04
ไม่น่าเลย
หลายวันผ่านไป
ภายในร้านสังสรรค์เต็มไปด้วยความครึกครื้นอย่างเช่นทุกครั้ง เสียงเพลงบีตหนัก แสงไฟสาดส่อง และผู้คนมากมายที่ร่วมสนุกไปกับบรรยากาศ
ตนุธิปเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังดื่มด่ำกับเหล้ารสแรงราคาแพงอยู่บนชั้นสองที่ปิดโซนไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว
หลังจากเคลียร์เอกสารเสร็จเขาก็ออกมานั่งดื่มคนเดียวที่ชั้นสอง สายตาก็กวาดมองบรรยากาศของร้านตัวเองไปพลาง ๆ หากแต่มันชะงักไปยังห้องน้ำชั้นสองเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บริเวณนั้น ทั้งที่เขาเปิดโซนส่วนตัวไว้ทั้งหมดแล้ว
ร่างสูงหยัดตัวขึ้นและเดินตรงไปทันที เขาพยายามหรี่ตามองก็มั่นใจว่าเป็นผู้หญิงจริง ๆ ตั้งใจจะเข้าไปบอกว่าส่วนนี้คนนอกไม่สามารถเข้าได้ แต่พอเห็นใบหน้าชัด ๆ ของเธอคนนั้นก็ทำเอาเขากับตกใจทันที
“เธอ” ตนุธิปเอ่ยคำสั้น ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
‘เธอ’ ที่ว่านั้นคือคนที่เขาแอบซุ่มมองในเงามืดเมื่อหลายวันก่อน และก็ยังเป็นพี่เล่นเกมที่ลูกสาวของเขาชอบดูอีกด้วย
แม่ง...เจออีกแล้วเหรอวะ!
“หือ? อ๊ะ!” หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียกนั้น แต่ด้วยอาการมึนเมาที่ครอบคลุมทั้งสติและร่างกายส่งผลให้เธอเอนเอียงจนกระทั่งล้มพับลงสู่พื้น
“เฮ้ย! ระวังหน่อยดิวะ” ตนุธิปที่เห็นแบบนั้นก็รีบปรี่เข้าไปช่วยประคอง เขาพยุงรั้งเธอไว้ในอ้อมแขน พยายามเขย่าและพูดเสียงดัง ๆ เพื่อเรียกสติ แค่เห็นดวงตาฉ่ำปรือและพวงแก้มแดง ๆ ก็รับรู้ว่าเธอน่าจะเมาพอสมควร
“อือ ขะ...ขอโทษค่ะ ขอโทษ” เสียงเล็กพึมพำขอโทษพลางลุกขึ้นทรงตัวยืนด้วยตัวเอง
ร่างสูงใหญ่ก็จับมือเล็กของเธอให้ค้ำยันกับกำแพง พอเห็นว่าเธอเริ่มยืนได้เขาก็ผละออกห่างเพราะไม่อยากทำตัวรุ่มร่ามทั้งที่จริงแล้วเจตนาของเขาต้องการช่วยเหลือเพียงเท่านั้น
“ไหวไหมเนี่ย” คิ้วเข้มขมวดอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางซวนเซหลงทิศของหญิงสาว
“ปวดฉี่ค่ะ อยากเข้าห้องน้ำ” เธอหันหน้ามาบอกตาเยิ้ม ผิดกันกับเขาที่กะพริบตาปริบ ๆ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะมาบอกกันทำไม
“เอ่อ...ก็เข้าสิ นี่ไงห้องน้ำ” มือใหญ่ดันร่างกายเล็กให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นเขาก็หันหลังและขยับตัวออกห่างจากประตูเพื่อให้เธอได้ทำธุระของตัวเองให้แล้วเสร็จ
กระทั่งเขาได้ยินเสียงกดชักโครกและเสียงกุกกักจากทางด้านหลังก็หันไปมอง เขาเห็นเธอเดินออกมาแล้ว แต่ไม่นานเธอก็นั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องน้ำและเอนตัวพิงกำแพงหลับตาพริ้ม
“ทำไมมานั่งตรงนี้” เสียงเข้มเอ่ยถามทันที
“เมา” เธอตอบสั้น ๆ
“นั่งตรงนี้ไม่ได้ แล้วโต๊ะเธออยู่ไหน” ที่ตรงนี้เขาปิดโซนไว้แล้ว มั่นใจแล้วด้วยว่าหน้าบันไดมีป้ายบอกกำกับอยู่ว่าห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาแถมยังให้ลูกน้องคนสนิทคอยดูไว้อีก แต่ก็ไม่รู้ทำไมคนเมาอย่างเธอถึงหลุดขึ้นมาบนนี้ได้
“ข้างล่าง แต่ไม่อยากลง”
“ทำไม”
“ถามเยอะจริง!” หญิงสาวทำเสียงขุ่น เริ่มไม่พอใจที่ถูกซักถาม แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาเพราะมึนเมาจนรู้สึกอยากอาเจียน
“เอ้า!” ตนุธิปยกมือขึ้นทึ้งเรือนผม อยากบอกไปตรง ๆ ว่าเธอน่ะกำลังรบกวนพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็สงสารคนเมาเหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น
“ลงไปก็ถูกบังคับให้กินเหล้าอีกน่ะสิ อึ้ก...แค่นี้ก็เมาแล้ว ม่ายหวายแล้ววว”
ร่างสูงถึงกับหลุดหัวเราะ เห็นท่าทางเมามายของเธอก็นึกเอ็นดูอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าคำพูดนั้นก็ทำเอาเขาสะท้อนใจอยู่ลึก ๆ
ถูกบังคับให้กินเหล้างั้นเหรอ...
