หนานอิงพยายามร้องขอชีวิตจากเสียงที่ได้ยินลางเลือนแต่มิมีผู้ใดที่สนใจร่างเปล่าเปลือยที่แทบจะไร้วิญญาณของนางเลยสักคน
แม่ทัพใหญ่ทั้งสองต่างชำระร่างกายจนสะอาด ทหารนำโจ๊กร้อน ๆ ชามใหญ่สองชามมาให้เพื่อเป็นอาหารเช้า คนทั้งคู่ต่างกินไปอย่างเงียบเชียบเมื่อกินอิ่มก็พูดคุยเรื่องศึกสงครามระหว่างรอให้ทหารเตรียมความพร้อมที่จะออกเดินทางเพื่อเข้าวังหลวงในอีกไม่ช้า
สองอ๋องสนทนากันจนลืมไปว่ายังมีสตรีผู้หนึ่งกำลังจะสิ้นใจด้วยพิษไข้นอนหายใจระรวยอยู่บนเตียง กระทั่งถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางและมีทหารมาเก็บข้าวของในกระโจมจึงพบนางนอนอยู่บนเตียงเข้า
"ท่านแม่ทัพขอรับ นางผู้นี้ทำเช่นไรดีขอรับจะปล่อยนางเอาไว้ที่นี่หรือจะพานางไปพร้อมกับเราขอรับ"
ซู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องต่างมองหน้ากันไม่มีผู้ใดเอ่ยคำใดออกมาต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่ธุระของตนเอง แต่แล้วเสียงแหบโหยของนางก็ดังขึ้น
"ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย"
ทหารผู้นั้นจึงมองพวกเขาอีกครั้ง อวิ๋นอ๋องได้ยินเสียงแหบโหยไร้เรี่ยวแรงนั้นพลันคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเขาหน้าแดงเล็กน้อย ยอมรับว่าติดใจในเรือนกายของนางอยู่บ้างในเมื่อนางปรนนิบัติถูกใจก็ย่อมได้รับรางวัล
"เช่นนั้นก็นำนางไปด้วย"
"ท่านรองแม่ทัพแต่นางเป็นสตรีของพวกท่านแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องนางแล้วนะขอรับ นางไม่อาจนั่งม้าร่วมกับผู้อื่นได้"
ซู่อ๋องเอ่ยเสียงเย็นอย่างรำคาญใจ
"ก็แค่นางโลมผู้หนึ่งเอานางไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเป็นพอ จะพาไปที่ใดก็แล้วแต่พวกเจ้าอย่าได้มากวนใจข้าเรื่องนางผู้นี้อีก"
อวิ๋นอ๋องเห็นพี่ชายไม่ยินยอมให้นางนั่งม้าไปกับเขาพลันหัวเราะออกมา สำหรับซู่อ๋องแล้วเมื่อไม่ได้อยู่บนเตียงสตรีทุกคนล้วนน่ารำคาญ ส่วนตัวเขาเองก็หาได้ใส่ใจในตัวนาง สตรีสำหรับอวิ๋นอ๋องนอกจากเลี้ยงดูเอาไว้ใช้งานเป็นมือสังหารของพวกเขาแล้วก็คือสาวใช้อุ่นเตียงเพียงเท่านั้น
ทหารยังอึกอักไม่รู้จะส่งนางไปที่ใด อวิ๋นอ๋องหานเซียวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
"เจ้าพานางมาเช่นไรก็พานางกลับไปเช่นนั้น หากไม่กล้าจะทิ้งนางก็แค่ส่งนางกลับหอนางโลมเสีย เบิกเงินไปก้อนหนึ่งให้สมฐานะท่านแม่ทัพนำติดมือไปให้แม่เล้าของนาง"
