“ไม่ต้องกลัวรดา พี่อยู่ทั้งคน จะไม่มีใครทำอะไรรดาได้”
เขาพูดเสียงเข้ม ตั้งใจไว้ว่าจะปกป้องดูแลร่างบางไว้ด้วยชีวิต เสียงระเบิดดังมาอีกเป็นระลอกที่สอง พร้อมกับร่างอ้วนเตี้ยของเสี่ยยลที่เดินออกมาจากลิฟต์ และลูกน้องของเขาที่เดินขึ้นมาทางบันไดหนีไฟหลายสิบคน เดินตรงมาหาสาวน้อยร่างบางที่ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
“ว่าไงจ๊ะ...น้องรดา แม่เล้าสุดสวย กลัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”
เขาถามด้วยรอยยิ้ม มองร่างน้อยที่ยืนสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเบิ้ม ด้วยสายตาแทะโลม
“ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไงเสี่ยยล” เบิ้มเป็นฝ่ายถาม
“ก็แค่มาเอาของๆ กูคืนเท่านั้น แค่นี้มันยังน้อยไป กับที่อีส้มมันปอกลอกกูไป”
เขาพูดอย่างเดือดดาล ความสวยและความสาวที่เขาเห็นและสัมผัส ล้วนแต่เป็นของจอมปลอม เป็นหน้ากากที่ผู้หญิงคนนั้นสวมใส่ไว้ และเขาเองที่โง่ดูไม่ออกว่าสิ่งไหนคือเพชร สิ่งไหนคือก้อนกรวด ทำให้เขาต้องหย่าร้างกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างสิ้นเยื่อใย เขาพยายามสืบหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมด ในที่สุดเขาได้รู้ความจริงว่า ลดาลักษณ์ คือเจ้าของผับตัวจริง มีอาชีพเก่าคือโสเภณี ส่วนคนที่ชื่อรดาสาวน้อยหน้าใสคนนี้ หาใช่แม่เล้าหรือเจ้าของผับไม่
“เสี่ยโง่เองนะ โทษใครไม่ได้”
เบิ้มบังร่างของรดาไว้ด้านหลัง เมื่อเห็นสายตาโลมเลียมของเสียยลแล้ว ผู้ชายด้วยกัน ดูออกว่ากำลังคิดทำอะไรอยู่
“ใช่!...ครั้งหนึ่งกูเคยโง่ แต่ครั้งนี้กูไม่โง่แล้ว รู้ว่าอะไรคือของดี อะไรคือของเน่า” สายตาและคำพูดของเสี่ยยลมองมาที่รดาเขม็ง
“อย่าแม้แต่จะคิดนะเสี่ยยล...ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน” เบิ้มขู่
“กลัวตายล่ะมึง...กูอยากรู้นักว่ามึงจะทำอะไรกูได้ คนของมึงน่ะเหรอ นอนหมอบอยู่ที่ชั้นล่างเกือบหมดแล้ว ที่เห็นอยู่นี่ก็ไม่น่าจะเกินห้าคน แล้วมึงจะทำอะไรกูได้”
เสี่ยยลพูด ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาเบิ้มที่ยืนบังร่างของรดาจนมิดอย่างปกป้อง
“รดาหนีไปก่อน ไปสิ...ไป” เบิ้มเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่อยู่ด้านหลัง
“แล้วพี่เบิ้มล่ะ หนีไปด้วยกันสิ หนีไปด้วยกัน”
รดาร้องบอก จับแขนกำยำของเบิ้มออกแรงลากให้ไปกับเธอ เพราะเธอรักเบิ้มเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง
“หนีไปก่อนรดา...หนีไปสิ หนีไป...พี่บอกให้ไปไง”
เบิ้มยังคงเร่งรดาไม่หยุด สาวน้อยละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดขาเรียวเล็กค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่คนของเสี่ยยลวิ่งเข้าใส่ร่างของเบิ้ม การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น ร่างของเบิ้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นหลังจากต่อสู้กับศัตรูนับสิบ ที่ลงไปนอนนิ่งอยู่ที่พื้นบ้าง นอนร้องโอดครวญอยู่ที่พื้นบ้าง และที่ทำให้เบิ้มต้องไปนอนอยู่ที่พื้นสาเหตุจากไม้ที่ฟาดลงมากลางศีรษะของเขาอย่างแรงนั่นเอง รดาขาแข็งก้าวขาแทบไม่ออก เมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากกลางศีรษะของเบิ้ม
“ว้าย!...ปล่อยนะ”
เสียงร้องของรดาอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของเสี่ยยล ที่กระโจนมาหาเธอ กอดรัดร่างบางที่นุ่มนิ่มและหอมกรุ่น ก่อนจะผลักร่างของรดาลงไปนอนอยู่ ที่พื้นพรม
“ไหนลองดูสิว่าแม่เล้าจะเด็ดกว่าลูกเล้าอย่างอีส้มหรือเปล่า...เพราะรายนั้นร้อนจนฉันแทบจะตายคาอก”
ดวงตาของรดาเบิกกว้าง ปล่อยช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือ จากนั้นผลักไสร่างของเสี่ยยลเป็นพัลวัน พร้อมกับกรีดร้องดังลั่นด้วยความกลัว
“อย่านะ...อย่า”
เธอหลับหูหลับตาทุบตีไปตามร่างกายของเสี่ยยล ปกป้องการรุกรานของเขาอย่างสุดกำลัง ในขณะที่มืออวบของเขาถลกชายชุดราตรีสีฟ้าอ่อนขึ้นสูงเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“พลั่ก!”
