บทที่ 2
...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง...
หลังจากมาถึงสนามบินลำปางในช่วงเช้ามืดของอีกวัน พอธาดาเปิดมือถือเท่านั้นเสียงข้อความแช็ต ออนไลน์สุดฮิต ก็เด้งเตือนถี่รัวคล้ายคนส่งคงกระหน่ำส่งชนิดเครือข่ายแทบล่ม
ที่รัก... ‘ธามคะ แพรอธิบายทุกอย่างได้นะคะคุณช่วยฟังกันก่อน’
คุณป๋า... 'ไอ้ธามพ่อรอแกอยู่ที่บ้าน แกหายหัวไปไหนวะ? '
คุณหญิงย่า... 'เจ้าธามนี่แกเปิดเครื่องแล้วโทร.กลับมาคุยกับย่าก่อน'
เจ๊เนย... 'นายธามแกอยู่ไหนโทร.กลับมาหาเจ๊ด้วย'
ที่รัก... 'ธามคะ แพรผิดไปแล้ว...แพรขอโทษ'
เจ้าข้อความสุดท้ายนั้นถึงจะแสนสั้น แต่ทำร้ายจิตใจคนอ่านอย่างแสนร้ายกาจ ถ้าไม่รักไม่คิดหยุด ทำไมไม่บอกตั้งแต่ต้น ถ้าเธอรักชีวิตสุขสบายแต่จะเป็นคนในเงามืดของบิดาแล้วจะมาหลอกเขาทำไม สุดท้ายธาดาตัดสินใจโยนผู้หญิงสารเลวคนนั้นทิ้งไปแถวข้างถนน รถรับจ้างกำลังขับพาเขามุ่งตรงกลับบ้าน...บ้านที่มีแต่ความรักและอบอุ่นให้เขาไม่เคยเปลี่ยน
…ก็แค่ผู้หญิงหิวโซลายดอกเป็นทองคนหนึ่ง…จะเก็บเอาไว้ให้เป็นเสนียดหัวใจทำไมกัน…และอีกครึ่งชั่วโมงต่อมากายสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมยับเล็กน้อย กับกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดีสีกรมท่า กระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่เขามักมีติดรถอยู่เสมออีกหนึ่งใบ ก็ลงมายืนอยู่ด้านหน้าเรือนไทยทรงล้านนา สร้างจากไม้สักทองอายุร่วมร้อยปี ตั้งอยู่ในอาณาเขตของไร่ 'เคียงฮัก' อยู่ระหว่างถนนของอำเภอเมืองกับอำเภอห้างฉัตร มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่
สองขาแกร่งก้าวตรงไปข้างหน้าเอื่อยเฉื่อยดังคนที่สิ้นเรี่ยวแรง แสงแดดในช่วงเกือบเก้าโมงร้อนแรงไม่น้อย แต่เขาอยากสูดกลิ่นอายของความสุขในอดีตที่ยังเป็นเพียงแค่เด็กชายธามเท่านั้น
"พ่อธาม...นั่นพ่อธามของยายจริง ๆ ใช่ไหม?”
เสียงที่ดังขึ้นจากชานเรือนหลังโตร้องทักลงมาตามประสาหญิงสูงวัยสายตาย่อมไม่ดีนัก แต่อย่างไรความผูกพันทางสายสัมพันธ์ผู้เป็นคุณยายที่เลี้ยงกันมาตั้งแต่แรกเกิดมันย่อมคุ้นตาอยู่บ้างนั่นเอง ธาดาเร่งฝีเท้าก้าวยาว ๆ ขึ้นบันไดทีละสองขั้น ผิดกับท่าทางการเดินตอนแรกไปโดยสิ้นเชิง เขาทิ้งกระเป๋าเป้ลงพื้นอย่างไม่สนใจจะมองว่ามันจะไปตกลงยังที่ใดทั้งสิ้น
ให้เข้มแข็งแค่ไหนคนเราก็มีมุมอ่อนแอไม่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับเขา ธาดา หย่งธรรมคุณ คนนี้ เพราะต่อให้เขาคิดว่าทำใจได้แล้ว ทว่าในยามเมื่อเขาได้ยินเสียงของคุณยาย ญาติเพียงหนึ่งเดียวที่รักเขาจากใจจริงแท้ ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนรถวีลแชร์โดยมีพยาบาลประจำตัวอย่างคุณยายพรรณีคอยดูแลอยู่ใกล้ชิด เขาพุ่งกายที่กำลังสิ้นเรี่ยวแรงเข้าไปทรุดนั่งกับพื้นเรือนสะอาดสะอ้าน แล้วจึงซบหน้าบนตักท่านนิ่ง สองแขนยกขึ้นกอดเอวท่านไว้อย่างต้องการกำลังใจอย่างที่สุด
“พ่อธามของยาย เป็นอะไรไปลูก?”
