอง” ร่างสูงพุ่งเข้าไปใช้ร่างกายแทนเกราะกำบังหันหลังให้แส้เส้นใหญ่ ท่อนแขนท่อนขาโอบรัดร่างเล็กพิกลพิการนั้นไว้เต็มอ้อมแขน
“มึงปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้” หางกระเบนคมฟาดลงไปซ้ำๆ เมื่อเห็นไอ้หนุ่มนั้นกอดรัดร่างลูกชายไว้แนบแน่น หมอเสน่ห์หวงลูกพยายามใช้มืออีกข้างหนึ่งยื้อยุดฉุดร่างลูกชายตัวเอง ออกมาให้ห่างจากอกเด็กหนุ่ม
“ไม่ปล่อย ถ้าพ่อหมอจะตีก็ตีข้า แต่ห้ามตีเนื้อทองเด็ดขาด”
“มึงคิดจะลองดีกับกูรึ”
“พ่อ อย่าตีพี่เทพ พ่อทองขอโทษ ทองไม่กินแล้ว พ่ออย่าตีพี่เทพนะ” แขนสั้นกระดูกคดยื่นออกมาพยายามจับแส้นั้นไว้เพราะรู้ดีว่ากำลังมือของคนเป็นพ่อนั้นมากนัก หากปล่อยให้ฟาดลงมาหนักมือเช่นนี้ พรเทพจะเจ็บตัวจนถึงตาย แส้คมกรีดบาดฝ่ามือบางเห็นเลือดไหลเป็นทางยาว
“ทองขึ้นเรือนแล้ว พ่ออย่าตีพี่เทพนะ” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นยกมือขึ้นมาเหนี่ยวแส้เส้นใหญ่
“มึงขึ้นเรือนไปเดี๋ยวนี้เนื้อทอง”
“ขึ้นแล้ว ทองไปแล้วพ่ออย่าตีพี่พรเทพ” มือน้อยๆ ยึดแส้คมกำไว้แน่น น้ำตาหยดโตร่วงเผาะไหลลงมาอาบแก้ม เหลียวมองร่องรอยบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนบนร่างกายชายที่ตนรัก แล้วรู้สึกปวดร้าวเจ็บราวกับโดนเฆี่ยนเสียเอง
“พ่ออย่าตีพี่พรเทพนะ”
“ทองปล่อยเร็ว พี่ไม่เป็นอะไร” มือนุ่มพยายามแกะนิ้วจากการยึดกำหางกระเบนคม เลือดข้นฉาบอาบไหลจนเต็มฝ่ามือ
“พ่อ...อย่าตีพี่เทพนะ นะพ่อ”
“กูบอกให้มึงขึ้นเรือน ไป!” หมอคุ้มดึงแส้กลับ พร้อมกับกระชากคอ ไอ้หนุ่มเด็กวัดที่นั่งกอดรัดร่างลูกชายลากออกมาโยนห่างไปทางลานดิน ก่อนจะหันมาชี้นิ้วร้องสั่งให้เนื้อทองกลับขึ้นเรือน
“ขึ้นเรือนไปเถิดเนื้อทอง ไม่ต้องห่วงพี่”
เด็กน้อยละล้าละลัง มองใบหน้าบึ้งตึงของพ่อสลับกับหน้าซีดของชายที่ตนรัก จากนั้นขยับลุกขึ้นเดินกลับขึ้นไปบนเรือน นั่งยองร้องไห้แอบมองชายหนุ่มผ่านรอยแยกของฝาเรือนเพราะอยากดูให้แน่ใจว่าพ่อจะไม่ลงโทษเฆี่ยนตีพรเทพอีก
“เมื่อไหร่มึงจะจำหือไอ้ทอง ว่าห้ามรับของจากคนอื่น กูเห็นมึงโดนพ่อครูตีตั้งกี่ครั้งแล้ว ไม่เข็ด ไม่หลาบ ไม่จำสักทีนะมึงเนี่ย”
“พี่พรเทพเขาหวังดีแค่เอาขนมมาให้” เสียงซื่อตอบกลับไปในทันที
“มึงเห็นเขาใจดี มึงก็ตีความว่าเขาเป็นคนดีหรือ ระวังเถอะมึง วันไหนเจอเขาเอายาสั่งเล่นของใส่มาให้กิน กูจะไม่ช่วยพ่อครูแก้ของให้มึงดอกนะ” ไอ้ครั้นเบะปาก ยืนกอดอกมองหลังงุ้มเสื้อสีหม่นมีรอยเลือดซึมออกมาเป็นริ้วยาว มือเท้า แขนขา ฝ่ามือเห็นเลือดไหลอยู่ซิบๆ
“พี่เทพไม่ทำอย่างนั้นดอก”
“เฮอะ มึงมันรั้นนัก หนนี้กูไม่ต้มประคบทายาให้มึงหรอกนะ กูจะปล่อยให้มึงนอนซมไข้ ร้องไห้ครางหงิงๆ อยู่อย่างนั้นแหละ” ไอ้ครั้นสะบัดตีนเตะตูดเล็กอย่างหัวเสียแล้วเดินทิ้งไป
“มึงมาทำไม” เสียงเข้มสะบัดห้วน ตามองลงไปยังร่องรอยเส้นแส้ซึ่งมีเลือดไหลซิบซึมออกมาจากแขนขาของเด็กวัดสกุลสูง
“ข้ามาหาเนื้อทอง ข้ามาด้วยเจตนาดีไม่เคยคิดร้าย”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมาหามัน ถ้ามึงเจตนาหวังดีกับมันดีจริง อย่าเจอกับลูกกูอีก” ใบหน้าถมึงทึงสะบัดทำท่าจะเดินกลับขึ้นเรือน หากแต่มีมือหนึ่งคว้า ดึงข้อเท้าไว้