ร่างของเสี่ยยลลงไปนอนกับพื้น ตามแรงกระแทกของเท้าที่หนักหน่วงของอัคคี หลังจากที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างสงบอยู่นาน และเริ่มทนไม่ไหว เมื่อเห็นเหยื่อที่เขาหมายปองกำลังจะถูกผู้ชายรุ่นพ่อข่มขืน ในความรู้สึกตอนนั้น เขาอยากให้เธอได้รับบทเรียนอย่างเจ็บแสบและทุกข์ทรมาน หากแต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่อดรนทนไม่ไหว จึงต้องเข้ามาช่วยรดาในวินาทีต่อมา
“มึง...มึงเป็นใครวะ...ถึงกล้าทำกับกูแบบนี้”
เสี่ยยลเมื่อลุกขึ้นยืนได้ เขาชี้หน้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงหนารุ่นลูก ที่โอบกอดร่างบางของรดาไว้แนบกายอย่างปกป้อง
“กูเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญเพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของกู มึงไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง”
เขาพูดเสียงดังฟังชัด เสียงของอัคคีดูมีอำนาจสะกดผู้ที่ได้รับฟังให้หยุดนิ่ง หวาดกลัวได้อย่างไม่ยากเย็น มีเพียง รดาเท่านั้นที่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ข้างกายเธอ
“ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...กูอยากจะหัวเราะ แม่เล้าคนนี้น่ะเหรอเป็นผู้หญิงของมึง กูว่าเป็นผู้หญิงสาธารณะมากกว่า ที่ยอมขึ้นเตียงกับผู้ชายได้ทุกคน เหมือนกับคำพูดที่ว่า เงินมาผ้าหลุด...ฮ่า...ฮ่า”
เสี่ยยลพูดไปหัวเราะไป ทำให้รดาถึงกับหน้าถอดสี มองชายหลายคนที่มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เหยียดหยามดูแคลน
“เมื่อก่อนอาจจะใช่สำหรับคำพูดของมึง แต่นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่ใช่”
เขาไม่พูดเปล่าเดินตรงดิ่งไปหาเสี่ยยล ก่อนจะใช้กำปั้นที่หนักหน่วงกระแทกไปที่ใบหน้าของเสี่ยยลหลายครั้ง จนเสี่ยยลได้ลิ้มรสของเลือดที่ไหลเข้าไปในปาก และสลบไปจากกำปั้นสุดท้าย ลูกน้องของเสี่ยยลเมื่อเห็นเจ้านายของตนถูกทำร้าย จึงกรูเข้ามาหาอัคคี หากแต่ชายนับสิบที่ไม่รู้มาจากไหน ต่างกรูเข้ามาปกป้องอัคคีผู้เป็นเจ้านายหนุ่ม จากเดิมที่ได้รับคำสั่งให้มาทำลายล้างที่นี่ กลับกลายต้องมาปกป้องอัคคีและรดาแทน
การตะลุมบอนของชายไม่ทราบจำนวนจึงเริ่มขึ้น หากแต่พวกที่พลาดพลั้ง กลับเป็นนักเลงชั้นปลายแถวของเสี่ยยล ที่นอนกระจัดกระจายตามพื้นพรมไปทั่ว
“รีบไปเถอะครับนาย ท่าทางจะไม่ดีแล้ว”
เดียวเร่งอัคคี หลังจากได้ยินเสียงระเบิดขวดอีกลูกดังมาจากชั้นล่าง อัคคีจึงเดินเข้าไปหารดาที่ยืนตัวสั่น ด้วยท่าทีที่มั่นคง หาได้หวาดกลัวหรือกริ่งเกรงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไปกันเถอะครับ...รดา...ไปกับผม...ผมจะดูแลคุณเอง”