คุณยายสายหยุดวัยหกสิบสามปี มองหลานชายคนเดียวที่พอมาถึงก็ไม่พูดไม่จา ทำเพียงตรงเข้ามากอดท่านแนบแน่นอย่างคนที่กำลังบาดเจ็บสาหัสทางด้านจิตใจ คุณยายใช้มือเหี่ยวย่นลูบเรือนผมสีดำสนิทตัดสั้นเรียบร้อยของหลานชายด้วยกิริยานุ่มนวลใส่ใจ แล้วรอให้เขาพูดความรู้สึกออกมาเองโดยไม่เซ้าซี้แต่อย่างใด
“เขา...พวกเขา...พวกเขาทำร้ายผม...พวกเขาร่วมมือกันแทงข้างหลังผมครับคุณยาย…พ่อกับแพรพวกเขา…แทงข้างหลังผม”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคุณยายด้วยดวงตาอันแดงช้ำแต่ไม่มีน้ำตา อารมณ์ทั้งรักและแค้นผสมกันจนแยกไม่ถูก เพราะหากผู้ชายที่อยู่บนเตียงเมื่อวานนี้ไม่ใช่บิดาแท้ ๆ เขาคงจะไม่เจ็บเจียนตายขนาดนี้เลย ทุกเรื่องราวถูกถ่ายทอดให้กับหญิงชราได้รับฟังอย่างไม่ปิดบังให้ตนเองต้องเจ็บแต่เพียงผู้เดียว
“พวกเขา...ใจร้ายเหลือเกินครับคุณยาย…ผมเจ็บเหลือเกิน เจ็บที่ต้องมาถูกสวมเขาจากพ่อตัวเอง และยิ่งเจ็บกว่ากับการต้องเผชิญกับงานแต่งในอีกสามอาทิตย์ที่จะถึง"
ใช่แล้ว นอกจากจะเสียใจเจ็บปวด สิ่งที่กำลังรอคอยเขาอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คืองานวิวาห์ที่แจกการ์ดไปหมดแล้ว ทุกสิ่งพร้อมหมด ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีหน้าตาให้รักษา แต่เจ้าสาวนั้นจะให้เป็นคนที่เขาเห็นกับตาตัวเองว่าเธอกำลัง...มีอะไรกับพ่อเขาเองก็ไม่อาจฝืนทนแม้แต่จะไปยืนร่วมพิธีแต่งงานจอมปลอมเพียงไม่กี่ชั่วโมงได้ไหว
...มัน...ขยะแขยงจนอยากอาเจียนจริง ๆ ...
"ผมยังไม่รู้เลยครับคุณยายว่าผมจะผ่านมันไปได้อย่างไร ไหนจะคุณย่ากับเจ๊เนย ผมค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้ผมล่มงานแต่งนี้ โดยเฉพาะ...ล่มด้วยสาเหตุนั้น...พวกเขาช่างสิ้นคิดและ...โหดเหี้ยมกับผมนัก คิดโยนทุกความอับอาย เจ็บปวดและทุกข์ทรมานเอามาใส่ไว้ให้ผมคนเดียว....”
พอคิดตามคำพูดของหลานชาย คุณยายสายหยุดก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเป็นครู่ เพราะนางนั้นรู้ซึ้งนิสัยรักหน้าตาของวงศ์ตระกูลมาก่อนของฝ่ายคุณหญิงย่าของธาดาดี ไม่ต่างจากที่หลานชายของนางรู้เช่นกัน คงไม่ยากหากเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่เป็นเพียงหลานชายเจ้าของสวนผักธรรมดาเช่นนาง แต่นี่...ลูกและหลานชายของหย่งธรรมคุณแล้ว มันคงยากที่งานวิวาห์ซึ่งจัดเตรียมพร้อมเอาไว้ทุกสิ่งจะล่มลงโดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยสาเหตุอันแสนอัปยศแบบนี้…
…ยากแล้ว…มีแต่คำว่ายากเท่านั้น…
“เอาเถอะพ่อธาม วันนี้เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำอาบท่านอนพักสักตื่นนะลูก ตื่นมาบางทีเราอาจจะพอคิดทางออกได้บ้าง”
ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นมองเปลวแดดเหม่อลอยเล็กน้อย หลับสักตื่นหรือ มันยากที่สุดเลยในเวลาเช่นนี้สำหรับคนที่เพิ่งถูกกรีดดวงใจจากพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง
"ทำไมละครับคุณยาย ทำไมพ่อถึงทำกับผมแบบนี้ เขาไม่รู้สึกว่ามันเกินไปหรือครับคุณยาย ผม...ผมกำลังจะเป็นอาจารย์นะครับ ผมจะเป็นพ่อพิมพ์คนหนึ่ง แต่...แต่มีเรื่องแบบนี้ เขาไม่คิดว่าผมจะอับอายคนเขาขนาดไหนบ้างหรือ"
ชายหนุ่มระบายมันออกมาเป็นคำพูดที่แสนเจ็บช้ำ โง่...ใช่เขามันโง่จริง ถูกทั้งพ่อทั้งผู้หญิงของตัวร่วมกันแอบสวมเขาให้ เขาไม่รู้ว่าที่บริษัทป่านนี้คนจะรู้กันขนาดไหน ก็...ของคาวกลิ่นมันแรง...เขาจะมีหน้ากล้าเดินเข้าไปในโรงงานของตระกูลอีก ยังจะกล้าเดินเข้าไปให้พนักงานหัวเราะขบขันได้อยู่อีกหรือ? ...
...ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดอับอาย...
“ไม่เป็นไรนะพ่อธามของยาย ฟังนะลูก ไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงมันก็เพียงหัวโขนนะลูก มันไม่มีอะไรเป็นจริง...ถอดออกมาก็ไม่เหลืออะไร...สวมไว้ก็มีแต่หนัก เชื่อยายเถอะ”
นางสายหยุดลูบผมของหลานชายคนเดียวอย่างพยายามปลอบใจ หวังให้เขาได้สติมีความคิดที่เริ่มดีขึ้นไปในทางบวกมากกว่าจะติดลบ เพราะสุดท้ายที่จะทุกข์ก็คงมีแต่หลานชายของนางเท่านั้น ที่ต้องจมอยู่กับเพลิงแค้นและความเจ็บช้ำ ส่วนต้นเหตุทั้งสองคนนางคิดว่าคงยากที่จะรู้สึกถึงความผิดความน่าละอายที่พวกเขากระทำลงไปร่วมกัน
“ตอนนี้ที่ผมกังวลมากก็คือคุณย่าคงไม่ยอมให้ผมล้มงานแต่งแน่ แล้วคุณยายคิดว่าผมจะทำยังไงกับแขกเหรื่อผู้ใหญ่มากมายที่เชิญไปแล้วดีครับ แล้วไหนจะยังมีพวกเพื่อนของผม...ของคุณย่ากับเจ๊เนยอีกเล่าครับ คนในแวดวงการธุรกิจมันมีไม่น้อย ผมตันไปหมดแล้วตอนนี้...ตันมากจริง ๆ คุณยาย แต่จะให้ผมยอมฝืนทนแต่งงานกับแพรวารีต่อเพื่อรักษาหน้าตา ผมคง…คงทำใจไม่ได้จริง ๆ”
ทั้งสองเจ้านายและคนสนิทที่อยู่กันมานาน ทำได้เพียงหันมองหน้ากันอย่างจนปัญญากับปัญหานี้ ก็มันฉุกละหุกไปหมด ทั้งคุณยายสายหยุดและนางพรรณีหญิงสูงวัยผู้มีอายุอ่อนกว่าเจ้านายสิบปี จึงได้แต่เงียบปล่อยให้คนช้ำหนักได้พูดระบายความอัดอั้นตันใจ
และกว่าธาดาจะสงบจิตสงบใจไปอาบน้ำนอนพักผ่อนตามที่คุณยายของเขาแนะนำได้ ก็ปาเข้าไปร่วมสองชั่วโมง คุณยายสายหยุดได้แต่มองตามกายสูงใหญ่ของคนเป็นหลานชายด้วยความเป็นห่วง คงจะเป็นด้านจิตใจเสียละมาก ก็ได้แต่แอบหวังลึก ๆ ว่าสุดท้ายเหตุการณ์เลวร้ายนี้จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น