บทที่ 3 เพื่อนรัก

2405 Words
ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลศูนย์ระบบประสาทและสมองประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนายังตกใจไม่ทันหายเมื่ออยู่ ๆ กระถินก็กดวางสายโดยไม่ทันได้บอกอะไรเธอราวกับว่ากำลังประสบพบเจออะไรบางอย่างระหว่างทาง “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณหมอ...” เสียงของพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคุณหมอสาว ซึ่งวันนี้คุณหมอมีนาจากแผนกศัลยกรรมเข้าเวรที่ห้องฉุกเฉิน “คือ...วันนี้มีหมอเข้าเวรกี่คนคะ พอดีว่าฉันมีธุระ” “เอ่อ สามคนนะคะ แต่ว่ามันไม่ควรถ้าคุณจะออกไปข้างนอก มันผิดวินัยน่ะค่ะ” มีนาพยักหน้ารับพร้อมกับมีสีหน้ากลุ้มใจ ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาก็ไม่ค่อยมีคนไข้ฉุกเฉินเวลานี้สักเท่าไร แต่ถึงไม่มีถ้าออกไปเวลานี้แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คุณหมอสาวก็อาจจะได้รับโทษผิดวินัยร้ายแรง แต่เวลานี้...ยังติดต่อเพื่อนรักไม่ได้ “รับสิ กระถิน” ใจดวงน้อยสั่นไหวพร้อมกับความเป็นห่วงเพื่อนสาวสุดหัวใจ เธอโทรหาคนเป็นเพื่อนอีกคราแต่อีกฝ่ายกลับไม่รับดังเดิม แต่เมื่อครู่ที่พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือเหมือนว่ากระถินใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ครืดด... “เดี๋ยวฉันมานะคะ...” มีนาดันเก้าอี้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อกาวน์ “เดี๋ยวสิคะ คุณหมอ!! คุณหมอมีนา!!...” มีนาร้อนรนใจเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับคนเป็นเพื่อน ลำพังเรื่องที่ตนทำผิดทรยศหักหลังก็ทำให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว ถ้ากระถินเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางมาที่นี่ก็ยิ่งทำให้มีนารู้สึกผิดเข้าไปกันใหญ่ เธอติดเครื่องยนต์ขับรถไปตามถนนทางหลวงขาเข้ากรุงเทพฯเผื่อว่าจะสวนกับรถยนต์ของคนเป็นเพื่อนที่กำลังเดินทางมาหาเธอที่โรงพยาบาล... ขณะเดียวกันการกระโดดลงน้ำคลองอย่างไม่คิดชีวิตของกระถินนั้นเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาที สัญชาตญาณความเป็นแพทย์หรืออะไรบางอย่างในใจทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างนั้น ร่างบางล้วงมือเข้าไปในกระจกรถที่แตกละเอียดฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่เธอจะปลดล็อกประตูรถยนต์ แรงดันน้ำมหาศาลที่ไหลเข้าไปในคันรถนั้นทำให้รถจมลงใต้ผืนน้ำจนมิดหลังคา กระนั้นเมื่อน้ำเข้ามาจนเต็มรถทำให้เธอเปิดประตูรถได้ง่ายขึ้นด้วยแรงดันภายนอกและภายในเท่ากัน หญิงสาวดำน้ำเข้าไปในรถก่อนจะใช้เรียวแขนคล้องคอผู้ประสบเคราะห์ร้ายคนนี้ออกมาจากตัวรถที่กำลังจมลงเรื่อย ๆ นี้ นึกโกรธในใจที่ผู้ชายคนนี้ขับรถโดยประมาทไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หญิงสาวดีดตัวพาร่างไร้สติของเขาคนนี้ขึ้นลอยเหนือผืนน้ำได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะลากตัวเขาเข้าฝั่ง ทว่าเสียงรถยนต์หลายคันที่แล่นมานั้น ปัง!! “อึก...” กระถินตกใจจนตาแทบถลนเมื่ออยู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น ทำให้เธอรีบรั้งร่างหนาของเขานี้ไปหลบหลังพุ่มไม้ที่เอนลงคลองน้ำ ดีที่ยังไม่ทันพาร่างหนาขึ้นฝั่งเพราะการเคลื่อนไหวในน้ำนั้นง่ายกว่าบนบก เนื่องจากมีแรงพยุงของน้ำช่วยพยุงเขาไว้ ...ใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้นมา นี่ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ...แต่มันเป็นการฆาตกรรม คงไม่มีคนดีที่ไหนยิงปืนขึ้นฟ้าหรอก พวกเขาต้องตามฆ่าผู้ชายคนนี้แน่ ๆ “อึก...” ชายหนุ่มข้างกายสำลักน้ำเมื่อได้อากาศหายใจ ทว่ากลับถูกฝ่ามือบางของกระถินตะปบปิดริมฝีปากไว้ เขายังมีลมหายใจนั้นเป็นเรื่องดี แต่...ร่างหนากลับไม่ได้สติ ...กระถินชำเลืองสายตามองศีรษะของเขา เธอมองเปลือกตาที่ปิดสนิทนี้ด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเจ็บใด ๆ เลือดก็ไม่มีสักหยด ทว่ากลับไม่มีสติแสดงว่าสมองสั่งการของเขาถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักแน่นอน “ทำใจดี ๆ ไว้นะคุณ...” เธอกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู รับรู้ว่าเขาได้ยินเสียงของเธอ เพียงแค่ตอบสนองไม่ได้เท่านั้น “เฮ้ย!! หามันให้เจอก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น! แม่งเอ๊ย...มีคนมาช่วยมันแน่ ๆ” กระถินใจเต้นตึกตักกลัวว่าจะมีคนเห็น เธอเม้มริมฝีปากหันไปมองชายข้างกายที่ตอนนี้กำลังหายใจโรยรินอยู่ หญิงสาวกำฝ่ามือของเขาไว้แน่นภายใต้ผืนน้ำโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่กลัวว่าจะถูกจับได้ “ให้ตายสิ...” ตลิ่งคลองที่เธอเหยียบอยู่ก็ค่อย ๆ ไถลลงมาน้ำก็เย็นจนตัวเธอจะเปื่อย เรี่ยวแรงแขนที่คล้องคอคนตัวโตอยู่ก็อ่อนแรงเต็มที ขณะที่รอบกายก็มีคนจำนวนมากที่กำลังใช้ไฟฉายส่องตามหาเขา ทว่า “ฮัลโหลครับนาย...ตอนนี้เรายังไม่เจอร่างของมันเลยครับ” “นายจะติดต่อตำรวจเหรอครับ โอเคครับ ได้ครับ” กระถินได้ยินเหมือนคนคุยโทรศัพท์ คนพวกนี้ต้องเป็นคนร้ายแต่ทำไมถึงพูดเหมือนจะโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ “เฮ้ย!! ไม่ต้องตามหาละ นายเราแม่งเส้นใหญ่ เดี๋ยวนายติดต่อตำรวจนะ ถ้ามีคนเจอแม่งยังไงก็ต้องแจ้งตำรวจ เราค่อยดักเอาตัวมันตอนนั้น ถ้าไม่ตายก็น่าจะอยู่โรงพยาบาล” กระถินกัดฟันแน่น เธอชำเลืองสายตามองเขาคนนี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายขนาดนี้ แม้นแต่ตำรวจก็ไว้ใจไม่ได้ ...นานสองนานกว่ารอบกายจะเงียบสงบ หญิงสาวออกแรงเฮือกสุดท้ายดึงร่างหนาของชายคนนี้ขึ้นฝั่ง “...ฮึก รอดแล้วคุณ” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ปริ่มอยู่รอบดวงตา คิดว่าตัวเองจะถูกจับได้และถูกฆ่าไปเสียแล้ว แต่กลับรอดมาได้อย่างหวุดหวิด เจ้าของร่างบางหันซ้ายแลขวาก่อนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่มีแสงไฟจากรถของเธอแล้ว “โอ๊ย!! รถฉัน!” กระถินอยากร้องไห้ รถอีโค่คาร์คันเล็กของเธอนั้นถูกคนร้ายเอาไปด้วย ตอนนี้ก็ไม่มีรถพาเขาคนนี้ไปหาหมอแถมรถคันเล็กของเธอที่ตั้งใจเก็บเงินมาทั้งชีวิต กว่าจะจ่ายงวดรถหมดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ ทว่า “อึก...