08
คนโง่
เธอนั่งกอดเข่าร้องไห้กับตัวเองขณะที่จมทิ้งร่างกายนั่งอยู่บนพื้น สายตาก็ทอดมองออกไปยังนอกระเบียงที่ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว
หลังจากที่นายใช้กำลังขืนใจเธอในรอบสุดท้ายเขาก็ออกจากห้องไปและทิ้งท้ายด้วยคำข่มขู่ว่าหากเธอคิดหนีเขาก็จะตามรังควานไม่จบไม่สิ้น และรวมถึงคนรอบตัวของเธอด้วยเช่นกันที่จะพลอยได้รับผลกระทบตามไปด้วย
นั่นจึงทำให้เธอเลือกที่จะปล่อยตัวเองให้จมดิ่งอยู่กับความทุกข์ทรมานในห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้มาตลอดหลายชั่วโมง
ดวงตาสวยหันมามองร่องรอยตามเนื้อตัวจากการกระทำของแฟนหนุ่มที่ฝากฝัง มันทั้งเจ็บทั้งแสบ ทั้งยังน่ารังเกียจจนอยากกำจัดมันออกจากตัวให้หายลับไป หยาดน้ำที่แห้งเหือดก็เพียรไหลพรั่งพรูอีกครั้งเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เพิ่งเผชิญ
เธอถูกทำร้ายและข่มเหงน้ำใจจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน!
แกร๊ก!
เสียงประตูดังขึ้นพลันทำให้สติดวงน้อยที่ปล่อยลอยล่องกู่กลับมา
ใบหน้าสวยหันมองด้วยความหวาดหวั่น เธอรีบคู้ตัวให้เล็กที่สุดเพราะยังหวาดกลัวกับอารมณ์โหดร้าย และไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องพบเจอกับอะไรอีก
“กุ๊ก พี่กลับมาแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพลางปิดประตูให้แน่นสนิท
ขายาวก้าวเข้ามาช้า ๆ กระทั่งเห็นว่าแฟนสาวกำลังนั่งอยู่บนพื้นห้องเขาถึงได้ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน และยกมือขึ้นเกลี่ยไล้ที่แก้มของเธอซึ่งมีร่องรอยช้ำจากฝีมือชั่วช้าของตัวเองประดับอยู่
“พี่กลับมาแล้วครับ พี่ซื้อโจ๊กมาฝากด้วยนะ กุ๊กหิวหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาคมขลับก็ทอดมองที่ส่งผ่านความรักและความห่วงใยออกมา หากแต่มันไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีใจเลยสักนิด
กลับกันเธอรู้สึกหวาดกลัวเขามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
หากเขากลับมาในอารมณ์เดือดดาลโมโหร้ายเธอจะไม่หวั่นกลัวเท่านี้เลย ไม่รู้จะทำเหมือนเป็นห่วงกันทำไมทั้ง ๆ ที่สภาพย่ำแย่ของเธอในตอนนี้ก็ล้วนแต่เกิดจากฝีมือของเขาทั้งนั้น
“พี่ขอโทษนะครับ พี่โทษนะ ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลย พี่ผิดไปแล้ว”
“…”
“พี่ยอมรับผิดทุกอย่างเลย พี่โกรธที่กุ๊กบอกเลิกพี่ พี่เลยโมโห...แล้วก็เลยพาลทำร้ายกุ๊ก”
“พี่มันเลว!” กุ๊กก่นคำด่าออกมาทั้งที่น้ำตาไหลหลั่ง ความจริงเธออยากด่าเขามากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่ความเจ็บปวดชอกช้ำที่คงอยู่เหมือนกับเป็นสิ่งที่ปรามความรู้สึกของเธอเอาไว้
“พี่ผิดไปแล้ว แต่พี่รักกุ๊กนะ พี่ขอโทษจริง ๆ พี่ทำไปเพราะพี่รักกุ๊ก พี่ไม่อยากเลิก พี่เลยขาดสติแล้วก็เผลอทำร้ายกุ๊ก พี่ผิดไปแล้วครับ” นายกระชับอ้อมแขนกอดรัดร่างแน่งน้อยให้แน่นขึ้น เขาพูดพร่ำแต่คำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาและไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
กุ๊กเองก็ได้แต่แน่นิ่งปล่อยให้เขาทำตามใจต้องการ เธอเจ็บปวดและหมดแรงเกินกว่าจะต่อต้าน หากแต่หัวใจของเธอกลับไม่สามารถมองเขาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
“พี่ขาดสติไปจริง ๆ พี่รับไม่ได้กับคำบอกเลิก พี่รักกุ๊กมากพี่เลยไม่อยากเลิก พี่ขอโทษนะกุ๊ก พี่ขอโทษนะครับ”
“…”
“หรือกุ๊กอยากให้พี่ตายให้ดู! เอาแบบนั้นไหมล่ะ พี่จะชดใช้ให้ทุกอย่าง ด้วยความตายของพี่!”
