ดวงตากลมโตเล็งไปที่เป้าหมาย เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในมุมเงียบๆ ห่างออกไปราวๆ ห้าเมตรเห็นจะได้
ในหนังสือที่อ่าน หลังจากที่เธอหนีงานแต่งงาน เซียวหวังเหล่ยครองตัวเป็นโสด อีกฝ่ายได้พบโจวหยางซี ในช่วงที่เธอทำตัวเหลวแหลก เป็นช่วงเวลาก่อนที่เธอจะสิ้นชีวิตนั่นเอง และเขายังออกปากว่าจะช่วยเธอ ทว่าเป็นโจวหยางซี ที่ทำเรื่องแย่ๆ ด้วยการไล่ตะเพิดเขา พร้อมถุยน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย สิ่งที่เธอทำ ทั้งหมดเพราะกลัวเขาจะได้รับอันตรายจากอิทธิพลของคนตระกูลกังนั่นเอง และหากกล่าวกันเช่นนี้ อย่างน้อยโจวหยางซีก็พอมีความดูอยู่บ้าง
“เอ่อ เหล่ยต้าเกอ...”
หญิงสาวพยายามปั้นเสียงหวานอย่างเต็มที่ และวันนี้ก็แต่งชุดสวยรัดด้านบนเปิดด้านล่าง ใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย และผ่าหลัง เสื้อก็เน้นแบบรัดรูปไม่ให้ดูเชยอย่างที่ทุกวันซึ่งเจ้าของร่างเคยแต่ง แถมค้นส้นสูงมาสวมทำให้ดูโดดเด่น ราวกับสตรีที่อยู่ในย่านเช่าของชาวต่างชาติ
เซียวหวังเหล่ย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ยามนั้นหัวคิ้วเขาขมวดเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ปรากฏตรงหน้าเขา ชายหนุ่มพ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมา
“อืม อากาศเย็นใช้ได้เลย แล้วทำไมสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนั้น ดูสิ ปากสั่น ตัวสั่น หน้าก็ซีด กลับบ้านไปเถอะ อั๊วไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอก” เขาบอกเธอด้วยเสียงเย็นชา สีหน้าก็โคตรจะดูถูก
“ซีซี ไม่ได้หนาว ที่สั่นแบบนี้ทั้งตัวแบบนี้ เพราะสั่นสู้เหล่ยต้าเกอต่างหากล่ะคะ”
ให้ตายเถอะ เธอพยายามทำตัวเองให้ตลกนิดๆ และเซกซี่ หวังเร้าอารมณ์ชายหนุ่มให้เกิดตัณหา เผื่อเขาจะหน้ามืด แล้ววิ่งไล่ปล้ำเธอให้ห้องสมุด และมันอาจเข้าทางเธอ ยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวสักหน่อย จากนั้นได้เดินเข้าสกุลเซียว เช่นนี้เธอก็จะอยู่รอดในโลกนิยาย ไปอีกยาวนานหลายสิบปี
ยามนั้น สีหน้าเขาเครียดกว่าเดิม และดูเหมือนแอบแยกเขี้ยวด้วย
“ไม่ไปดูหนัง หรือเตรียมตัวทำงานที่ไนต์คลับหรือไง อีกอย่างฉันไม่อยากมีปัญหากับพวกตระกูลกัง”
หญิงสาวที่ปั้นหน้ายิ้มหวานต้องฉุนจัดและหุบยิ้มฉุบลง
“ไม่ล่ะ ซีซี มีเรื่องอย่างคุยกับเหล่ยต้าเกอ และสำคัญมาก”
“เสียใจด้วย อั๊วไม่ค่อยว่าง”
เซียวหวังเหล่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา ฝ่ายเขาเป็นตระกูลผู้ดีเก่าบิดาเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน และเหลือทรัพย์สินให้ลูกๆ ไม่น้อย เขาเป็นคนโต ได้บ้านสวน กับพื้นที่เพาะปลูกพอสมควร อีกทั้งยังต้องเลี้ยงดูแม่ใหญ่ที่หลงๆ ลืมๆ ด้วย ที่สำคัญยังเป็นพ่อหม้ายที่มีเรือพ่วงสามลำ ก่อนหน้านี้เขาอยากได้ภรรยาใหม่สักคน และให้แม่สื่อไปทาบทามมารดาของเธอ โดยไม่ได้กล่าวถึงเรื่องแต่หนหลังว่าโจวเหวิน บิดาของโจวหยางซีมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตเขาจากกองเพลิงเมื่อหลายปีก่อน