“งั้นให้นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้ อยากลงไปตอนไหนก็ค่อยไป” เจ้าของร้านใจดีแบ่งพื้นที่ส่วนตัวให้ พร้อมกันนั้นเขายังลากเก้าอี้มานั่งที่ฝั่งตรงข้ามคนตัวเล็ก หวังอยู่เป็นเพื่อนคนเมาและใช้โอกาสนั้นพินิจมองใบหน้าสะสวยของเธอไปด้วย
“อยากกลับจัง แต่ไม่อยากทะเลาะ อึ้ก!” เสียงเล็กบ่นพร่ำและตามด้วยแรงสะอึกที่ทำเอาตัวโยนสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
“กลับสิ เรียกแกร็ปไหมล่ะ เดี๋ยวให้เด็กในร้านเรียกให้” บริการพิเศษไปอีก!
“ไม่ด้าย กลับก่อนแล้วทะเลาะ ไม่ชอบทะเลาะ ม่ายยย”
“ทะเลาะกับใคร แล้ว...”
“กุ๊ก! อยู่นี่เอง พี่ตามหาตั้งนาน!”
ไม่ทันที่ตนุธิปจะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเข้มของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาประคองร่างแบบบางของคนฝั่งตรงข้ามเข้าไปประชิด
“ไอ้นาย” ตนุธิปเอ่ยเรียกคนที่เข้ามาใหม่เบา ๆ เขารู้จักคนคนนี้ในฐานะเพื่อนรุ่นน้องที่เคยเห็นหน้าและพูดคุยกัน ทั้งยังเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าน่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอคนนี้ด้วยเช่นกัน
“เฮียต๊อด หวัดดีครับเฮีย ผมขอโทษนะครับที่แฟนผมขึ้นมา แฟนผมเมาน่ะครับ ขอโทษจริง ๆ นะครับเฮีย” คนอีกฝ่ายรีบขอโทษขอโพยและตวัดแขนช้อนร่างแฟนสาวเอาไว้
“ไม่เป็นไร กูเห็นว่าเมาก็เลยให้นั่งพัก” เสียงเข้มเอ่ยแต่สายตายังคงมองไปยังใบหน้าของเธอที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะหลับสนิทไปแล้ว
“เจอเฮียก็ดี ผมว่าจะถามว่าเฮียไม่อยากลงแข่งบ้างเหรอครับ ผมอยากเห็นเฮียลงแข่งให้เป็นบุญตาอีกสักครั้ง คราวนี้สนามกลับมาครึกครื้นแน่นอน” นายเอ่ยถามถึงเรื่องการแข่งขันรถยนต์
ตนุธิปเคยเป็นนักแข่งรถชื่อดังระดับประเทศ แต่เขาก็ต้องเลิกราไปเพราะเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อหลายปีก่อนเขาเองก็เคยลงแข่งตามสนามเล็ก ๆ พอให้หายคิดถึงอยู่บ้าง ทว่าหลังมานี้กลายเป็นว่าเขาวางมือไปอย่างถาวรจนหลายคนนึกเสียดาย
ซึ่งนายเองก็ชื่นชอบและหลงใหลในความเร็ว เขาชอบลงแข่งตามสนามทั่วไป และก็มักได้รับชัยชนะเกือบทุกครั้ง นั่นจึงทำให้เขาได้รู้จักกับตนุธิปที่ยึดถือเป็นแบบอย่างในการไล่ล่าความฝัน
“ไม่ว่ะ กูคงสู้ใครเขาไม่ได้แล้ว”
“โธ่...ระดับเฮียต๊อดซะอย่าง ถ้าเฮียสู้ไม่ได้ผมคงแพ้ราบคาบแล้วล่ะครับ”
“มึงก็เวอร์”