ทหารผู้นั้นรับคำ เขาไม่อาจมองสตรีของท่านอ๋องได้จึงนำผ้าห่มคลุมกายเปลือยของนางและไม่รู้จะทำเช่นไรดี จะนำไปอย่างไรเล่าในเมื่อพวกเขาไม่มีเกวียนหรือรถม้า กระทั่งเขาคิดวิธีออกแล้ว
"แม่นางข้าล่วงเกินแล้ว"
ในเมื่อไม่รู้จะนำนางไปส่งเช่นไรด้วยตนเองก็มิกล้าแตะต้อง พลันนึกถึงกระสอบใหญ่ใบนั้น
หนานอิงยังร่างกายเปล่าเปลือยถูกพันเข้าด้วยผ้าห่มที่ไม่หนามากจนถึงลำคอก่อนจะถูกจับยัดกระสอบโดยไม่สามารถอ้าปากท้วงติงได้
นางในตอนนี้เจ็บปวดไปทั้งร่างราวกับกำลังถูกไฟเผา ริมฝีปากแตกระแหงแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่ได้ดื่ม ในใจคิดเพียงแต่ว่า
ท่านแม่ข้าคงไม่มีโอกาสตอบแทนบุญคุณของท่านแล้ว
ปากกระสอบถูกมัดไม่แน่นมากยังมีอากาศให้นางหายใจเพราะนางเป็นสตรีของท่านอ๋องจะให้ใครเห็นใบหน้าไม่ได้จึงต้องยัดนางเข้าในกระสอบทั้งตัวและนำนางออกให้ห่างจากกองทัพให้เร็วที่สุด
ดังนั้นทหารผู้นั้นจึงนำนางผูกกับม้าศึกที่ยึดได้จากศัตรูตัวหนึ่งเพื่อเดินทางมาพร้อมกับหน่วยทหารโดยที่คนภายนอกไม่รู้ว่าในกระสอบนี้บรรจุสิ่งใดไว้ภายใน
ท่านแม่ทัพเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว หนานอิงถูกมัดในกระสอบยังถูกผูกติดกับหลังม้าที่วิ่งเร็วร่างของนางกระแทกกับหลังม้าหลายครั้ง เดิมทีก็เจ็บมากอยู่แล้วแต่คราวนี้นางเจ็บจนหมดสติไปแล้ว
ลู่หนิงหวังและหานเซียวเคลื่อนทัพกลับจวนอ๋อง ในขณะที่ทหารถูกสั่งให้แยกย้ายกลับบ้านของตนเองได้ ทหารที่เขานำกลับจากชายแดนมีเพียงไม่กี่พันนาย ส่วนใหญ่ต้องทิ้งเอาไว้ปกป้องชายแดน หลังจากนี้จึงมีการแจกจ่ายเงินรางวัลไปที่บ้านเดิมของพวกเขา
ในเมืองมีหอนางโลมเลื่องชื่ออยู่หลายที่ แต่มีที่เดียวที่ขึ้นชื่อเรื่องสตรีอันงดงามที่สุด ทหารเห็นหนานอิงงามล่มเมืองเช่นนั้นจึงคิดว่านางต้องมาจากหอแห่งนี้เป็นแน่ ม้าตัวหนึ่งบนหลังมีกระสอบใบใหญ่กำลังถูกจูงไปยังทิศนั้นอย่างรวดเร็ว
"ออกมา มีผู้ใดอยู่บ้างท่านแม่ทัพมีคำสั่ง"
เสียงของทหารผู้นั้นห้าวหาญยังมีทหารท่าทางน่ากลัวที่เป็นลูกน้องติดตามมาอีกสองนาย แค่ชุดของพวกเขาก็ทำให้คนเกรงกลัวจนตัวสั่นยังมาส่งเสียงเอะอะที่ด้านหน้าหอทำให้แม่เล้าคนดูแลรีบออกมาต้อนรับพร้อมกับปาดเหงื่อที่จู่ ๆ ก็ซึมออกมาโดยไม่ทราบสาเหต
มีเรื่องอันใดคนที่เพิ่งกลับจากชายแดนจึงมาหาเรื่องพวกนางถึงที่นี่ ผู้ใดไปทำให้คนพวกนั้นโกรธเคืองกันหรือ?