พรึ่บ!
“อย่า! อย่านะพี่นาย!” วงแขนเล็กคว้ากอดร่างสูงใหญ่ของแฟนหนุ่มเอาไว้
เธอไม่ได้ต้องการให้เขาชดใช้อะไร เพราะมันไม่สามารถเอาความรู้สึกที่เสียไปคืนกลับมาได้
ไม่มีอะไรจะทำให้เธอกลับมามองเขาในแบบเดิมได้อีกแล้ว...
“แต่กุ๊กยังโกรธพี่อยู่ กุ๊กไม่ยอมพูดกับพี่ กุ๊กไม่มองหน้าพี่เลย”
“กุ๊กแค่...” แค่เสียใจ เสียใจที่เขาทำกับเธอแบบนั้น
“พี่ขอโทษนะคนดี พี่ขอโทษจริง ๆ พี่มันเลวเอง พี่ผิดไปแล้ว พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำแบบนี้อีก กุ๊กให้อภัยพี่นะครับ นะครับคนดี”
“…” เธอไม่ตอบ และไม่แม้แต่จะสบตาเพราะรู้ดีว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับคนรักมากแค่ไหน
น่าสมเพชเสียจริง...หญิงสาวแค่นหัวเราะและด่าตัวเองในใจ
ชีวิตเธอน่าสมเพชเอามาก ๆ ถึงได้ใจอ่อนกับคนที่ทำร้ายเธอแบบนี้
และใช่...เธอให้อภัยเขาเพียงแค่คำว่ารักที่หลุดออกจากปาก
“พี่รักกุ๊กนะ รักกุ๊กมากนะครับ พี่ขอโทษนะ ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลย คืนดีกันนะครับ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำแบบนี้อีก นะครับคนดี”
ใบหน้าสวยเชยขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนด้วยความสั่นเทาหวั่นไหว วงแขนเล็กกลับกระชับกอดรัดให้แน่นขึ้นคล้ายกับการตอบรับและยินดีกับคำขอโทษที่ออกมาจากปากของเขา
“กุ๊กเองก็รักพี่ กุ๊กรักพี่มาก ๆ เหมือนกัน”
มุมปากหยักหยัดยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่มันจะกดจูบยังเรือนผมนุ่มของแฟนสาว ผิดกันกับดวงตาคมที่ฉายชัดสะท้อนถึงความชั่วร้ายออกมาโดยที่เธอไม่ทันเห็น
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณนะที่ให้โอกาสพี่” นายเอ่ยบอกคำนั้น แต่ทว่าภายในใจกลับมีแต่คำด่าทอกับความโง่เขลาเธอเสียเต็มประดา
“มึงมันโง่ คนโง่อย่างมึงไม่มีทางตามกูทันหรอก!”
หลายวันผ่านไป
นายพากุ๊กมาที่ร้านสังสรรค์ของรุ่นพี่ที่รู้จักซึ่งเป็นร้านประจำที่เขาชอบพาเธอมานั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อน วันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของสองคนก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นก็ค่อย ๆ เลือนรางเจือจางหายไปทีละน้อย
จนเหมือนกับว่ามันแทบไม่เคยมีความรู้สึกเจ็บปวดชอกช้ำเกิดขึ้นมาก่อน...
“กุ๊ก ดื่มอีกสิ อย่าเพิ่งหลับ ดื่มเป็นเพื่อนพี่อีกหน่อยเถอะนะ” มือใหญ่รั้งตัวของแฟนสาวที่นอนฟุบหลับคาโต๊ะขึ้นมาเอนพิงกับร่างกายของตัวเอง
“อือ...กุ๊กไม่ไหวแล้วค่ะพี่นาย กุ๊กเมาแล้วจริง ๆ” กุ๊กส่ายหน้าไปมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกฤทธิ์เหล้าครอบงำทั้งสติและร่างกายจนไม่สามารถดื่มต่อได้อีกแล้ว
“อะไรกันน้องกุ๊ก เพิ่งดื่มไปนิดเดียวเอง ไหนไอ้นายมันโม้นักโม้หนาว่าน้องกุ๊กคอแข็ง” เพื่อนในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพราว ซ้ำยังยื่นแก้วเหล้าไปตรงหน้าของหญิงสาว คะยั้นคะยอให้เธอดื่มกลืนมันเข้าไปอีก
“กุ๊กไม่...”
“เอาน่ากุ๊ก เดี๋ยวเพื่อนพี่มันเสียน้ำใจนะ”
กุ๊กมองใบหน้าของแฟนหนุ่มสลับกับแก้วเหล้าไปมา และท้ายที่สุดเธอก็หยิบรับมันขึ้นมาดื่มจนกระทั่งหมดแก้ว ก่อนที่เธอจะวางมันลงบนโต๊ะและลุกขึ้นเพราะรู้สึกอยากอาเจียน
“กุ๊กขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ กุ๊กไม่ไหว”
ร่างแบบบางรีบลุกและเดินไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกล และเพียงถึงตัวชักโครกสิ่งที่อยู่ในท้องก็ถูกอาเจียนออกมาจนน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
เธอรู้สึกทรมานและไร้เรี่ยวแรง อยากกลับไปนอนแต่แฟนหนุ่มก็ไม่ยอมท่าเดียว และพอปฏิเสธก็จะกลายเป็นว่าเราสองคนจะทะเลาะมีปากเสียงกันอีกครั้ง
ซึ่งเธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
“แกมันโง่” เสียงเล็กเอ่ยเบา ๆ กับตัวเอง
ใช่...เธอกำลังด่าตัวเองที่กลับมาจมอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้
ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเลือกที่จะหวนกลับมาทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่ามันคือสิ่งที่ฝืนใจเธอเป็นที่สุด
รักเหรอ?
เธอรักนายขนาดนั้นเลยไม่อยากเลิกรากับเขาเลยหรือ?
หญิงสาวตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ แต่แล้วเธอก็ถูกดึงให้จมดิ่งเข้าสู่ห้วงความรักของเขาอีกซ้ำ ๆ เหมือนกัน
เธอพยายามปีนป่ายขึ้นจากหลุมโง่งมและอยากเลิกรากับเขา แต่ก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงตัดใจเด็ดขาดไม่ได้สักที
เพียงเพราะเขารักเธองั้นหรือ?
คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาจนหญิงสาวเวียนหัว เธอยกมือขึ้นทึ้งเรือนผมจนยุ่ง จากนั้นก็ทรงตัวพาร่างกายเดินออกไปยังอ่างล้างมือหวังให้หยาดน้ำช่วยชโลมและทำให้เธอนึกคิดอะไรได้มากขึ้น
แต่ทว่า...
“คนโง่มันไม่ได้น่าสงสารหรอกนะ”
เสียงห้าวทุ้มเอ่ยขึ้นพลันทำให้คนตัวเล็กรีบหันไปมองก็ถึงได้เห็นว่าเป็นเจ้าของร้านที่แฟนของเธอเคยทักทายและเธอเองก็เห็นหน้าเขาอยู่บ่อย ๆ เขายืนกอดออกอยู่ตรงกรอบประตู สีหน้าและสายตามองเธออย่างนึกเย้ยหยันสมเพช
“คุณ...” เธอจำชื่อเขาไม่ได้ แต่กลับจำใบหน้าโหด ๆ ของเขาได้แม่นทีเดียวว่าน่ากลัวแค่ไหน แถมแฟนของเธอก็ดูเกรงกลัวเกรงใจอยู่ไม่น้อย
“คนโง่มันไม่ได้น่าสงสาร แต่มันน่าสมเพชมากกว่า รู้เอาไว้ด้วย!”
และสิ้นประโยคนั้นร่างสูงตระหง่านก็เดินออกไป ทิ้งให้เธอจมดิ่งอยู่กับคำว่า ‘โง่’ ของเขาซ้ำไปซ้ำมา
ราวกับว่าเขาล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และมันก็เหมือนเป็นการเตือนสติคนโง่อย่างเธอ
ใช่หรือเปล่า...
หรือว่าเธอแค่คิดมากไปเอง...