“ผมรอดูเฮียลงแข่งอยู่นะครับ รับรองเลยว่าถ้าเฮียลงแข่งคนลงพนันกันเยอะแน่ ๆ อดีตนักแข่งระดับตำนานลงเล่นเองทั้งที”
“มึงอยากแข่งกับกูไหมล่ะ” เขาถามกลับ
“โห้ ไม่ครับ ผมไม่กล้าหรอก รู้อยู่แล้วว่าแพ้ ผมไม่แข่งแน่นอน”
“ฮึ...ไม่หรอก ฝีมือมึงก็ไม่ใช่เล่น ๆ” เขารู้ว่าฝีมือของนายไม่ธรรมดา แต่ก็อ่อนหัดกว่าเขามาก แถมวิธีเล่นก็ยังเลวทรามสกปรกเกินกว่าจะเอาตัวเองลงไปเฉียดใกล้ในสนาม
“งั้นผมขอตัวก่อนกว่าครับ ขอโทษอีกครั้งครับที่แฟนผมขึ้นมารบกวน ไปก่อนนะครับเฮีย”
“เออ” เขารับคำเบา ๆ ก่อนที่คนตรงหน้าจะหมุนตัวเดินออกไปพร้อมแฟนสาวในอ้อมแขน
“เฮีย...เมื่อกี้ไอ้นายมันขึ้นมาเหรอครับ แล้วก็แฟนมันด้วย มันขึ้นมาเหรอครับเฮีย” เดย์ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแทรกขึ้นพลันทำให้ตนุธิปหันไปมอง
“อืม”
“ผมขอโทษครับเฮียที่ปล่อยให้คนอื่นขึ้นมา ผมออกไปสูบบุหรี่มาเลยไม่ได้อยู่เฝ้า...”
“แฟนมันเหรอ” เขาไม่ได้ถือสาที่ลูกน้องบกพร่องในหน้าที่ แต่อยากได้คำตอบถึงสถานะของสองคนมากกว่าทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแล้วก็ตามว่าเป็นอะไรกัน
“อ้อ...ใช่ครับ ผู้หญิงคนนั้นแฟนไอ้นาย เห็นชอบพามาบ่อย ๆ คนนี้น่าจะแฟนคนล่าสุดครับ”
“…”
“น่าสงสารนะครับ ไม่น่าเลย...น่าจะไปหาแฟนดี ๆ หน้าตาก็สวยน่ารัก ไม่น่าหลวมตัวมาคบกับไอ้นายเลย”
“อืม...ไม่น่าเลย” เสียงเข้มรับคำแผ่วเบาขณะที่สายตาก็ยังจดจ้องมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนฟุบกับโต๊ะไปเป็นที่เรียบร้อย
เขาเห็นด้วยกับที่ลูกน้องพูดทุกอย่าง เธอไม่น่าคบกับผู้ชายแบบนั้นเลย
จริงอยู่ที่ตนุธิปรู้จักนายดี นายเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเขา เคยเจอกันบ้างประปรายตามร้านสังสรรค์และสนามแข่งรถที่เขามักจะไปดูการแข่งขันเวลาว่าง ๆ
เขารู้เช่นเห็นชาติของกลุ่มรุ่นน้องพอสมควร แต่ก็ไม่เคยเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะเป็นเรื่องส่วนของใครของมัน ทว่าพอเป็นผู้หญิงคนนั้นเขากลับรู้สึกเห็นใจขึ้นมา
ไม่น่าเลย...
“ผมว่าอีกไม่นานหรอกครับนาย ให้ไม่หนึ่งอาทิตย์เลย ไอ้นายมันเอาน้องเขาไปลงเดิมพันหรือไม่ก็ส่งต่อให้เพื่อนมันแน่”
“ช่างเถอะ...เรื่องของคนอื่น อย่าไปสนใจเลย” ตนุธิปแทรกและหมุนตัวกลับมานั่งในยังจุดดื่มพลางหยิบแก้วเหล้าสีอำพันของตัวเองขึ้นมาดื่ม
เขาไม่อยากสนใจเรื่องคนอื่น แม้ว่าจะรับรู้ถึงความเลวทรามที่จะเกิดขึ้นตามมา
กรรมใครกรรมมัน ทุกอย่างมันกำหนดไว้แล้ว...