ทหารผู้นั้นโยนกระสอบใบเก่าลงบนพื้นโดยไม่ปราณี ไม่สนใจว่าคนในกระสอบจะมีชีวิตดีหรือไม่ เขาได้รับคำสั่งให้มาส่งคนเท่านั้นจึงไม่สนใจว่าการโยนนางเช่นนั้นจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บ
ในตอนนั้นเองที่ศีรษะของหนานอิงกระแทกเข้ากับพื้นจนแตกและเลือดเริ่มไหลซึมออกมา ความเจ็บปวดทำให้นางลืมตาตื่นแต่นางในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงแล้ว
"คนในนี้เป็นสตรีของท่านแม่ทัพ ท่านให้นำส่งคืนที่นี่ดูแลนางให้ดีนี่คือรางวัลสำหรับนาง ส่วนนี่คือรางวัลสำหรับหอนางโลมของเจ้า"
ทัพของซู่อ๋องลู่หนิงหวังหลังจากชนะศึกได้เงินจากการยุติสงครามจากต่างแคว้นจำนวนมากจึงร่ำรวยไม่ใช่น้อย การตกรางวัลแก่หอนางโลมด้วยทองจำนวนหนึ่งจึงถือว่าเล็กน้อยเป็นอย่างยิ่ง
แม่เล้าผู้นั้นยังงงงวยเมื่อเปิดดูถุงเงินแล้วเห็นทองก้อนโตในนั้นอัดกันแน่นจึงตาลุกวาว นางคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม ด้วยความฉลาดของแม่เล้านางเข้าใจในทันทีว่าสตรีนางนี้ถูกส่งมาฝึกกับหอนางโลมของนางเพื่อปรนนิบัติท่านแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งยกทัพเข้าเมือง ดังนั้นนางจึงค้อมกายรับทราบศีรษะแทบจรดพื้น
"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ไว้ใจหอนางโลมของข้า ข้าจะดูแลนางอย่างดีเจ้าค่ะ เร็วเข้าเด็ก ๆ อุ้มกระสอบนี่เข้าไปข้างในเร็วอย่าให้นางบอบช้ำเป็นอ้นขาด"
"แย่แล้วขอรับนายหญิงนางตัวร้อนราวกับไฟศีรษะของนางยังมีเลือดเต็มไปหมด ทำเช่นไรดีขอรับ"
บ่าวผู้นั้นถึงกับยืนตัวสั่นเพียงเปิดกระสอบออกมาดูว่าหญิงสาวด้านในเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเห็นสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสักครู่เขาได้ยินทหารท่าทางน่ากลัวผู้นั้นบอกว่านางเป็นสตรีของท่านแม่ทัพ หากกลายเป็นศพอยู่ที่นี่พวกเขาจะไม่หัวขาดกันหรือ
"เจ้าว่าอย่างไรนะ?"
"ข้าว่านางป่วยหนักเพียงนั้น อีกทั้งบนศีรษะยังมีเลือดนองเกรงว่านางจะไม่รอดแล้วขอรับ"
"หุบปากเสียของเจ้า เป็นหมอหรืออย่างไรถึงได้รู้ดีเช่นนี้ ยืนเซ่ออยู่ทำไมไปตามท่านหมอที่เก่งที่สุดในเมืองมาสิเจ้าโง่"
"ขะ ขอรับ"
บ่าวผู้นั้นลุกลี้ลุกลนออกไปแล้ว แม่เล้ารีบก้าวเข้าไปในห้องเมื่อเห็นสภาพของหนานอิงแล้วนางถึงกับยกพัดที่ถือในมือขึ้นมาทาบอกด้วยความตกใจ
"มุงดูสิ่งใดกัน เจ้ารีบไปนำน้ำอุ่นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางเสีย เร็วเข้า"
"เจ้าค่ะ"
บ่าวในหอนางโลมวิ่งกันวุ่น เห็นว่าสตรีผู้นี้เป็นคนสำคัญแต่ก็ไม่เข้าใจเหตุใดจึงถูกจับยัดใส่ในกระสอบราวกับศพคนตายที่คนร้ายต้องการซ่อนเร้น
แม่เล้าคลายผ้าห่มที่หุ้มร่างของหนานอิงออก กลิ่นน้ำกามคละคลุ้งจนนางต้องปิดจมูก
นี่พวกเขาเหตุใดระเริงรักกันบ้าคลั่งเพียงนี้!
มีเลือดไหลนองก้นและช่วงกึ่งกลางร่างของนางคล้ายกับผู้ที่ผ่านคมหอกคมดาบมาอย่างโชกโชน
แม่เล้าผู้นี้เห็นแล้วก็เวทนานัก ส่วนในใจก็หวาดผวาเป็นอย่างยิ่งกลัวว่านางจะสิ้นชีพจนทำให้ตนเองเดือดร้อน
"คุณหนูผู้นี้ เจ้าจะตายไม่ได้เป็นอันขาด แข็งใจเอาไว้นะข้ากำลังให้คนไปตามท่านหมอ"