ชะ ช่วย” “เฮ้อ...” หญิงสาวหันไปมองตามเสียงของคนตัวโต เธอไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเขาชัด ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องมาเสี่ยงชีวิตรวมถึงเสียรถคันโปรดไป “รออยู่ตรงนี้ก่อนนะคุณ...” หญิงสาวหยัดกายขึ้นก่อนจะกระเสือกกระสนขึ้นถนน เสี้ยนหนามก็ตำเท้าแต่ก็ต้องขึ้นไปให้ได้ “โธ่ชีวิต ไม่มีรถเลย...” กระถินยกมือขึ้นทึ้งผมที่เปียกโชกของตนเมื่อไม่มีรถผ่านมาทางนี้เลย พอหันไปมองร่างหนาก็มองไม่เห็นแล้วเพราะมันมืดมาก ทว่า “รถ...” หญิงสาววิ่งเข้าไปกลางถนนเมื่อมีรถคันหนึ่งแล่นมาทางนี้ เป็นไปได้ยากในเวลานี้ที่จะมีรถแล่นมาสักคันหนึ่ง ทว่า เอี๊ยด!! “กระถิน!!!” “มีนา มีนาแก...” รถเก๋งคันหรูของมีนาจอดเทียบข้างถนนเมื่อมีคนวิ่งมาตัดหน้ารถ ทว่าพอตั้งใจมองก็พบว่าเป็นเพื่อนของเธอเอง ร่างบางรีบลงจากรถด้วยความรีบร้อนทันที “เป็นอะไรหรือเปล่า อึก ขอโทษที่มาช้านะ ฉันขับรถออกมาก็วนอยู่ตรงสี่แยกนานมาก ไม่ชินทางเลย...อึก แกเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวว่าไปร้องไห้ไป ซึ่งเธอเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน และไม่เคยขับรถออกมาไกลขนาดนี้มาก่อน ทว่า “ฉันไม่เป็นอะไร แต่มีคนเป็น” กระถินกุมมือของเพื่อนสาวขึ้นมา เธอเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ “อย่าตกใจนะ คือมีคนถูกทำร้ายแล้วเขาก็ตกลงไปในน้ำ ตอนนี้ฉันช่วยเขาไว้ที่ข้างถนน...” “อะ อะ โอเคไม่ตกใจ...เราควรแจ้งตำรวจนะ” มีนาพยายามไม่ตกใจ แต่เธอก็เสียงสั่นพอควรเพราะเรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ “เดินระวัง ๆ นะ...อึก แจ้งตำรวจไม่ได้หรอก ฉันได้ยินมันพูดว่ารอดักเอากับตำรวจ ตำรวจที่นี่น่าจะเป็นคนของมัน” กระถินว่าระหว่างจูงมือมีนาลงข้างถนนเพื่อไปช่วยเขาคนนั้น “แต่...เดี๋ยวก่อน เอาโทรศัพท์มาส่องทางก่อน” มีนาล้วงมือเข้ากระเป๋าเสื้อกาวน์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไฟฉายส่องนำทาง ทว่าร่างหนาที่เห็นตรงหน้านั้น “ให้ตายสิ ไม่ตายแล้วแน่นะ” “ยัง ยังหายใจอยู่” กระถินนั่งลงก่อนจะช้อนศีรษะของเขาขึ้นมาวางบนตักของเธอ “สมองน่าจะได้รับความเสียหายนะ ไม่มีเลือดสักหยด...” “เขาต้องผ่าตัด ดูสิ...บวมมาก” “นั่นสิ...” ฝ่ามือบางสั่นระริกจับศีรษะของเขาบริเวณเหนือใบหูนี้ ซึ่งมันบวมมาก ๆ ราวกับมีน้ำคั่งอยู่ข้างใน “เราต้องเรียกรถพยาบาล” “ไม่ได้ ให้คนรู้ไม่ได้ อึก พวกมันต้องไปดักรอที่โรงพยาบาลแล้วแน่ ๆ” “จริงเหรอ...แต่เขาอาการแย่มาก” มีนาเอ่ยพูดเสียงสั่น เธอเป็นหมอย่อมรู้ดี ขณะที่กระถินก็เป็นหมอเช่นกัน แม้นจะเพิ่งลาออกหมาด ๆ ก็ตามที “_” กระถินก้มหน้าลงมองใบหน้าของเขาคนนี้ เธอหอบหายใจอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นเพื่อนเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก “มีนา...เราต้องช่วยเขา” “จะช่วยยังไง รถพยาบาลก็เรียกไม่ได้ ตำรวจก็แจ้งไม่ได้” กระถินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะค่อย ๆ ปริปากเอ่ยพูดสิ่งที่คิดในหัวให้คนเป็นเพื่อนได้ตัดสินใจ “แกช่วยผ่าตัดเขาได้ไหม อึก อย่าให้ใครรู้ อย่าแจ้งตำรวจ” “แกจะบ้าเหรอ เข้าผ่าตัดต้องให้ญาติเซ็นเอกสาร ดูสิ..เลือดคั่งในสมองแน่ ๆ” มีนาเป็นกังวล เธอย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ คนเป็นเพื่อน “ญาติเขาอยู่ไหนเราก็ไม่รู้ ให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยโทรหาญาติก็แล้วกัน แต่ถ้าแกแจ้งตำรวจพวกนั้นมันรู้แน่ ๆ มันมีปืนแล้วก็เส้นใหญ่ อึก...เขาอาจจะถูกฆ่าตายทีหลังอีก” “แต่...