“พ่อหมอ ข้าไม่เคยมีจิตคิดอกุศลกับเนื้อทองเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดทั้งสิ้นที่ทำลงไปนี้คือความรัก ความเอ็นดูจากใจแท้ๆ ไม่มีสิ่งใดเคลือบแคลงแอบแฝงเลยสักนิด”
“ถ้ากูเห็นมึงมาหามันอีกครั้ง กูจะเอาโซ่ล่ามขามันติดไว้กับเสาเรือน หากมึงไม่ฟังคำกูก็ลองดูเถิด” หมอคุ้มข่มเสียงเข้มหันไปตวาดใส่ลูกท่านขุน
“ทำไม” พรเทพที่ไม่ใคร่เข้าใจในการกระทำอันผิดแผกแปลกประหลาดของบ้านหมอเสน่ห์ร้องถามด้วยความสงสัย
“เพราะมึง...จะเอาความฉิบหายมาให้ลูกกู”
เมื่อเห็นพ่อเดินกลับขึ้นเรือน เนื้อทองคลานไปหมอบรออยู่ตรงกลางชานบ้าน หลังมือยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้งเพราะคิดว่าพ่อคงตามขึ้นมาตีซ้ำเหมือนอย่างเคย หากแต่หนนี้หมอคุ้มเพียงยืนเฉย แล้วเดินเลยไปนั่งลงบนอาสน์ฌานของตน เนื้อทองหันไปมองสบตากับไอ้ครั้นศิษย์เอกแล้วคลานเข้าไปนั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้า
“เนื้อทองถ้าเอ็งยังเห็นข้าเป็นพ่อของเอ็งอยู่ จำไว้อย่าได้ไปคบหากับไอ้หนุ่มนั่นอีกเป็นอันขาด”
“ทำไมเล่าพ่อ พี่พรเทพเป็นคนไม่ดีหรือ” เสียงซื่อไร้เดียงสาถามออกไปในทันที
“ต่อให้มันเป็นคนดี พ่อก็จะไม่ให้มันเข้าใกล้เอ็ง”
“ทำไมเล่า ทองไม่เข้าใจ”
“เอ็งไม่ต้องถาม แค่เอ็งเชื่อฟังพ่อเท่านั้นก็พอ จำเอาไว้นะเนื้อทอง ในโลกนี้ ไม่มีใครรักและหวังดีต่อเอ็งอย่างจริงใจเท่าพ่อดอกลูก”
บนฟูกนอนเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีนั่งอยู่เบื้องหน้ากระจกบานเล็ก ดวงตาแสนซื่อประสาเด็ก มองเงาสะท้อนใบหน้าอันงดงามของตนเอง นิ้วเรียวไล้สัมผัสไปตามเนื้อตัว อันมีร่องรอยการลงอาญาความผิดจากผู้เป็นพ่อหลงเหลือให้เห็นจางๆ จากนั้นโอบกอดท่อนแขนเรียวงามสีขาวนวลประดุจงาช้าง ระลึกถึงอ้อมกอดของชายหนุ่ม ซึ่งพุ่งเข้ามาปกป้องตนไว้เมื่อช่วงเย็น สัมผัสอุ่นจากอกแกร่งกับท่อนแขนมัดกล้ามแข็งแรงนั้นยังตราตรึงเต็มปริ่ม อยู่ในความคิด ความจำ
“พี่พรเทพ หากพี่ได้เห็นตัวจริงร่างแท้ของเนื้อทองอย่างนี้ พี่จะยังใจดีกับเนื้อทองเหมือนอย่างเดิมหรือไม่หนอ” เสียงหวานรำพันถามเงาตัวเองในกระจก
“มีอะไร” แม้ดวงตายังปิดสนิทแต่หมอคุ้มพึงรู้ด้วยฌาน หูทิพย์ ตาทิพย์ว่าคนที่กำลังคลานเข้ามาหาเบื้องหน้านั้นคือใคร
“พ่อ ทองอยากไปทำบุญกฐินที่วัดใต้ ทองขอออกจากเรือนไปทำบุญ ได้หรือเปล่า” เสียงหวานออดอ้อนร้องขออนุญาต เปลือกตาคล้ำถูกดึงให้เปิดขึ้นช้าๆ สายตามองต่ำไปเบื้องหน้า เห็นลูกชายในร่างแท้ใบหน้างดงามสะอาด หมดจด กิริยาอาการแช่มช้อยอ่อนหวานชวนมอง ซ้ำยังมีจิตใจใสซื่อดั่งทารก ลูกตาดำกลมโตรับกับขนตางอนช้อนมองเว้าวอนน่าสงสาร
“เอาไว้ถ้าเอ็งทำตัวดี ถึงวันบุญแล้วค่อยมาคุยกัน ไปนอนได้แล้ว”
“จ้ะพ่อ” ลูกชายเพียงคนเดียวถอยหลังคลานต่ำ เดินกลับหายเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย คนเป็นพ่อเอื้อมหยิบแผ่นกระดานชนวนเก่า ด้านบนมีร่องรอยขีดเขียนอักษรโบราณเป็นฤกษ์ยามตกฟากเวลาเกิดดับของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนอันตนหวงแหนประดุจแก้วตาดวงใจก่อนจะถอนหายใจยาว มองผ่านไปยังประตูห้องนอนลูกชายแล้วทิ้งน้ำตาไหลลงมาหยดหนึ่ง
“เนื้อทองลูกพ่อ”