ซึ่งฝ่ายคุณนายโจว (หลี่ฉู่) มารดาหญิงสาวเรียกสินสอดสูงลิบ ทั้งมีความละโมบเกินเหตุ อีกทั้งโจวหยางซี แสดงท่าทางรังเกียจพ่อหม้ายอย่างเขา ชอบพูดว่าตนจะได้เป็นคุณนายตระกูลกัง เมื่อรู้เช่นนั้น เซียวหวังเหล่ยจึงพับกระดาน ไม่อยากแต่งงานกับเธอ เรื่องนี้ถือว่าจบกันไป ไม่มีรื้อฟื้นอีก ถึงอย่างนั้นเขาก็รักษาที่บิดาเคยให้ไว้กับโจวเหวิน แม้ไม่แต่งานกับลูกหลานตระกูลโจว เขาก็จะคอยช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ แทน
แต่จู่ๆ โจวหยางซีก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา ทำทีว่าอยากเป็นภรรยาของอีกฝ่าย รวมถึงทำหน้าที่แม่บุญธรรมให้เด็กๆ ทั้งสามคน
“ซีซี... อยากแต่งเข้าบ้านเซียว เหล่ยต้าเกอ คิดเห็นอย่างไร” เธอพูดตรงเกินไปนิด ยุคสมัยนั้น มีสตรีที่ไหนที่กล้าเปิดปากเอ่ยเรื่องนี้กับฝ่ายชายก่อน
“แต่งงาน...กับอั๊ว” เขาทวนคำ
ชั่วแวบหนึ่ง ดวงตากลมโตเห็นว่าสองแก้มชายหนุ่มแดงระเรื่อ และท่าทีเขาขัดเขินอยู่มาก
อย่ามาทำไขสือเลยโคแก่อายุก็อยู่วัยลุงแล้ว หึๆ ๆ ดูเอาเถิด คนสวยอย่างเธอ พอออดอ้อนผู้ชายเขาหน่อยขี้คร้าน จะยอมคุกเข่าและสวมแหวนให้แน่นอน
แต่ผิดคาด เซียวหวังเหล่ยถอนหายใจแรงๆ ติดกันอีกสามหน ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มจัดกับเธอว่า
“ตอนนี้ฉันอยากใช้ชีวิตหนุ่มโสด ปีนี้เป็นปีชงด้วย ผู้หญิงที่แต่งกับฉัน หากไม่ตายโหง ก็คงต้องเจ็บป่วยหนัก บอกแบบนี้ หวังว่าเธอจะเข้าใจ”
ช็อค...
โจวหยางซี ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอได้ยินอย่างนั้นจริงๆ หรือ
ให้ตายเถอะ คนหยาบคายและทำให้เธอโกรธจัด จนอยากเล่นบทนางร้ายตลอดไปก็คือ เซียวหวังเหล่อย
“ลุง... ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ห๊า ฉันยอมเป็นหญ้าอ่อนให้ วัวแก่ๆ เคี้ยวเนี้ย ก็เป็นบุญปาก บุญกระเพาะแล้วนะ ฮึ... จะแต่งไม่แต่ง เตือนแล้วนะ ถ้าไม่แต่ง ฉันจะตามจองล้างจองผลาญไม่เลิกเลยคอยดู”
และถ้อยคำดังกล่าวนั้น โจวหยางซี เพียงแค่คิดในใจ ใครมันจะกล้าพูดกับอีกฝ่าย แต่เซียวหวังเหล่ยมีสีหน้าครุ่นคิด และบอกกับเธอด้วยคำพูดที่รุนแรงกว่าเดิม
“เสี่ยวซี อั๊วมีลูกตั้งสามคนต้องเลี้ยงดู พวกเขากำลังโต... และถ้าต้องเลี้ยงเธออีกคน แถมต้องคอนสอนเรื่องต่างๆ อั๊วบอกตามตรงว่า เหนื่อยเกินไป และกลัวสขภาพจิตเสีย ดีไม่ดีผมหงอกก่อนวัยอันควร”
“เอ๊ะ เหล่ยต้าเกอ คิดว่าฉันยังเด็กอยู่เหรอ ปีนี้จะยี่สิบเอ็ดแล้วนะ”
เธอว่าและบิดตัวไปมา อวดสัดส่วนของตน ตั้งใจยั่วยวนสุดขีด ทว่าเขากับส่ายหน้า แล้วบอกพูดแทงใจดำกว่าเดิม
“อั๊วชอบดูของสวยของงามก็จริง แต่ถ้าต้องมีเมียใหม่สักคน ก็อยากได้คนที่ทำงานหนักได้ มีสมองที่ดี ไม่ใช่... วันๆ เอาแต่เพ้อฝัน อยากเป็นนางเอกหนัง หรือนักร้องในไนต์คลับ!”
โจวหยางซีอยากกรี๊ด กรี๊ดใส่หูของอีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็คือมองร่างสูงที่ปิดหนังสือลง แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนก้าวจากเธอไปอย่างไม่มีคำลา
ไอ้ คนเฮงซวย... คืนนี้ก็นอนฝันเปียกไปเถอะ อย่าหวังว่าจะมีผู้หญิงที่ไหน ตกถึงท้องเลย
ตาแก่หนังเหี่ยว !