กระถิน มันไม่ใช่เรื่องของเรา” “แกจะปล่อยให้เขาตายงั้นสิ” มีนาก้มหน้ามองเขาคนนี้ เธอข่มเปลือกตาปิดลง “แต่ฉันกำลังทำผิดจรรยาบรรณนี่ อึก แกลาออกไปแล้วแกก็ไม่เข้าใจ แต่ฉันนี่สิ...ถ้ามีคนจับได้ฉันต้องถูกถอนใบประกอบแน่ ๆ” มีนาส่ายหน้าเบา ๆ เธอไม่กล้าทำสิ่งที่คนเป็นเพื่อนพูด ทว่า “ฉันเข้าใจ แต่เรา...ปล่อยให้เขาตายไม่ได้” หญิงสาวว่าเสียงสั่น ซึ่งใบหน้าของกระถินที่เต็มไปด้วยความกังวลนี้ทำให้มีนารู้สึกผิดมากกว่าเดิมที่ไม่สามารถช่วยได้ เรื่องที่ตนหักหลังคนเป็นเพื่อนอีกด้วย หากทำเรื่องนี้ตอบแทนให้...กระถินอาจจะเห็นใจเธอในภายหลังก็ได้ “โอเค โอเค ฉันจะเข้าผ่าตัดให้” ใบหน้าของกระถินค่อย ๆ หันมามองคนเป็นเพื่อน เธอฉีกยิ้มบาง ๆ “หึ นี่แหละเพื่อนรักฉัน คนไข้สำคัญที่สุด” มีนายิ้มกว้างก่อนจะช่วยกันพยุงเขาคนคนนี้ขึ้นไปที่รถของเธอ... เวลาต่อมา... “บ้าตาย ๆ ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย” มีนาทำไปบ่นไป เธอกำลังเตรียมเครื่องมือผ่าตัดด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ช่วยแพทย์ผ่าตัดสักคน เวลากลางดึกห้องผ่าตัดไม่ได้ถูกใช้งาน แผนกศัลยกรรมระบบประสาทและสมองไม่มีคนอยู่ในเวลานี้ “เถอะน่า...” กระถินกำลังกล้อนผมของเขาคนนี้ให้เพียงพอต่อการผ่าตัดบริเวณเหนือใบหูขึ้นไปเล็กน้อย กว่าจะพาเขาคนนี้นั่งรถเข็นขึ้นมาที่ห้องผ่าตัดได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ไม่รู้ว่าตอนนี้สมองของเขายังทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ ทั้งคู่ทำทุกอย่างด้วยกัน ทั้งสแกนสมองดูความเสียหาย ทั้งเปิดเครื่องมือเตรียมพร้อมผ่าตัดเอง “ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำเรื่องแบบนี้ไปกับแกกี่ครั้งแล้วนะกระถิน เราสองคนแหกกฎแบบนี้มากี่ครั้งแล้วนะ” มีนาพึมพำออกมาระวางวางยาสลบของเขาคนนี้ สองสาวกำลังลอบผ่าตัดผู้เคราะห์ร้ายภายในห้องผ่าตัดโดยไม่มีใครรู้ “หึ ขอบใจแกที่ทำแบบนี้กับฉันมาตลอด ไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดมานานแค่ไหนแล้วนะ” “แหม...แค่สามเดือน” กระถินหัวเราะเบา ๆ เธอเพิ่งลาออกจากข้าราชการ เพราะต้องกลับมาดูแลพ่อที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ท่านมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ขณะเดียวกันแฟนหนุ่มก็บอกให้เธอลาออกเพื่อจะได้เป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว หญิงสาวไม่ได้ลังเลเลยสักนิด เธอกับเขาวาดฝันว่าจะมีลูกทันทีหลังจากแต่งงาน แต่ทุกอย่างก็พังลงเสียก่อน “เฮ้!...เหม่ออะไร จะเริ่มผ่าแล้วนะ” “โอเค...เดี๋ยวฉันผ่าเองดีกว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะขอรับผิดชอบคนเดียว” มีนามองหน้าเจ้าของคำพูด ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าเบา ๆ “แกพูดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น...ฉันจะร่วมรับผิดกับแก” กระถินฉีกยิ้มให้กับมีนา ขณะที่อีกฝ่ายคิดไว้แล้วว่าตนน่าจะลาออกจากราชการอยู่แล้วไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง เพราะเด็กในท้องของเธอก็ต้องโตขึ้นเรื่อย ๆ มีนาอยากจะเลี้ยงเขาด้วยกำลังที่มีแม้นจะต้องสูญเสียเพื่อนรักคนนี้ไป แต่ครั้งนี้...หญิงสาวคิดว่าตนทำดีที่สุดแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD